ตอนที่แล้วบทที่ 108 สวรรค์มีตา!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 110 เตาหลอมพูดได้

บทที่ 109 เจ้าตำหนักกระบี่


หยางเสี่ยวเทียนเดินมาถึงจัตุรัสร้อยกระบี่ พร้อมสืบเท้าก้าวไปหยุด อยู่หน้าศิลากระบี่เล่มที่สิบเอ็ด

เพียงชั่วพริบตา ปราณกระบี่ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องนภาสว่างไสวกันถ้วนทั่ว

บรรดาผู้คนในเมืองเสินเจี้ยน ต่างได้เห็นปราณกระบี่ที่สูญหายไปนานถึงสองวันอีกครั้ง

เผิงจื้อกังเจ้าเมืองเสินเจี้ยน ผู้ออกมายืนเฝ้ารอลำแสงสีทองอันรุ่งโรจน์ทุกวัน วันนี้สมใจนัก เมื่อได้เห็นพลังที่กำลังโชติช่วงของปราณกระบี่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขายืนแหงนหน้ามองขณะแย้มยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ข้าสงสัยว่าคราวนี้ เจ้าตัวน้อยจะหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้กี่เล่ม”

บรรดาเหล่าวิญญาจารย์ที่รุดกายออกมายืนด้านหลังเผิงจื้อกังครั้นได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ต่างทอดสายตาไปยังทิศทางของลำแสงเดียวกัน ปราณกระบี่ที่ทรงพลังนั้น ยังคงทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าให้รู้สึกถึงความน่าอัศจรรย์มิคลาย แทบไม่สามารถสงบสติอารมณ์ในใจได้

สองวันก่อน หยางเสี่ยวเทียนหยั่งรู้ศิลากระบี่ถึงเจ็ดเล่มในวันเดียว ซึ่งการได้ประสบเห็นปราณกระบี่นับพันทะยานโชติช่วงไปยังสวรรค์ทั้งเก้าอยู่เป็นเวลานาน ยังคงตราตรึงทำพวกเขาประทับใจแลรู้สึกชื่นชมจากใจจริง แม้นจะตกตะลึงอยู่มิน้อย

จนทำให้เหตุการณ์ในวันนั้น ต้องถูกจารึกไว้เป็นประวัติศาตร์อันยิ่งใหญ่แห่งเมืองเสินเจี้ยน

แม้นไม่กี่วันก่อน เจ้าเมืองของพวกเขาจะเคยกล่าวว่าหยางเสี่ยวเทียน อาจกลายเป็นวิญญาจารย์อันดับหนึ่งของอาณาจักรเสินไห่ในรอบหลายสิบปี ซึ่งแน่นอนว่าวันนั้นไม่มีใครเชื่อ แต่ตอนนี้หาได้มีผู้ใดกังขาในความคิดนั้นไม่

ณ โถงตำหนักกระบี่ หลังได้เสียงปราณกระบี่แทงทะลวงห้วงนภากาศ เฉินฉางชิง เหอเล่อ และอีกสามคนก็ไม่รอช้า พากันเหินตัวพุ่งออกมาจากส่วนลึกของโถงตำหนัก แล้วยืนมองปราณกระบี่อันเจิดจรัสอยู่หน้าประตูตำหนักกระบี่

“ในที่สุด เด็กคนนี้ก็เริ่มหยั่งรู้ศิลากระบี่อีกครั้งแล้ว” เหอเล่อมองดูปราณกระบี่ที่ปรากฏเด่นชัดกลางเวหา ขณะนัยน์ตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจยิ่ง

เขายิ้มอย่างปิติพลางกล่าวว่า “หากท่านผู้อาวุโสกัวเจี๋ยยังอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเช่นไรเมื่อเห็นเสี่ยวเทียนในตอนนี้”

ย้อนกลับไปตอนนั้น ผู้อาวุโสกัวเจี๋ยหยั่งรู้ศิลากระบี่เจ็ดสิบเจ็ดเล่ม แต่ยังไม่สามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่เจ็ดสิบแปดได้สำเร็จ ที่สุด เขาจึงออกจากสำนักเสินเจี้ยน และกล่าวทิ้งท้ายว่าจะกลับมาหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่เจ็ดสิบแปดอีกครั้งในภายหน้า

แต่เมื่อเขาจากไป นับแต่วันนั้น เขาก็ไม่หวนกลับมาอีกเลย

“ข้าเกรงว่าภายในสามปี เสี่ยวเทียนจะสามารถเอาชนะผู้อาวุโสกัวเจี๋ยได้เป็นแน่” เฉินฉางชิงกล่าวอย่างมีความสุข

“มิแน่ว่า ภายในห้าปี เขาอาจหยั่งรู้ศิลากระบี่ครบทั้งหนึ่งร้อยเล่มก็เป็นได้ ฮ่า ฮ่า” เขากล่าวเสริมพลางหัวเราะ

การสืบทอดเพลงกระบี่ในจัตุรัสร้อยกระบี่ แท้จริงนั้นเกี่ยวข้องกับความลับอันสูงสุดของสำนักเสินเจี้ยน

เมื่อคิดว่าหยางเสี่ยวเทียนจะหยั่งรู้ศิลากระบี่ครบร้อยเล่ม เฉินฉางชิง เหอเล่อ และอีกสามคนต่างหัวใจสั่นไหวไปทั้งทรวงอก

ตามกฎของสำนัก หากผู้ใดหยั่งรู้ศิลากระบี่สามสิบเล่มขึ้นไป จะได้รับตำแหน่งเข้าเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสแห่งตำหนักกระบี่โดยชอบธรรม

แต่ทว่า หากมีศิษย์คนใดสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้ครบทั้งร้อยเล่ม จะนับว่าเป็นเจ้าแห่งตำหนักกระบี่!

