บทที่ 110 เตาหลอมพูดได้
จากนั้นเฉินฉางชิงก็กล่าวว่า “ข้ารู้ว่าในป่าพระจันทร์แดงมีไฟศักดิ์สิทธิ์อยู่ชนิดหนึ่ง นั่นคือ เปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์”
“เปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์!” หยางเสี่ยวเทียนพึมพำอย่างประหลาดใจ
ในปัจจุบัน มีไฟศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสามสิบชนิดที่เขาพอจะรู้จัก
ซึ่งเปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์ เป็นเปลวไฟระดับสูงลำดับสิบสี่ของบรรดาไฟศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
“ถูกต้อง เปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์!” เฉินฉางชิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ตอนนั้น ข้าได้มีโอกาสเดินทางเข้าป่าพระจันทร์แดง แล้วบังเอิญพบถ้ำทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งภายในนั้นปรากฏมีไฟศักดิ์สิทธิ์ เป็นเปลวไฟระดับสูง เรียกว่าเปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์”
“ถ้ำทัณฑ์สวรรค์!” ดูเหมือนหยางเสี่ยวเทียนจะเคยเห็นผ่านตาในคัมภีร์บางเล่ม ที่มีบันทึกเกี่ยวกับถ้ำทัณฑ์สวรรค์
“มิผิด ถ้ำทัณฑ์สวรรค์” เฉินฉางชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ตามตำนานที่ถูกเล่าขานสืบมา มีบุรุษผู้แข็งแกร่งได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเทพยุทธ์กลางป่าพระจันทร์แดง ส่งผลให้อัสนีบาตจากสวรรค์ผ่าลงมา ทำลายหน้าผาจนกลายเป็นถ้ำลึก นับแต่นั้นถ้ำแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า ถ้ำทัณฑ์สวรรค์” เขากล่าวเสริมพลางเดินลูบเครายาวอย่างเนิบนาบ
“แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน แต่พลังของอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์ในถ้ำกลับมิจางหาย และยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลบางประการ”
“ซึ่งเปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์ ต้องอยู่ภายในถ้ำทัณฑ์สวรรค์นั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่อยู่ส่วนใดของมันเท่านั้นเอง”
เฉินฉางชิงพลันหยุดเดิน แล้วหันกลับมากล่าวกับหยางเสี่ยวเทียน
“เสี่ยวเทียน แม้พรสวรรค์ด้านกระบี่ของเจ้าจะเยี่ยมยุทธ์ แต่ความแข็งแกร่งด้านพลังยุทธ์ยังนับว่าอ่อนแอเกินไป เจ้าจะไม่อาจฝ่าพลังแห่งภัยพิบัติจากสวรรค์ที่ยังคงหลงเหลือ เข้าไปในถ้ำทัณฑ์สวรรค์ได้เลย”
“ถึงแม้เจ้าจะสามารถเข้าไปในถ้ำทัณฑ์สวรรค์ได้ แต่ก็เป็นไปได้ยากที่จะพิชิตเปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์”
จากนั้นเขาก็ส่ายหัวแล้วกล่าวด้วยน้ำคำอย่างเป็นห่วง “ข้าว่า เจ้าอย่าไปเลยจะดีกว่า!”
หยางเสี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้นถามอีกครั้ง “ผู้อาวุโสเฉิน เป็นความจริงหรือไม่ที่ไม่มีผู้ใดในยุทธภพสามารถพิชิตไฟศักดิ์สิทธิ์ได้”
เฉินฉางชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ไฟศักดิ์สิทธิ์สามารถเผาผลาญทุกสิ่งให้เป็นจุน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในขั้นเทพยุทธ์ ยังมิอาจพิชิตมันได้”
หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกราวกับร่างกายจมดิ่ง เขากำหมัดแน่นเมื่อรู้ตัวดีว่าตนยังอ่อนแอเกินจะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในขั้นเทพยุทธ์ ก็ไม่สามารถพิชิตได้งั้นหรือ?
ดูท่าแล้ว เรื่องที่เขาคิดก่อนหน้านี้นั้น คงจะง่ายแลสิ้นคิดเกินไป
หลังจากนั้นไม่นาน หยางเสี่ยวเทียนก็ออกจากตำหนักกระบี่และกลับไปที่จวนของตน ทว่าในหัวกลับยังนึกถึงไฟศักดิ์สิทธิ์อยู่มิคลาย
แม้นยามนี้ เขาจะรู้ว่าเปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์อยู่ที่ไหน แต่ครั้นได้รับรู้ว่าตนมิอาจครอบครองมันได้ ก็กลับทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นที่สุด
“แท้จริงแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะพิชิต เปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์” ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของหยางเสี่ยวเทียน
“นั่นใคร!” เสียงนั้นทำให้หยางเสี่ยวเทียนสะดุ้งเฮือก เขาพลันลุกขึ้นยืนทันที หันซ้ายแลขวามองกวาดสายตาไปทั่วลาน แต่ก็ยังมิเห็นผู้ใดกล้ำกลายเข้ามา
“ทางนี้” ในเวลานี้เอง เสียงนั้นยังคงดังก้องอยู่ในใจเขา “เจ้าไม่จำเป็นต้องสอดส่ายสายตาค้นหาขนาดนั้น ข้าอยู่ในมือของเจ้านี่”
อยู่ในความครอบของข้างั้นรึ แต่มันคือสิ่งใดกัน?
หยางเสี่ยวเทียนผงะตกใจ จากนั้นยกมือขึ้นมองยังฝ่ามืออย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะสะดุดตากับแหวนเตาหลอมบนนิ้ว ที่เป็นเพียงสิ่งเดียวในมือทั้งสองข้าง
หรือว่าจะเป็นเจ้านี่กัน?
“เป็นเจ้าเองงั้นรึ!” หยางเสี่ยวเทียนกระซิบถามแหวนเตาหลอมอยู่บนนิ้วของตน พลางขมวดคิ้ว ด้วยคิดว่าเขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ยืนคุยกับมือตัวเอง
“ใช่ ข้าเอง” เสียงของเหยาติงยังคงดังต่อไป
หยางเสี่ยวเทียนเบิกตาอ้าปากกว้างด้วยความเหลือเชื่อเป็นที่สุด
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเตาหลอมโอสถจะสามารถพูดได้จริง
“ทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ หากมีพลังแห่งจิตวิญญาณสั่งสมมาระดับหนึ่งจะก่อเกิดสติปัญญา แล้วที่ข้าพูดได้ มีอะไรแปลกนักหรือไร” เหยาติงกล่าว
หยางเสี่ยวเทียนยังคงไม่เข้าใจ เตาหลอมนี้หงเฟิงได้มาจากสถานที่อันตราย จนถึงตอนนี้ ตัวหงเฟิงเองก็ยังไม่ทราบที่มาของมันกระทั่งเขาเอามาครอบครอง ซึ่งนอกเหนือจากใช้มันหลอมโอสถแล้ว เขายังใช้มันเป็นที่เก็บของต่างๆ
เพลานี้ กลับไม่คิดเลยว่าเตาหลอมโอสถ จะมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง สติปัญญายังหลักแหลมแล้วยังพูดมากเป็นต่อยหอยอีกต่างหาก
หรือว่า มันจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์กัน?
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์งั้นเรอะ ฮ่า… ฮ่า… ฮ่า” เหยาติงหัวเราะเยาะ
“เจ้าดูหมิ่น ท่านติงผู้นี้มากเกินไปแล้ว ศาสตราวุธระดับต่ำอย่างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ จะคู่ควรกับตัวตนอันสูงส่งของข้าได้อย่างไร ฮ่า… ฮ่า” เขากล่าวเสริมพลางหัวเราะลั่น
ยิ่งได้ฟังวาจาเช่นนั้นแล้ว หัวใจของหยางเสี่ยวเทียนก็สั่นไหวรุนแรง พร้อมใบหน้าแฝงไปด้วยความตกตะลึงไม่น้อย
เตาหลอมโอสถนี้แข็งแกร่งกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์อีกกระนั้นหรือ?
“หากเจ้าต้องการพิชิตเปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้” เหยาติงกล่าวชี้ช่องเชิงให้ความหวัง
“ตราบใดที่ข้าลงมือ เพียงแค่เปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์ มันหาใช่เรื่องใหญ่อะไรไม่” น้ำเสียงมั่นใจของเหยาติง ฟังคล้ายกับมันเป็นเรื่องง่ายดายไปเลยทันที
ครั้นได้ฟังเช่นนั้น ใบหน้าของหยางเสี่ยวเทียนที่หดหู่และจิตใจที่กำลังห่อเหี่ยว ตอนนี้กลับกลายเป็นเบิกบานสำราญยิ่ง
“แต่” เหยาติงกล่าวแทรกขณะที่หยางเสี่ยวเทียนทันยิ้มแย้มแจ่มใส
เหยาติงเปลี่ยนน้ำเสียงพรางยื่นข้อเสนอ “ในทางกลับกัน เจ้าต้องช่วยข้าหาอะไรบางอย่าง ถือเป็นการแลกเปลี่ยน”