ตอนที่7
อเมริกา
โรงพยาบาลXXX
"คุณท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ" ลูคัสมาถึงโรงพยาบาลได้ก็รีบเข้ามาดูอาการเอมม่าทันที
"ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกไรอันล่ะอยู่ไหน" หญิงชราไม่วายมองหาหลานชายคนโตของเธอซึ่งไม่ค่อยจะเห็นหน้าค่าตากันเท่าไรนัก
"เอ่อ...คุณไรอันดูที่ดินอยู่ญี่ปุ่นน่ะครับ" ลูคัสจำต้องเอ่ยคำโกหกออกไปเพราะคนเป็นนายสั่งว่าไม่ให้ย่าของตนรู้เป็นเด็ดขาดว่าเขาอยู่ที่ไหนทำอะไรเมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะรีบกลับมา
"แล้วเมื่อไรจะกลับงั้นเหรอ"
"ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ"
"งั้นก็ไปบอกหมอเจมส์ให้ฉันทีว่าฉันขอไปพักรักษาตัวที่บ้าน"
"คงไม่ได้หรอกครับคุณย่าผมยังปล่อยให้คุณย่ากลับไปไม่ได้หรอกครับนอนดูอาการที่นี่อีกสักสามวันเป็นอย่างต่ำนะครับ" หมอเจมส์ที่เปิดแประตูเข้ามาทันได้ยินเอมม่าเอ่ยกับเจคอปเขาจึงรีบเอ่ยปฏิเสธทันทีเพราะถ้าหากเขาปล่อยให้ย่าของเพื่อนกลับไปพักที่บ้านทั้งที่อาการยังไม่ดีมีหวังไรอันรู้เขาได้โดนกินหัวแน่
หมอเจมส์เป็นหมอหนุ่มรุ่นเดียวกับไรอันเป็นทายาทหมื่นล้านเจ้าขอโรงพยาบาลหลายแห่งในยุโรปเพื่อนกับไรอันตั้งแต่เด็กๆเรียนมาด้วยกันตลอดจะไม่ค่อยได้เจอกันในช่วงที่มีการมีงานทำแต่นานๆก็จะนัดสังสรรค์กันทีเวลาที่ว่างตรงกันและตอนนี้ก็พ่วงตำแหน่งหมอประจำตระกูลฮิลล์ไปด้วย
"เราก็รู้ว่าย่าไม่ชอบนอนโรงพยาบาล" เอมม่าบ่นด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายหากเธอไม่เจ็บจนเดินไม่ได้คงไม่มาแน่นอนที่โรงพยาบาล
"แต่รอบนี้ผมขอบังคับ"
"เฮ้อ..ให้ตายสิ" หญิงชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหน้าหนีทุกคนในห้อง
อาทิตย์ต่อมา
"เป็นไงบ้างล่ะพ่อหนุ่ม" วันนี้ว่านรักขับรถไปรับไรอันที่โรงพยาบาลกลับมาที่บ้านของเธอที่นี่มีทั้งปราโมทย์และเมษารออยู่แล้วบ้านของว่านรักเป็นบ้านไม้หลังสีขาวชั้นเดียวสามห้องนอนสองห้องน้ำลานหน้าบ้านมีสวนหย่อมร่มรื่นอยู่ไม่ไกลจากไร่ปาริชาตเท่าไรนักน้อยครั้งที่ว่านรักจะนอนที่นี่เพราะนอนที่บ้านของตาเธอสะดวกกว่าตื่นเช้ามาก็เดินเข้าไร่ได้เลย
"..ค่อยยังชั่วแล้วครับ..." ตอนนี้ไรอันเริ่มคุ้นกับทั้งสามแล้วเพราะเมื่อตอนที่นอนอยู่โรงพยาบาลทั้งปราโมทย์เมษาและว่านรักก็ผลัดกันไปดูแลเขาอยู่บ่อยๆ
"โชคร้ายหน่อยนะมาง้อเมียทั้งทีดันมารถชนต้นไม้เจ็บจนความจำเสื่อม...อ่อ..แล้วเราสองคนแต่งกันเมือไรตาไม่เห็นรู้เรื่องเลย" ปราโมทย์เอ่ยถามว่ารักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่รู้เรื่องนี้
"ผมก็จำไม่ได้เหมือนกันครับถามว่านเธอก็ไม่ยอมบอก" ไรอันส่ายหัวก่อนจะหันหน้ามองว่านรักที่นั่งอยู่ข้างๆ
"ยังไงกันล่ะอีหนู" ปราโมทย์ยืมองหน้าว่านรักด้วยอยากได้คำตอบเร็วๆ
"หนูอยากให้เค้าจำได้เองมากกว่าค่ะ"
"แต่ตาก็อยากรู้อยู่ดีว่าแต่งกันเมื่อไรเราเองก็ไม่เคยส่งข่าวมาบอกตานี่นา.. หรือเห็นตาไม่สำคัญ" เสียงของชายชราเริ่มมีอารมณ์ขุ่นเคืองปนอยู่ด้วย
"เปล่าจ่ะตา..คือหนูไม่ได้แต่ง" ว่านรักหน้าชาไปทั้งหน้าที่ถูกตำหนิจึงต้องเอ่ยความจริงไปเพราะเธอไม่ได้แต่งกับเขาจริงๆเมษาเองก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แทนที่จะช่วยกันหาคำตอบ
"อะไรนะ" ชายชราเสียงแข็งอย่างไม่พอใจเพราะเขาเลี้ยงหลานสาวทั้งสองมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่เคยสอนให้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวแต่ว่านรักกกลับอยู่ก่อนแต่งเสียได้
"แหม..ตาหนุ่มสาวต่างประเทศเค้าก็ใช้ชีวิตแบบนี้กันนั่นแหละ" เมษาเห็นคนเป็นตาเริ่มโมโหจึงช่วยว่านรักแก้ตัวอีกแรง
"เราอย่ามาคิดแบบนี้นะเจ้าเม.."
"อุ้ย" ชายชราผุดลุกเท้าเอวชี้หน้าเมษาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจจนหลานสาวหน้าหงอลงทันทีเขาไม่คิดว่าหลานสาวทั้งสองจะมีความคิดแบบนี้เพราะเขาเองเคร่งในประเพณีที่ดีงามที่สุด
"ในเมื่อตอนนี้เราอยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามประเพณีหากยังไม่แต่งเดี๋ยวตาจะจัดงานแต่งให้เอง"
"เอ่อ...ไม่ต้องจ่ะตาคือไม่แต่งก็ไม่เป็นอะไรหรอกจ่ะ"
"ได้ยังไงว่าน...เราคนรู้จักเยอะแยะถ้าเค้ารู้ว่าเราสองคนอยู่กันโดยไม่แต่งคนอื่นเค้าจะหาว่าตาไม่เคยสั่งเคยสอนให้รักนวลสงวนตัวน่ะสิ"
"ก็อยู่กันไปแล้วแต่งไม่แต่งไม่มีใครรู้หรอกถ้าคนในบ้านไม่พูดอะตา" เมษาเอ่ยเสริมด้วยยังไม่เข็ดที่ถูกดุเมื่อครู่
"เงียบ" คำเดียวของปราโมทย์ทำให้ทุกคนมีสีหน้าสลดกันหมดโดยเฉพาะไรอันเขาไม่รู้ตัวจริงๆว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงไม่แต่งกับเธอทั้งๆที่เขาก็ควรจะให้เกียรติคนเป็นภรรยา
"ผัวเราหายดีเมื่อไรเดี๋ยวตาจะจัดงานให้..เราล่ะติดปัญหาอะไรหรือเปล่าพ่อหนุ่มการแต่งงานครั้งนี้ถือเป็นการให้เกียรติหนูว่านเราจะยอมไหม"
"ครับ..การให้เกียรติคนที่เรารักเป็นเรื่องสำคัญอยู่แล้วครับ" ไรอันพยักหน้าเบาๆ
"ทำไมรู้ข้อนี้ล่ะ" เมษารีบโพล่งถามไรอันทันทีที่เห็นเขาตอบออกมาแบบนี้
"ไม่รู้สิครับคำนี้เหมือนอยู่ในหัว"
"อ่อ..แล้วไป" เมษายกมือทาบอกคราแรกคิดว่าชายหนุ่มจะจำอะไรได้เสียอีก