ต้องดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักกระบี่ หรือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนัก!

“จะเป็นอย่างไร ถ้าเสี่ยวเทียนสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ทั้งสามสิบเล่มได้ ภายในหนึ่งเดือนจริง” ผู้อาวุโสคนที่สาม เริ่นเฟยเสวี่ยถามอย่างสงสัย

เริ่นเฟยเสวี่ย เป็นสตรีเพียงนางเดียวที่ดำรงตำแหน่งหนึ่งในห้าผู้อาวุโส

เฉินฉางชิงส่ายศรีษะพลางกล่าวว่า “นับแต่ศิลากระบี่เล่มที่สิบเอ็ดเป็นต้นไป ความยากในการทำความเข้าใจจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แม้หยางเสี่ยวเทียนจะสามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้ยี่สิบเล่ม ภายในหนึ่งเดือน แต่การหยั่งรู้ศิลากระบี่สามสิบเล่มในหนึ่งเดือนนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”

ดังที่เฉินฉางชิงกล่าว เริ่มต้นจากศิลากระบี่เล่มที่สิบเอ็ด การหยั่งรู้จะทวีความยากขึ้นเรื่อยๆ อย่างมิอาจเปรียบเทียบกับครั้งก่อนๆ ได้เลย

ซึ่งหยางเสี่ยวเทียนต้องทุ่มเทกำลังที่มากขึ้น เพื่อเปิดรับการหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่สิบเอ็ด และการจะทำให้สำเร็จอาจกินเวลานานนับวันหรือเป็นเดือน

แต่ถึงกระนั้น ชั่วยามต่อมาหยางเสี่ยวเทียนก็หยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่สิบเอ็ดได้สำเร็จอยู่ดี

ไม่ช้า เขาก็มุ่งหน้าหาศิลากระบี่เล่มที่สิบสองต่อ พร้อมเปิดรับการหยั่งรู้

กระทั่งเล่มที่สิบสาม สิบสี่ และสิบห้า เขายังคงหยั่งรู้ไปเรื่อยๆ มิมีหยุดพัก

ใช้เวลาเพียงไม่ถึงวัน หยางเสี่ยวเทียนก็หยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่ยี่สิบได้เสร็จอย่างสมบูรณ์

ครั้นได้เห็นผลลัพธ์เช่นนั้น เฉินฉางชิง เหอเล่อ เริ่นเฟยเสวี่ย และคนอื่นๆ ก็ต่างพากันอึ้ง ตะลึงกันอยู่สักพัก

เนื่องจากการหยั่งรู้ศิลากระบี่ที่รวดเร็วปานนี้ นับว่าอยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการดั้งเดิมของพวกเขาทุกคนอย่างเห็นได้ชัด

“ข้าประเมินพรสวรรค์ด้านกระบี่ของเสี่ยวเทียนต่ำเกินไปรึนี่” เฉินฉางชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ เพราะรู้ว่าอีกไม่ช้าอย่างเสี่ยวเทียนต้องมาหาเขาแน่

ด้วยความเร็วอัตรานี้ หยางเสี่ยวเทียนต้องหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้ครบสามสิบเล่ม ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนแน่นอน

คราได้สติคิดอย่างถี่ถ้วน เฉินฉางชิงก็ขมวดคิ้วด้วยเครียดเคร่งทันที เมื่อนึกถึงไฟศักดิ์สิทธิ์

เมื่อหยางเสี่ยวเทียนเริ่มต้นหยั่งรู้จากศิลากระบี่เล่มที่ยี่สิบเอ็ด ความยากในการทำความเข้าใจก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม หยางเสี่ยวเทียนยังคงใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ในการหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่สามสิบจนสำเร็จ ให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้

ซึ่งทันทีที่หยางเสี่ยวเทียนหยั่งรู้ศิลากระบี่ทั้งสามสิบเล่ม เขาก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว

เขาไม่คิดรีรอหรือกลับจวนไปพักผ่อนแต่อย่างใด มุ่งหน้ามายังตำหนักกระบี่ทันทีที่สำเร็จครบ สามสิบเล่ม

ครั้นเห็นว่าเป็นหยางเสี่ยวเทียนมาเยือน เฉินฉางชิงก็เผยยิ้มอย่างขมขื่น แม้นจะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมา แต่มิคิดว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้

“ผู้อาวุโสเฉิน เสี่ยวเทียนหยั่งรู้ศิลากระบี่ครบสามสิบเล่มแล้ว ตอนนี้ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ว่าไฟศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ที่ใด” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวน้ำคำสุภาพพร้อมยกมือประสานหมัดแน่น

เฉินฉางชิงลังเลอยู่ครู่ แต่สุดท้ายเมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของเด็กน้อยหน้าขาวที่อยู่เบื้องหน้า ก็พลันทอดถอนใจ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อเจ้าบรรลุข้อตกลงแล้ว และยืนยันว่าต้องการตำแหน่งของไฟศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าให้กระจ่าง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด