ตอนที่แล้วบทที่ 57 (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 (ฟรี)

บทที่ 58 (ฟรี)


บทที่ 58

เสียงกรีดร้องแห่งความทรมานยังคงดำเนินต่อไป!

สุดท้ายเย่ซิงเฉินยื้อไม่ไหว ล้มลงกับพื้น ขดตัวลงและกุมหัวไว้ จากนั้นกลุ่มชายชุดดำก็ล้อมเป็นวงกลมแล้วรุมกระทืบเขาเหมือนกระสอบทราย

เย่ซิงเฉินรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง เขาคือเทพสงคราม! ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้!

กระทั่งในชาติก่อนที่เขาพ่ายแพ้หลินเป่ยฝาน ยังไม่น่าอนาถขนาดนี้เลย!

แต่ตอนนี้กลับถูกกลุ่มคนไม่ทราบที่มาทำร้ายสาหัส!

พวกแกรอก่อนเถอะ!

อีกไม่นานฉันจะแก้แค้นให้ได้!

ตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวที่ทำให้เขายังคงสติเอาไว้ได้ : หลินเป่ยฝานรีบมาเร็วเข้า! ถ้ายังช้ากว่านี้ ฉันจะยื้อไว้ไม่อยู่แล้ว!

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่จู่ๆ กลุ่มชายชุดดำก็วิ่งหนีไป

เย่ซิงเฉินรู้สึกว่าร่างเขาหายเกร็ง  เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและลืมตาขึ้น ในที่สุดก็เห็นภาพเงาที่คุ้นเคยวิ่งมาพร้อมกับตำรวจสองคน

คนที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินเป่ยฝาน อีกฝ่ายทรุดลงช่วยพยุงเย่ซิงเฉินที่ใบหน้าไม่เหลือเค้าเดิมแล้วถามอย่างห่วงใย “สหายเย่เป็นยังไงบ้าง? ยังไหวไหม?”

เย่ซิงเฉินไม่สามารถพูดอะไรได้และเป็นลมไปทันที

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว

ทั้งร่างตัวเองถูกห่อด้วยผ้ากอซสีขาว พันไว้ราวกับมัมมี่ โดยมีเพียงดวงตาคู่เดียวที่เว้นช่องว่างไว้

เขาลองขยับร่างกายเล็กน้อย ความเจ็บปวดเฉียบพลันก็เข้ามาทันที แล้วตามมาด้วยความเจ็บปวดทั่วร่างกาย

“สหายเย่ ตอนนี้คุณดีขึ้นแล้วหรือยัง?” หลินเป่ยฝานกล่าวอย่างใส่ใจ

เย่ซิงเฉินฝืนอย่างยากลำบากและเอ่ยว่า “เจ็บไปทั้งตัวเลย ...”

หลินเป่ยฝานถอนหายใจและพูดว่า “นั่นมันแน่อยู่แล้ว เพราะตอนที่ผมมาถึง สภาพคุณแทบไม่เหลือเค้าเดิมเลย! หลังจากการตรวจร่างกายในโรงพยาบาล คุณมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย ซี่โครงหัก 5 ซี่ กล้ามเนื้อมือและขาฉีกขาด... พูดได้เลยว่าคุณได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว! หากคุณไม่ใช่นักสู้ชั้นเลิศ ที่อดทนได้ดีกว่าคนทั่วไป ก็อาจได้ไปเยี่ยมยมบาลแล้ว”

เย่ซิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

อาการบาดเจ็บระดับนี้เรียกได้ว่าเป็นอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เขาเป็นทหารรับจ้าง!

นี่ทำให้เขาเกลียดชังกลุ่มชายชุดดำกลุ่มนี้มาก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกมัน!

“คนกลุ่มนั้นเป็นใคร และทำไมพวกเขาถึงโจมตีคุณ” หลินเป่ยฝานถาม

เย่ซิงเฉินพูดแบบเว้นช่วงเป็นระยะๆ “ผมก็ไม่รู้ ... ผมกำลังเดินบนถนน ... แล้วพวกเขาก็ลงมือ ... และที่แน่ๆ ... ทุกคนแข็งแกร่งมาก  ...”

หลินเป่ยฝานถอนหายใจอีกครั้ง “คุณต้องพักผ่อนและพักฟื้นก่อน ไม่ต้องกังวล ส่วนที่เหลือ ผมจะจัดการเอง!”

ดวงตาของเย่ซิงเฉินสั่นไหวเล็กน้อย “ขอบคุณมาก ... ขอบคุณจริงๆ ... รองประธานหลิน ...”

หลินเป่ยฝานยิ้มบาง “พวกเราเป็นเหมือนพี่น้อง ฉะนั้นอย่าพูดแบบนี้เลย”

-----

เห็นท่าทีลำบากใจและเป็นกังวลแทนตนของหลินเป่ยฝานตอนนี้ เย่ซิงเฉินก็รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย!

