ตอนที่7 จากบ้านไปไกล
"นั่นสิจ้ะ...เมื่อไรหนูจะหายจากอาการบ้าๆนี่ซะที"
เกวรินทร์เองก็หน้ามุ่ยห่อเหี่ยวหัวใจที่ตนพูดไม่ได้เสียที
"อีหนู...เราพูดได้แล้วนี่นา"
สิ้นเสียงเกวรินทร์ทุกคนต่างก็เบิกตาโพรงดีใจกันยกใหญ่ทั้งเจ้าตัวเองก็ตกใจและดีใจในคราวเดียวกัน
"ได้ผลจริงๆด้วย.."
มาลีเข้าไปสวมกอดลูกสาวเธอสีหน้าระรื่น
"เย่ๆ..."
เกวรินทร์ตื่นเต้นกระโดดไปมาที่เธอกลับมาพูดมีเสียงเสียทีนับว่าคำขอของเธอที่ขอแก้บนข้อเดียวก่อนมันได้ผล
เช้าวันต่อมา
"พวกคุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง"
เป็นอย่างที่เกวรินทร์คิดเมื่อนิโคลัสตื่นขึ้นมาได้ก็ฏโมโหเอาการที่ถูกมัดมือชกเรื่องเมื่อคืน
ตอนนี้ทุกคนก็เอาแต่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะแก้ตัวคำที่ดีที่สุดก็คือคำว่าขอโทษ
"ทุกคนทำก็เพื่อช่วยฉันคุณอย่าโกรธเลยนะคะ...เห็นไหมพอฉันแต่งกับคุณฉันก็พูดได้เลย"
เกวรินทร์พยายามทำให้นิโคลัสอารมณ์เย็นลงและบอกให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่พวกเธอคิดมันไม่ผิดเรื่องลี้ลับมีจริและที่เธอหายเป็นปกติกลับมามีเสียงได้ก็เพราะเมื่อคืนแต่งงานกับเขา
"เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ฉันสัญญา"
"เฮ้อ.."
ชายหนุ่มร่างสูงยืนเท้าเอวปวดหัวหนึบไม่คิดเลยว่าจะมาเสียทีคนที่นี่ได้เขารู้ได้เลยว่านิสัยพิเลนๆของเกวรินทร์ได้มาจากใคร
10.00 น.
หลังจากทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้วเกวรินทร์ก็เตรียมตัวไปกรุงเทพพร้อมนิโคลัสของๆเธอไม่ได้มีอะไรมากเพราะนิโคลัสบอกว่าที่พักของเธอเขาจัดแจงข้าวของเครื่องใช้ไว้ให้ครบหมดแล้วให้เธอเตรียมพวกเอกสารการเดินทางให้พร้อมก็พอ
"หนูไปก่อนนะจ้ะ"
"ดูแลตัวเองดีๆนะลูก"
หญิงสาวกอดพ่อกับแม่และย่ากลมครู่หนึ่งให้ชื่นใจเพราะรู้ว่าครั้งนี้ต้องจากบ้านไปไกล
"ยังไงฝากดูแลลูกผมด้วย"
พนาเอ่ยฝากฝังลูกสาวตนกับนิโคลัสเขาเชื่อว่านิโคลัสเป็นสุภาพบุรุษในระดับหนึ่งเพราะหากไม่ใช่คงยอมรับปากรับลูกสาวเขาเป็นภรรยาอย่างว่าง่ายไปแล้ว
"อีหนูต้องไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองเกิดมีคุณเป็นที่พึ่งเดียวดูแลหลานฉันด้วย"
ทองม้วนรู้ดีว่าการอยู่ไกลบ้านแถมวัฒนธรรมมันน่าจะว้าเหว่พอสมควรคนเดียวที่เห็นว่าจะทำให้หลานเธอรู้สึกมีหลักได้ก็ไม่พ้นนิโคลัส
"ครับเธอทำงานกับผมยังไงก็ต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว"
ชายหนุ่มรับปากไม่ใช่ดูแลเธอในฐานะภรรยาแต่เพราะเธอเป็นลูกจ้างของเขายังไงเขาก็ต้องดูแลดีอยู่แล้ว
ชั่วโมงต่อมา
หลังจากที่เดินทางออกจากบ้านมาพักใหญ่เกวรินทร์ก็เริ่มท้องร้องเพราะเมื่อเช้าไม่ได้ทานอะไรเยอะ
"ฉันหิวค่ะ... ขอกินอะไรบนรถได้หรือเปล่า"
"อืม.."
เมื่อได้รับอนุญาตสาวเจ้าก็ควักกล่องอาหารออกมาจากกระเป๋า
"อะไรของเธอ"
นิโคลัสเห็นว่ากล่องในมือของหญิงสาวมีแรปซีนไว้แน่นหนาจึงอยากรู้ว่าในกล่องมีอะไรทำไมต้องเก็บเสียดิบดีขนาดนั้น
"ทุเรียนไงคุณไม่เคยกินเหรอ"
สาวเจ้าฉีกแรปซีนทิ้งได้ก็เปิดกล่องยื่นเข้าไปให้นิโคลัสได้ดูไม่ทันถึงตรงหน้าดีคนตัวโตก็ต้องรีบเอี้ยวตัวหนีปิดจมูกเพราะกลิ่นอาหารในกล่องมันตีขึ้นจมูกจนรู้สึกมึนหัวกะทันหัน
ไม่ใช่เพียงแค่นิโคลัสที่ทนกับกลิ่นนี้ไม่ได้ลูคัสและโอดินต่างก็มีอาการไม่ต่างจากคนเป็นนายเขาจึงรีบเปิดกระจกรถไล่กลิ่นข้างในทันที
"เอาเก็บใส่กล่องไปเดี๋ยวนี้เลย"
"โอเคๆ.. "
เกวรินทร์เห็นเช่นนั้นจึงรีบปิดกล่องเก็บโดยเร็วและหาถุงพลาสติกในกระเป๋าห่อให้หนาด้วยลืมไปว่ามีคนไม่ชอบกลิ่นทุเรียนเหมือนกัน
15.00 น.
หลังจากที่มาถึงโรงแรมได้ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องตัวเองเพื่อพักผ่อน
ในส่วนของเกวรินทร์แม้นจะง่วงจะเพลียแต่เธอก็ยังคงหลับตาไม่ลงเพราะยังคงต้องโทรคุยกับทรายแก้วเพื่อนของเธอเรื่องการแก้บน
หลังจากเกวรินทร์เล่าเรื่องตัวเองให้ทรายแก้วฟังจนหมดแล้วปลายสายอย่างทรายแก้วก็รู้สึกตกใจกับเรื่องที่พึ่งรับรู้ไม่น้อย
"โหเรื่องมันหนักขนาดนี้เยเหรอ... แต่ย่าแกก็สุดยอดเลย"
"ใช่ย่าฉันเจ้าแผนการสุด...เออ...แกไม่เจอเรื่องอะไรจริงๆเหรอทราย"
เกวรินทร์อมยิ้มกริ่มเป็นใครได้ยินวีรกรรมย่าเธอเป็นอันพูดแบบนี้แทบทุกคน
"อืม...ไม่เจออะไรนะ"
ทรายแก้วเอ่ยเสียงอึกอักเล็กน้อย
"ดีแล้วล่ะเรื่องนี้อย่าบอกเอยนะเดี๋ยวเอยจะไม่สบายใจ"
เกวรินทร์รู้ว่าเพื่อนเธอไม่เจออะไรก็สบายใจและยังไม่ลืมกำชับเรื่องการบนบานกับทรายแก้วว่าอย่าให้เจ้าเอยเพื่อนของพวกเธอที่เป็นเหตุทำให้พวกเธอต้องบนบานได้รู้เรื่องเพราะไม่อยากมห้เพื่อนไม่สบายใจ
"อืม.. รู้แล้ว"
"อ่อ..จริงสิแกบนว่าอะไร"
"ก็..."
ติ๊งงงง
ยังไม่ทันที่ทรายแก้วจะบอกสิ่งที่ไปบนพร้อมกันกับเกวรินทร์ครั้งนั้นเสียงออดห้องของเกวรินทร์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
"เดี๋ยวฉันโทรไปใหม่นะทรายมีคนเคาะห้องแค่นี้ก่อน"
"โอเค"