ตอนที่แล้วระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 30 สังหารโหดสำนักตะวันหาญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 32 โลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด

ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 31 มารร้าย


ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 31 มารร้าย

"ราชวงศ์หลัว......"

"ตระกูลหลัว......"

"เบื้องหลังพวกเขา ใครจะคิดได้ว่าจะมีขุมอำนาจน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้คอยหนุนหลัง"

"หรือเป็นขุมอำนาจชั้นนำ หรือแม้กระทั่งขุมอำนาจระดับ 1 อื่น ๆ ในดินแดนเต๋าอนันต์กันแน่"

"พวกเขาไม่กลัวนิกายหมื่นอัคคีที่อยู่เบื้องหลังสำนักตะวันหาญของข้าหรือไร"

ด้านนอกนครจักรพรรดิ

ในหุบเขาแห่งหนึ่ง

จ้าวสำนักคนปัจจุบันของสำนักตะวันหาญ ในตอนนี้ยังรู้สึกหวาดหวั่นจากก้นบึ้งใจอยู่

ตามหลักแล้ว

ด้านหลังสำนักตะวันหาญ มีนิกายหมื่นอัคคีผู้เป็น 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำขนาดใหญ่ของมณฑลตงหวงคอยหนุนหลัง

ภายในดินแดนเต๋าอนันต์

ขุมอำนาจระดับ 2

ขุมอำนาจระดับ 1

ล้วนไม่กล้าเป็นศัตรูกับสำนักตะวันหาญ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพฤติกรรมเช่นการทำลายล้างสำนักตะวันหาญ

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยขอบเขตกายาเต๋า 1 สวรรค์ของกู่เจิ้นผู้เป็นบรรพบุรุษสูงสุดแห่งสำนักตะวันหาญ

สำนักตะวันหาญภายในดินแดนเต๋าอนันต์

ควรจะมีสถานะไร้เทียมทาน

ทว่า......

เหตุใดครั้งนี้ สำนักตะวันหาญจึงออกกำลังไปเกือบยกสำนัก

แต่ผลที่ได้ก็ประสบความพ่ายแพ้อย่างหนัก

แม้กระทั่ง บรรพบุรุษสูงสุดกู่เจิ้นยังสิ้นชีวิตไป

ศิษย์สำนักตะวันหาญกว่า 2 แสนนาย

ดูเหมือนว่า ก็ยากที่จะหลีกหนีความตายได้

มีเพียงเขาผู้เป็นจ้าวสำนักคนปัจจุบันของสำนักตะวันหาญ ที่สามารถหนีรอดออกมาได้

"บัดซบ!"

"หากข้าหนีออกมาได้ช้าไป ไม่ใช่ต้องไปตายที่นั่นด้วยหรอกหรือ"

"นิกายหมื่นอัคคีที่อยู่เบื้องหลังสำนักตะวันหาญของข้า คงไม่ใช่แค่พวกปั้นตึกดินเหนียวกระมัง"

หลังจากหลบหนีจากนครจักรพรรดิของราชวงศ์หลัวไปไกล

จ้าวสำนักคนปัจจุบันของสำนักตะวันหาญ จึงชะลอความเร็วในการหลบหนีลงได้

พลางบ่นงึมงำและเดินทางต่อไปข้างหน้า

ด้วยการต่อสู้ครั้งนี้

สำนักตะวันหาญก็จบสิ้นแล้ว

แต่ถึงแม้สำนักตะวันหาญจะจบสิ้น เขาก็จะไม่ปล่อยให้ราชวงศ์หลัว รวมถึงขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังอยู่เย็นเป็นสุขไปได้

......

ราชวงศ์หลัว ด้านนอกนครจักรพรรดิ

ในหุบเขาแห่งหนึ่ง

จ้าวสำนักคนปัจจุบันของสำนักตะวันหาญ กำลังเดินก้มหน้างุดอย่างอับอาย

ปากก็พึมพำอะไรบางอย่าง

แต่ก่อนที่จะจากไปจากราชวงศ์หลัวอย่างแท้จริงได้

ในหุบเขานั้น ก็ปรากฏสมาชิกตระกูลหลัวขอบเขตทารกเซียนบางคนในชุดคลุมสีดำ

ส่วนหลัวเหิง จ้าวตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหลัวที่สวมชุดคลุมสีดำเรียบง่ายผู้นั้น

ไพล่มือไว้ด้านหลัง

บนใบหน้า มีรอยยิ้มจาง ๆ เสมอก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าจ้าวสำนักคนปัจจุบันของสำนักตะวันหาญในตอนนี้

"จ้าวสำนักตะวันหาญ"

"ผู้เยาว์คนนี้รอท่านมาเนิ่นนานแล้ว"

การปรากฏตัวของหลัวเหิง

ทำให้จ้าวสำนักตะวันหาญคนปัจจุบันนั้นมีสีหน้าพลันซีดขาว

ยิ่งเมื่อเห็นสมาชิกตระกูลหลัวขอบเขตทารกเซียนรายล้อมอยู่ข้างกาย

ผลที่ได้ก็คือ จ้าวสำนักตะวันหาญคนปัจจุบัน ที่แต่เดิมคิดว่าหลบหนีได้แล้ว ค่อย ๆ เกิดความรู้สึกสิ้นหวังขึ้นในใจ

"ทำไม"

"พวกเจ้า ไม่กลัวตายหรือ?"

"สำนักตะวันหาญของข้า เบื้องหลังมีนิกายหมื่นอัคคี 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำขนาดใหญ่ของมณฑลตงหวง!!"

จ้าวสำนักตะวันหาญคนปัจจุบัน ใช้นิกายหมื่นอัคคี 1 ใน 9 ขุมอำนาจชั้นนำขนาดใหญ่ของมณฑลตงหวง เป็นข้ออ้าง

ดูเหมือนจะยังดิ้นรนอยู่

ทว่า......

น่าเสียดาย

คำพูดนี้ของเขาไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลย

"นิกายหมื่นอัคคี?"

"แม้เป็นนิกายหมื่นอัคคีจะทำอะไรได้?"

หลัวเหิงหัวเราะ

เขาคิดว่า ผู้บำเพ็ญเพียรที่สามารถได้รับตำแหน่งจ้าวสำนักตะวันหาญนั้น

ไม่น่าจะไร้เดียงสาเช่นนี้

แต่ไม่คาดคิด

คนผู้นี้ แม้เผชิญหน้ากับภัยอันตรายถึงตาย ก็ยังรู้จักแต่ใช้ขุมอำนาจที่ตนพึ่งพิงอยู่

เขาอยู่ในโลกใบนี้มานานหลายปี

ไม่รู้หรือว่า

มีเพียงการยึดมั่นในพลังกำลังของตนเท่านั้น

คือสัจธรรมอันเป็นนิรันดร์ในโลกใบนี้

......

เขาส่ายหน้า

หลัวเหิงค่อย ๆ ยื่นมือขวาออกมา

ฝ่ามือตรงเข้าหาหัวใจของอีกฝ่าย

"ปัง!!"

เสียงทึบหน่วงดังขึ้น

ม่านตาของจ้าวสำนักตะวันหาญคนปัจจุบันหดลงในทันใด

เขาค่อย ๆ ก้มศีรษะลง สายตาเห็นเพียง

ที่ตำแหน่งหัวใจของตนเมื่อครู่ ในตอนนี้ ได้ถูกเจาะทะลวงเป็นรูแล้ว

เลือดสีแดงสดไหลพรั่งออกมา

ในช่วงเวลานี้เอง

"ทำไม"

"เพื่อตระกูลหลัว พวกเจ้าถึงกับทำลายสำนักตะวันหาญของข้าเลยหรือ มันคุ้มค่าหรือ"

จ้าวสำนักตะวันหาญคนปัจจุบัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันขื่นขม

จากนั้นก็ค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้น

เกิดควันฝุ่นโชยขึ้นมาพัดไหว

ไม่แน่......

แม้กระทั่งตอนตาย

เขาก็ไม่รู้เบื้องหลังตระกูลหลัวจริง ๆ ว่าไม่มีขุมอำนาจขอบเขตเซียนอื่นใดเลย

ที่ตระกูลหลัวสามารถทำลายล้างสำนักตะวันหาญได้

ก็เพราะพลังอำนาจของตระกูลหลัวที่พัฒนาขึ้นมาในร้อยปีนี้เท่านั้น

"จบแล้ว ถึงเวลากลับแล้ว!"

ในหุบเขา

หลัวเหิง จ้าวตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหลัวหยิบผ้าผืนหนึ่งมาเช็ดเลือดบนมืออย่างช้า ๆ

มีใบหน้าไร้ความรู้สึก เหลือบมองศพบนพื้นหนหนึ่ง

เขาค่อย ๆ ส่ายหน้าแล้วหันหลังกลับ

ส่วนสมาชิกขอบเขตทารกเซียนของตระกูลหลัวข้างกายนั้น

เมื่อได้รับคำสั่งจากจ้าวตระกูลแล้ว

ก็ต่างแยกย้ายเดินทางกลับไปยังตระกูลหลัว

......

เมื่อเวลาผ่านไป

ขณะนี้ ดวงอาทิตย์เจิดจ้าบนท้องฟ้าค่อย ๆ โค้งลาลับขอบฟ้า

ด้านนอกนครจักรพรรดิของราชวงศ์หลัว

เรือเหาะอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดกว่า 200 ลำค่อย ๆ ตกลงสู่พื้นดิน

ศิษย์สำนักตะวันหาญกว่า 2 แสนคน ภายใต้การฆ่าฟันของตระกูลหลัวอย่างไม่หยุดหย่อน

จำนวนก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

จนถึงขณะนี้

จำนวนศิษย์สำนักตะวันหาญที่เหลือรอด ก็เหลือเพียงหลักหมื่นเท่านั้น

"มารร้าย......"

"พวกเขาเป็นมารร้าย!!"

ในสนามรบ

ภายใต้การสังหารอย่างไม่รู้จบ

ในที่สุด ก็มีศิษย์สำนักตะวันหาญบางคนถึงขีดจำกัด

เห็นผู้บำเพ็ญเพียรสำนักตะวันหาญจำนวนมากคุกเข่าลงกับพื้น

กอดศีรษะ

ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา

น้ำตาไหลพรากออกจากดวงตาไม่หยุด

"อย่า......"

"ได้โปรดไว้ชีวิตข้าที"

"หากท่านไว้ชีวิตข้า ท่านจะให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำทั้งนั้น ทำทั้งนั้นเลย!!"

แน่นอน

ก็มีคนคุกเข่าลงกับพื้น

เหมือนสุนัขจรจัดน่าสงสารตัวหนึ่ง

ขอร้องขอความเมตตาจากตระกูลหลัวไม่หยุด

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า......"

"ฆ่าข้าสิ มีน้ำยาก็ฆ่าข้าซะ"

"เข้ามา!"

"ข้าไม่เคยเกรงกลัว!"

ในสนามรบ

แน่นอนว่ายังมีศิษย์สำนักตะวันหาญจำนวนหนึ่งที่ใบหน้าดุร้ายดั่งมาร

ลักษณะดูบ้าคลั่งเล็กน้อย

คำรามไม่หยุด

......

ผ่านไปพริบตา

ยามค่ำคืนมาเยือน

ดวงจันทร์เสี้ยวโค้งส่องแสงกลางฟ้าสูง

ราชวงศ์หลัว

ด้านนอกนครจักรพรรดิ

ตอนนี้ มีสายเลือดนองพื้น

ศพกองเป็นภูเขาเล็ก ๆ ลูกแล้วลูกเล่า

กลิ่นคาวเลือดฉุนแผ่ซ่านไปโดยรอบ

กระทั่งมีสัตว์อสูรกินเนื้อจำนวนมากบินวนเวียนอยู่ในท้องฟ้า

ราวกับต้องการกลืนกินเลือดเนื้อของศพเหล่านั้น

ทว่าก็เกรงกลัวผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลหลัวหลายหมื่นคนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอำมหิต

......

"ในที่สุดก็จบสิ้นแล้วหรือ"

ด้านนอกนครจักรพรรดิ

หลัวเหิง จ้าวตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหลัว

ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น จ้องมองศพกองเป็นภูเขาเล็ก ๆ รายรอบ

รวมถึงเลือดที่ไหลนองจนรวมตัวเป็นสายน้ำบนพื้น

อารมณ์ความรู้สึกของเขา

พลันซับซ้อนยิ่ง

ที่แท้ สงครามที่แท้จริงนี่ช่างเย็นชา ช่างโหดเหี้ยมเสียนี่กระไร

เขาเคยคิดว่าจิตใจของตน

แข็งแกร่งแล้ว

เยือกเย็นแล้ว

อำมหิตแล้ว

ทว่า กระทั่งได้เผชิญกับการฆ่าฟันเช่นนี้ด้วยตนเองครั้งหนึ่ง

หลัวเหิงจึงค่อย ๆ พบว่า ดูเหมือนตนเองจะยังมีข้อบกพร่องอีกมาก

"จ้าวตระกูล"

"ผู้รุกรานทั้งหมด ไม่มีใครรอดชีวิต"

"ส่วนสมาชิกตระกูลหลัวของเรา......"

"ล้มตายร้อยคน"

"บาดเจ็บสาหัสสามร้อยกว่าคน"

"บาดเจ็บเล็กน้อย คาดว่าน่าจะราวพันกว่าคน"

หลังจัดการเรื่องราวเสร็จสรรพ

หลัวเจ๋อ ผู้อาวุโสที่ 3 ของตระกูลหลัว

ปรากฏกายขึ้นอย่างช้า ๆ ด้านหลังของหลัวเหิง

ใบหน้าไร้ความรู้สึก รายงานข้อมูลเหล่านี้

"ล้มตายร้อยคน บาดเจ็บสาหัสสามร้อยกว่าคน บาดเจ็บเล็กน้อยพันกว่าคน?"

ได้ยินจำนวนตัวเลขนี้

หลัวเหิงพยักหน้าช้า ๆ

เสียงแหบพร่าเล็กน้อย

"ใช้เงินช่วยเหลือสมาชิกที่เสียชีวิต ให้จ่ายเพิ่มขึ้นห้าเท่า"

"ส่วนญาติที่ไร้สมรรถภาพในการทำงานของสมาชิกตระกูลที่เสียชีวิต"

"ให้ตระกูลเลี้ยงดู"

พูดจบ

หลัวเหิงก็หันหลัง

ไพล่มือไว้ด้านหลัง เดินกลับตระกูลหลัวเพียงลำพัง

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด