มวลชนนับพันมารวมตัวกันด้วยความโกรธ (อ่านฟรี 27/06/2567)
ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ เปรี๊ยะ!
“อึก! อ๊ากกกก” เสียงร้องดังขึ้นจากบอดี้การ์ดที่ต่างถูกบางสิ่งยิงเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัว ของสิ่งนั้นเป็นปืนขนาดเล็กที่ยิงแท่งเหล็กติดสายไฟสองแท่งเข้าใส่
หลังแท่งเหล็กสัมผัสถูกตัวมันก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าอย่างแรงเข้าใส่ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นทรุดตัวลงไปกองกับพื้นกันหมด ตำรวจจึงเข้าใส่กุญแจมือและคุมตัวทันที
นั่นก็รวมไปถึงเย่เซวียนด้วย เขาถูกช็อตจนชาไปทั้งตัว แต่ก็ยังพอมีแรงที่จะขยับได้ ดูเหมือนว่ากายาหยินหยางบริสุทธิ์จะแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย
“เย่เซวียน! ไอ้พวกตำรวจสารเลว! มันไม่จบง่าย ๆ แน่!!” ฮวาหวู่หลิงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งไปดูอาการชายหนุ่ม แต่ก็ถูกตำรวจนายหนึ่งขวางเอาไว้
“พาตัวไปให้หมด!” รองสารวัตรเอ่ยสั่งการออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
ตำรวจต่างพากันควบคุมตัวพวกเย่เซวียน ฮวาหวู่หลิง บอดี้การ์ดไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาใช้ลิฟท์ลงไปยังชั้นจอดรถเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนให้ได้มากที่สุด รองสารวัตรและเหอจุนต่างแอบยินดีในใจว่าแผนของพวกเขาสำเร็จแล้ว
แต่หารู้ไม่ว่าพวกเขาได้ทำสิ่งที่โง่ที่สุดลงไปจนได้
...
“ไอ้พวกบัดซบ! ตำรวจที่ไหนมันใช้ทั้งความรุนแรงแล้วก็ปืนไฟฟ้าพาตัวคนทั่วไป ไปสอบสวนวะ!” เย่เซวียนที่ถูกพาตัวไปนั่งท้ายรถตะโกนออกมาด้วยความโมโห เขาถูกพาตัวไปพร้อมกับฮวาหวู่หลิงที่อยู่ด้านข้าง ส่วนพวกบอดี้การ์ดถูกพาตัวไปที่รถคันอื่น
โชคดีที่พวกมันไม่ได้รื้อตัวเพื่อยึดอะไรไป ทำให้โทรศัพท์ยังคงอยู่กับชายหนุ่มตามเดิม แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันยังใช้งานได้ปกติหรือไม่
“สมน้ำหน้า! เป็นไงล่ะ ยังกล้าปากดีอีกรึไง ?” เหอจุนที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับกล่าวเยาะเย้ยออกมา เขารู้สึกสะใจมากที่อีกฝ่ายมีสภาพแบบนี้
แค่ฟลุครวยขึ้นมาจะมาสู้อะไรกับเขาที่รู้จักรองสารวัตรได้กัน ?
“หวังว่านายจะรู้ตัวนะว่าทำอะไรลงไป” ฮวาหวู่หลิงที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่ข้างเย่เซวียนกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นเยียบ ทำให้เหอจุนอดรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาไม่ได้
“เฮอะ! พวกแกทำร้ายร่างกายฉัน บังคับทำอนาจาร แถมยังขัดขวางเจ้าหน้าที่อีก คิดว่าจะรอดไปได้รึไง ?” แม้จะรู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายยังคงนิ่งอยู่ได้แต่เขาก็ไม่สนใจ ยังคงกล่าวออกมาด้วยความเย่อหยิ่ง
“นายไม่แปลกใจรึไง ทำไมฉันถึงมีบอดี้การ์ดติดตัวแถมยังจัดงานกลางห้างซานหมิงได้ ?” ฮวาหวู่หลิงกล่าวถามออกมาเสียงเย็น เธอแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่อีกฝ่ายมีความกล้าขนาดนี้
“รองสารวัตรไปถามผู้จัดการห้างมาแล้ว เขาบอกว่าขอแค่มีเงินจ่ายก็เช่าสถานที่ได้ ส่วนเธอก็คงเป็นแค่คนมีเงินเล็กน้อยที่พอมีชื่อเสียงบ้างเลยมีบอดี้การ์ดติดตามก็แค่นั้น จะมาขู่อะไรฉันได้!” เหอจุนกล่าวออกมาให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ
เขาไม่ได้โง่! เขาย่อมไปตรวจสอบมาอย่างคร่าว ๆ แล้วว่าเย่เซวียนมันก็ยังเป็นไอ้ยาจกคนเดิม ไม่ได้มีธุรกิจอะไรเลย มันคงบังเอิญไปถูกหวยหรือขโมยเงินใครมาก็เท่านั้น
ส่วนผู้หญิงที่ชื่อหวู่หลิง ด้วยเวลาที่สั้นเกินไปเขากับรองสารวัตรยังหาข้อมูลไม่เจอ แต่เพราะทั้งสองคนไม่เคยได้ยินชื่อคนที่มีอิทธิพลชื่อหวู่หลิงมาก่อนเลยคิดว่าคงเป็นเพียงพวกตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น
พวกเขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กคนนี้จะนามสกุล ฮวา !!
“พวกนายนี่ โง่กว่าที่คิดนะ” เย่เซวียนที่ได้ยินก็กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม แค่คิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นเขาก็อดกลั้นขำไม่ได้แล้ว!
ครึ่งหลัง
“แกว่าอะไรนะ ??” เหอจุนกล่าวถามออกมา
“เปล๊า! ไม่มีอะไรหรอก” เย่เซวียนตอบกลับไปแบบไม่มีพิรุธเลยสักนิด
...
ปั้ง!!
“แกยอมรับมาดีกว่าว่าแกเป็นคนทำ! ถ้ายอมสารภาพแต่โดยดีโทษจะเบาลงนะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งทุบโต๊ะก่อนจะตวาดใส่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา
ชายคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะมองรอบห้องด้วยความสนใจ ในห้องมีเพียงโต๊ะตัวหนึ่งกับเก้าอี้สองตัว รอบห้องเป็นผนังปิดทึบมีกระจกอยู่ด้านหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มันมองไม่เห็นว่าอีกฝั่งมีอะไรอยู่ไหม
“ห้องนี้เป็นแบบในหนังไหมครับ ? อีกฝั่งมีคนดูอยู่ใช่ป่ะ” เย่เซวียนกล่าวถามด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยได้เข้ามาในห้องแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“อย่ามาเฉไฉ ตอบคำถามของฉันมาซะดี ๆ !” นายตำรวจกล่าวเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
“ช่วยถอดกุญแจมือให้ผมได้ไหมครับ ?” เย่เซวียนยกมือที่ถูกใส่กุญแจให้อีกฝ่ายดูก่อนจะถามออกมา
...
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมรับสารภาพนะพี่เชียง” เหอจุนที่ยืนดูการสอบสวนอยู่กับรองสารวัตรกล่าวขึ้นมา พวกเขาแยกเย่เซวียน ฮวาหวู่หลิง กับพวกบอดี้การ์ดคนละห้องเพื่อทำการสอบสวน แต่ทุกคนล้วนไม่ให้การร่วมมือเลยสักนิด
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวซ้อมพวกมันนิดหน่อยแล้วยัดข้อหาไปก็จบแล้ว” พี่เชียงหรือรองสารวัตรกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ เรื่องพวกนี้เขาทำบ่อยจนชินแล้ว
“แย่แล้วครับรองสารวัตร!” มีตำรวจนายหนึ่งวิ่งมาหน้าตาตื่น
“มีอะไร ? ฉันบอกแล้วนี่ว่าอย่าเข้ามารบกวนตอนนี้” รองสารวัตรกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
ตอนนี้ยังไม่มีผลลัพธ์อะไรเลยสักอย่าง ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะแย่แน่ ๆ
‘จับพวกมันขังไปก่อนดีไหมนะ ?’ รองสารวัตรครุ่นคิดในใจด้วยความจริงจัง
“มีผู้คนมาล้อมสถานีของเราเป็นจำนวนมากเลยครับ พวกเขาพากันโวยวายขว้างปาสิ่งของเต็มหน้าสถานีไปหมด” ตำนายที่รีบวิ่งมากล่าวออกมาด้วยความร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้นกัน?! แล้วพวกนั้นมากันเท่าไหร่ พวกมันมาทำอะไร” รองสารวัตรที่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายบอกก็เริ่มนั่งไม่ติดขึ้นมา เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ
“หลายร้อยเลยครับ คร่าว ๆ คงเป็นพันคน พวกเขาเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาครับ ผมว่ารองสารวัตรรีบออกไปเจรจาจะดีกว่านะครับ” ตำรวจที่มารายงานกล่าวออกมา
“เออ! พวกแกไปด้วยกันกับฉัน ทิ้งตำรวจไว้เฝ้าพวกนี้สิบนายก็พอ” รองสารวัตรกล่าวสั่งการออกมา ทำให้มีตำรวจเกือบร้อยนายลุกออกจากสถานีเพื่อไปเจรจากับประชาชนที่กำลังปิดล้อมสถานีเอาไว้
หลังจากที่เหล่าตำรวจและรองสารวัตรได้ออกมายังหน้าสถานีแล้ว พวกเขาก็พบเข้ากับฝูงชนจำนวนมากที่มารอต้อนรับพวกเขาอยู่ มีไข่สด ผัก ผลไม้ อาหารต่าง ๆ ถูกขว้างปาเข้าใส่หน้าสถานีเละเทะไปหมด ฝูงชนต่างพากันโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ
“ทุกท่าน ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันครับ” รองสารวัตรรับโทรโข่งจากตำรวจนายหนึ่งมาก่อนจะกล่าวเสียงดัง
“ใจเย็นบ้านป้าแกสิ! ฉันเห็นคลิปหมดแล้วว่าไอ้เหอจุนอะไรนั่นมันปากดีแค่ไหน!” มีชายคนหนึ่งตะโกนออกมาพลางขว้างไข่ใส่ตำรวจที่ยืนอยู่ด้วย
“ใช่แล้ว! พวกแกมันก็ดีแต่ใช้อำนาจในทางที่ผิด พวกสารเลว!” หญิงกลางคนผู้หนึ่งตะโกนออกมา
“คลิปอะไรกัน ? พวกคุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วครับ พวกเราเหล่าตำรวจล้วนกระทำทุกอย่างโดยความยุติธรรม ไม่มีการใช้อำนาจในทางที่ผิดแน่....” ยังไม่ทันที่รองสารวัตรจะพูดจบก็ได้มีมะเขือเทศลูกหนึ่งถูกปาใส่หน้าของเขาเข้าอย่างจัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า สมน้ำหน้าไอ้ตำรวจเลว” ชายชราผู้หนึ่งหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ในมืออีกข้างของเขามีถุงใส่มะเขือเทศสุกใกล้เน่าอยู่
“แกคิดว่าพวกเราโง่มากนักรึไง!! ถ้าวันนี้ไม่ปล่อยตัวคนพวกเราจะบุกเข้าไปเอง !” ไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนตะโกนประโยคนี้ออกมา แต่มันก็ทำให้สถานการณ์ที่กำลังเดือดอยู่แล้วกลายเป็นระเบิดทันที!