ในฐานะเจ้านาย อีกฝ่ายสามารถเห็นอกเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลและเอาใจใส่ มอบอำนาจให้เมื่อจำเป็น แถมเมื่อถึงเวลาก็ยินดีจ่ายเงินให้โดยไม่อิดออดใดๆ

ในฐานะสหาย อีกฝ่ายสามารถร่วมทางไปกับตนได้ และรีบมาหาตนทันทีที่ตกอยู่ในอันตราย

ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือสหาย หลินเป่ยฝานล้วนมีคุณสมบัติเหมาะสม!

แทบไม่มีที่ติ!

อย่างน้อยเขาก็ทำแบบหลินเป่ยฝานไม่ได้!

ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังช่วยชีวิตเขาไว้อีกด้วย!

จะดีแค่ไหนถ้าเราไม่ใช่ศัตรูกัน!”

เย่ซิงเฉินตื่นขึ้นมาในยามพลบค่ำและส่ายหัวอย่างรุนแรง “ไม่มีทาง! ฉันไม่สามารถลืมความเกลียดชังเพียงเพราะน้ำใจเล็กๆน้อยๆได้! หลินเป่ยฝานแย่งผู้หญิงของฉัน ทำลายกลุ่มทหารรับจ้างของฉัน ทำลายงานฉันและขับไล่ฉันออกจากประเทศเหมือนสุนัขหลงทาง!”

“อย่างมากที่สุด ... ถ้าโค่นเขาได้ ฉันจะยอมปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป”

เรื่องหลินเป่ยฝานยังไงก็ต้องแก้แค้น! แต่เรื่องกลุ่มชายชุดดำต้องแก้แค้นพวกมันก่อน!

เย่ซิงเฉินจมอยู่ในภวังค์ รวบรวมความคิดเกี่ยวกับการขุดค้นที่มาของคนกลุ่มนี้

ประการแรก มีคนไม่มากที่มีพลังรบระดับนั้น

ประการที่สอง ดูจากการแต่งตัวของพวกเขา ทุกคนน่าจะมาจากกลุ่มหรือองค์กรเดียวกัน แถมกลุ่มหรือองค์กรระดับนี้มีอยู่น้อยมากๆ

ประการที่สาม สังเกตจากการโจมตีที่เขาโดน บ่งบอกว่าอีกฝ่ายลงมือโหดเหี้ยมมาก ชัดเจนว่าเขากับอีกฝ่ายเป็นศัตรูกัน

ประการที่สี่ พวกเขาทั้งหมดมาจากรัฐหยาน หรือก็คือผู้ที่มีสายเลือดหยาน

ประการที่ห้า วิถีการโจมตีและวิชาของพวกเขาค่อนข้างคุ้นๆ

...

ในที่สุด หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาก็ได้ข้อสรุป

“ตระกูลจ้าว! ราชามังกรจ้าวเทียน!”

เย่ซิงเฉินไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำแบบนี้! ไม่ว่าจะในชาติก่อนหรือชาตินี้ เย่ซิงเฉินัมั่นใจว่าเขากับอีกฝ่ายไม่ได้มีปัญหากัน

อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าทำร้ายเขา ก็ต้องได้รับการตอบแทนที่สาสมกลับไป!

เย่ซิงเฉินกลอกตา “รอให้ฉันหายเจ็บก่อนเถอะ! อาการดีขึ้นเมื่อไหร่ฉันจะชำระหนี้แค้นคืน ... เป็นร้อยเท่าพันเท่าที่ทำกับฉัน! ฉันคือเทพสงครามเย่ซิงเฉิน และทุกคำที่เอ่ยปาก ฉันมั่นใจว่าทำได้จริงๆ!”

อีกด้านหนึ่ง แปดมหาวัชระกลับมารายงาน

ราชามังกรจ้าวเทียนตกตะลึงสุดๆ “คุณพูดอะไร คุณเอาชนะเทพสงครามเย่ซิงเฉินได้อย่างเบ็ดเสร็จ? พลังรบของเขาแก่กล้าจนขึ้นชื่อว่าเทพสงคราม แล้วคุณทำร้ายเขาสาหัสขนาดนั้นได้ยังไง?”

“ราชามังกร เย่ซิงเฉินยังห่างไกลจากคำชมของท่านนัก! เขาทนพวกเราได้ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ! อ่อนแออย่างนั้นแต่กล้าใช้ฉายาว่าเทพสงคราม!” หนึ่งในชายชุดดำดูหมิ่น

“ราชามังกร ตามข่าวที่เราเพิ่งได้รับ เย่ซิงเฉินได้รับการช่วยเหลือจากหลินเป่ยฝานและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว! ปัจจุบันเขายังอยู่ในแผนก ICU  อาการบาดเจ็บค่อนข้างร้ายแรงจริงๆ!”

จ้าวเทียนหลับตาลง พยายามย่อยข้อมูล

“ถ้าสิ่งที่พวกคุณพูดเป็นความจริง งั้นแสดงว่าพลังรบของเทพสงครามอ่อนแอลงแล้ว”

จ้าวเทียนลืมตาขึ้น มุมปากยกโค้ง 45 องศา เผยรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “ฮ่าฮ่า! เย่ซิงเฉิน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะนายเอาแต่หลงมัวเมา! ทั้งยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือศัตรู คนแบบนายไม่มีทางถูกลิขิตให้ผงาดง้ำค้ำฟ้า ... เย่ซิงเฉิน! นายมันไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของฉันอีกต่อไป!”

“ในเมื่ออีกฝ่ายอ่อนแอ ตอนนี้ก็ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว! คอยจับตาดูหลินเป่ยฝานอย่างสุดความสามารถ จับตาดูทุกการเคลื่อนไหว! คนๆนี้ห้ามประมาท ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด!”

“ขอรับราชามังกร!” ชายชุดดำพูดพร้อมกัน

....

เมื่อมาถึงจุดนี้ ตัวเอกสองคนที่อยู่ใกล้ตัวหลินเป่ยฝานที่สุดก็ได้นอนซมอยู่ในโรงพยาบาล มันทำให้เขารู้สึกว่ารอบตัวสงบขึ้นเยอะ

จากนั้นเขาก็ใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อเจรจาราคาที่ดินผืนนั้นกับฉู่รั่วเสวี่ยใหม่

สุดท้ายหลังจากต่อรองราคา ที่ดินก็ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ล้าน และกลายเป็นเงินค้ำประกันไปในตัว

ที่กล่าวว่าค้ำประกัน

สาเหตุเป็นเพราะฉู่รั่วเสวี่ยต้องการเงินทุนจากหลินเป่ยฝานเพื่อช่วยกลุ่มของเธอผ่านวิกฤติเงินทุน ตามข้อตกลง ภายในระยะเวลาสามปี กลุ่มลี่เฉิงสามารถยืมเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากหลินเป่ยฝานเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 7,000 ล้าน โดยแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ

หรือก็คือสามารถกู้ได้หลายครั้งแต่ในขณะเดียวกันวงเงินกู้รวมต้องไม่เกิน 7,000 ล้าน

หากไม่สามารถชำระคืนได้ ที่ดินก็จะตกเป็นของหลินเป่ยฝานแต่เพียงผู้เดียว

หลังจากการพูดคุยกัน ฉู่รั่วเสวี่ยก็จ้องหลินเป่ยฝานอย่างขุ่นเคือง “การทำธุรกิจร่วมกับนายมีแต่ขาดทุนจริงๆ ต้องใช้น้ำลายเยอะมากกว่าจะขึ้นราคาได้ 500 ล้าน!”

หลินเป่ยฝานจ้องกลับ “ฉันต่างหากที่ขาดทุน! สัญญาให้ยืมเงิน 7,000 ล้านภายในสามปี เท่ากับปล่อยให้เงินเกือบหมื่นล้านอยู่เฉยๆอย่างสิ้นเปลือง! ถ้าเงินจำนวนนี้ถูกโยนลงในตลาดทุน ลองคิดดูเถอะว่าฉันจะสร้างกำไรได้มากขนาดไหน?”

ฉู่รั่วเสวี่ยเริ่มเถียงกลับ “ปกตินายก็ทำเงินเร็วอยู่แล้วนี่ ... เหลือทุนไม่กี่ร้อยล้านแล้วมันจะทำไม? ที่ดินของฉันต่างหากที่เป็นสมบัติล้ำค่า!  ตราบใดที่มันถูกพัฒนา จะนำมาซึ่งผลประโยชน์นับหมื่นล้านทุกปี!”

“ช่างเรื่องเงินแล้ว ฉันไม่คุยกับเธอดีกว่า ต้องรีบไปโรงพยาบาล!” หลินเป่ยฝานลุกขึ้นยืน

“ไปโรงพยาบาล? นายไม่สบายเหรอ?” ฉู่รั่วเสวี่ยถามอย่างเป็นห่วง

หลินเป่ยฝานส่ายหัว “ฉันสบายดี แต่สหายเย่ได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาเมื่อสองวันก่อนเขาถูกกลุ่มชายชุดดำไม่ทราบที่มีทุบตีจนสาหัส”

ฉู่รั่วเสวี่ยประสานสองมือพนม “พระเจ้าอวยพรแล้ว”

“เธออธิษฐานเผื่อเขาเหรอ?”

“ไม่! ฉันกำลังอธิษฐาน ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้ฉันสมความปรารถนา!”

หลินเป่ยฝาน “...”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด