ตอนที่6
“นั่นสิคะแม่ฉันก็ลืมไปเลยว่าหลานคนนี้ชอบของหวานนักล่ะ” พิมพรรณเอ่ยหยอกคนที่กำลังหน้าบูด
“...” ภูผาเองเห็นอาการของผ้าแพรก็แอบอมยิ้มเช่นกันเพราะเธอเหมือนเด็กๆไม่มีผิดที่เห็นขนมดีกว่าข้าว
“ใครว่าล่ะคะแพรจะทานข้าวเยอะๆเลยคอยดู...นี่คุณภูลองทานแกงไก่บ้านนี่ดูสิคะอร่อยนะคะ” ผ้าแพรทำใจที่จะทานข้าวให้ทุกคนเห็นและอดใจไว้เพื่อที่จะได้ทานของหวานดั่งใจเธอตักต้มจืดใส่จานของเธอและเห็นว่าบนโต๊ะมีแกงไก่บ้านสีแดงฉานเต็มถ้วยจึงตักให้ภูผานั้นได้ลองชิม
“อืม...หืม” ภูผาเห็นว่าแกงที่หญิงสาวตักให้สีน่าทานจึงตักเข้าปากอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะรสชาติของมันนั้นเผ็ดจนเขาเคี้ยวไม่ได้
“น้ากำลังจะบอกว่ามันเผ็ด” พิมพรรณถึงกับหน้าเสียเพราะเธอเองก็ห้ามไม่ทันแกงนี้เป็นแกงที่เหลือจากการทำบุญเมื่อเช้าเป็นรสชาติที่คนที่นี่ทานมันจึงจัดจ้านเป็นพิเศษเธอรู้ดีว่าคนเมืองอย่างภูผาคงเผ็ดมากแน่นอนดูท่าทางชายหนุ่มแล้วก็น่าจะมากเป็นพิเศษเสียด้วย
“คุณภูทานเผ็ดไม่ได้เหรอคะ” คนที่ตักแกงให้ภูผาถึงกับหน้าเสีย
“ก็พอได้แต่นี่มันเผ็ดมาก” ชายหนุ่มกลืนน้ำจนแทบหมดแก้วความเผ็ดมันก็ยังไม่ลดลงเอาเสียเลย
“แพรไม่รู้แพรขอโทษจริงๆนะคะเดี๋ยวแพรรีบไปเอามะนาวมาให้นะคะ” ผ้าแพรรีบเดินไปในครัวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะไปหั่นมะนาวมาให้ภูผาเพราะเธอเผ็ดทีไรมะนาวนี่ก็จะช่วยได้ทุกที
“โอยย...ฟู่” ภูผาหน้าแดงไปหมดแล้วในวินาทีนี้
“เอาๆนี่น้ำ” พิกุลส่งขวดน้ำให้พิมพรรณเทใส่แก้วให้ภูผาเมื่อน้ำในแก้วของเขาหมดแล้ว
“ไหวไหมเนี่ยคุณภู” พิมพรรณรีบเทน้ำใส่แก้วให้ภูผาอย่างรวดเร็ว
“มะนาวมาแล้วค่ะอ้าปากค่ะคุณภูจะได้หายเผ็ด” ผ้าแพรกลับมาพร้อมน้ำมะนาวในแก้วเล็กเมื่อมาถึงเก้าอี้ของภูผาเธอก็ให้เขากลืนทีเดียวจนหมด
“หืม...เปรี้ยวมันช่วยได้จริงเหรอ” สีหน้าของชายหนุ่มเหยเกดูไม่ได้เมื่อครู่ก็เผ็ดมากแล้วตอนนี้ยังเปรี้ยวเข้าไปอีก
“หน้าเป็นหมาเคี้ยวพริกเลยนะ” พิกุลถึงกับกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าของหลานเขย
“เป็นแบบนี้เลยเหรอคะยาย” ผ้าแพรหันมาถามคนเป็นยายเพราะเธอก็ไม่เคยเห็นหมาเคี้ยวพริกเหมือนกันด้วยคงไม่มีใครทะลึ่งเอาพริกใส่ปากหมาเล่น
“แม่ก็” พิมพรรณส่ายหัวเบาๆเมื่อแม่เธอก็เปรียบเปรยเสียภูผาหมดความมั่นใจแถมยังสร้างปัญหาให้ผ้าแพรนั้นต้องมาคิดอีก
“คุณนอนให้สบายเลยนะคะแพรแบ่งเตียงให้คุณเยอะมากเลย” ผ้าแพรที่อยู่ในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขายาวสีชมพูเธอเห็นภูผาพึ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จก็รีบบอกให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเธอจัดการแบ่งที่นอนให้เขาแล้วเตียงเธอใหญ่ขนาดหกฟุตเธอแบ่งให้เขชาเกินครึ่งหวังว่าเขาจะได้นอนสบาย
“เธอนอนแค่นั้นไม่กลัวตกเตียงหรือไง” ภูผามองในส่วนที่นอนของหญิงสาวเขาเห็นว่าส่วนที่เธอนอนน่ะนอนได้แต่คงจะขยับไมได้เป็นแน่
“ไม่ค่ะแพรนอนไม่ดิ้น” ร่างบางส่ายหัวเบาๆทั้งลงนอนให้เขาดูเพื่อให้เห็นภาพอีกด้วย
“ให้ฉันนอนเตียงเดียวกับเธอไม่ระแวงฉันทำอะไรเธอเหรอ” ภูผาเข้ามานั่งพิงหัวเตียงในส่วนพื้นที่ของเขาแถมด้วยพูดลองใจหญิงสาวว่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้นอนกับเขา
“ตอนแรกก็กลัวค่ะแต่คิดไปคิดมาแพรรู้ว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับแพรเรื่องที่เกิดก็เป็นอุบัติเหตุแพรเลยสบายใจที่จะนอนเตียงเดียวกับคุณค่ะหรือว่าคุณระแวงว่าแพรจะทำอะไรคุณหรือเปล่าคะ..แพรไปนอนโซฟาก็ได้นะคะคุณจะได้สบายใจ” ร่างบางพุดพรางเตรียมหมอนจะไปนอนที่โซฟาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะระแวงเธอ
“ไม่ต้องเธอนอนตรงนี้นี่แหละฉันไว้ใจเธอ” ภูผารีบดึงหมอนจากมือของหญิงสาวและวางเอาไว้ใกล้ๆกับหมอนของเขาเพื่อที่เธอจะได้พื้นที่นอนเท่ากันทั้งบอกให้หญิงสาวได้ฟังชัดว่าเขาไว้ใจเธอไม่เช่นนั้นเธอคงจะเกรงใจเขาอยู่มากทั้งที่เขาควรจะเป็นคนเกรงใจ
“ขอบคุณที่ไว้ใจแพรนะคะ” ผ้าแพรล้มตัวนอนลงด้วยรอยยิ้มเธอสบายใจแล้วที่เขานั้นไว้ใจเธอ
“เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนกัน” ภูผาทิ้งตัวลงนอนยกแขนชันหัวเอาไว้แล้วหันมามองหน้าหวานที่ตอนนี้ไม่ได้มีอะไรแต่งแต้มเขาอยากจะรู้นักว่านิสัยของเธอที่เป็นแปลกๆแบบนี้ใครเป็นคนสอนหรือเหมือนใครกันแน่
“น้ากับยายของฉันเลี้ยงแพรมาค่ะแต่แพรก็อธิบายให้คุณฟังไม่ค่อยถูกซะด้วยพรุ่งนี้แพรจะถามวิธีจากยายแล้วก็น้าพิมนะคะเผื่อเอาไว้เลี้ยงลูกของเราด้วย” ร่างบางนอนทำหน้าครุ่นคิดเธอเห็นว่านิสัยของเธอนั้นส่วนมากมีแต่คนชมเธอเองก็อยากจะเลี้ยงลูกให้ได้เหมือนเธอเช่นกัน
“ฉันว่าฉันเลี้ยงลูกในวิธีของฉันจะดีกว่า” ภูผาถึงกับต้องพูดตัดบทขึ้นมาก่อนหากให้ลูกนั้นเป็นเหมือนแม่เขาคงต้องห่วงมากเป็นแน่
“อืม...แพรคิดว่าเลี้ยงแบบวิธีของแพรกับของคุณคนละครึ่งดีกว่านะคะ” ผ้าแพรหันมายิ้มให้ชายหนุ่มที่สีหน้าดูเหมือนจะคิดหนักอะไรอยู่ในใจ
“เฮ้อ..” วันนี้เขาคิดว่ายังไม่คุยรายละเอียดลงลึกเรื่องนี้จะดีกว่าเลยทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆแล้วล้มตัวลงนอนหงายคิดว่าอนาคตจะพูดกับเธออย่างไรให้เข้าใจดีว่าการที่ลูกเป็นเหมือนเธอจะถูกเอาเปรียบได้ง่าย
“เป็นอะไรคะ..คุณภูร้อนหรือว่าอะไรคะ..เดี๋ยวแพรไปเร่งพัดลมให้ค่ะขอโทษนะคะที่บ้านแพรไม่มีแอคุณเลยดูลำบากเลย” เมื่อเสียงหายใจของชายหนุ่มถอนออกมาเฮือกใหญ่ความไม่สบายใจก็เกิดขึ้นกับหญิงสาวทันทีเพราะคิดว่าที่นี่อาจจะร้อนเกินไปสำหรับเขา
“เปล่าอากาศที่นี่เย็นสบายดีอยู่แล้วฉันจะนอนแล้วเธอก็นอนเถอะ” มือหนายกขึ้นปรามหญิงสาวไม่ให้ลุกขึ้นที่นี่เย็นกว่าแอที่บ้านของเขาเสียอีกเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยเพียงแค่คิดอะไรไม่ตกก็เท่านั้น
สามวันต่อมา
บ้านริมน้ำ
หลังจากที่ภูผาพาผ้าแพรบินมาที่กรุงเทพตั้งแต่เช้านี้เมื่อมาถึงสายทองก็พาหลานสะใภ้ของเธอนั้นเดินรอบบ้านแนะนำว่าอะไรอยู่ตรงไหนอย่างไรและที่นี่เค้าใช้ชีวิตกันแบบไหนเพื่อให้หลานสะใภ้ของเธอได้ลองค่อยๆปรับดู
“เป็นยังไงบ้างพออยู่ได้หรือเปล่า” เมื่ออธิบายถึงชีวิตการเป็นอยู่เรียบร้อยแล้วสายทองก็พาผ้าแพรมานั่งกันที่หลังบ้านเพราะวิวริมแม่น้ำตอนเย็นมันทำให้ผ่อนคลาย
“ได้ค่ะแพรอยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะคุณย่าแค่ไม่อึดอัดใจก็พอ” ผ้าแพรรู้สึกชอบที่นี่อยู่เหมือนกันแม้จะไม่เหมือนบ้านเธอแต่ความร่มรื่นที่นี่ทำให้เธอค่อนข้างผ่อนคลายเมื่อมาถึงเธอเองเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายหากที่ที่นั้นต้อนรับเธอ
“ผลไม้ค่ะคุณท่านคุณแพร” ดวงใจแม่บ้านวัยหกสิบที่อยู่กับสายทองมาตั้งแต่สาวๆเธอเห็นผ้าแพรก็นึกเอ็นดูเพราะกิริยามารยาทเรียบร้อยเมื่อเห็นสายทองและผ้าแพรนั่งคุยกันอยู่ที่หลังบ้านก็รีบหาผลไม้เป็นของว่างมาให้ทั้งสอง
“ขอบคุณนะคะป้าดวง” เจ้าของใบหน้าหวานยิ้มขอบคุณดวงใจพลันมือเรียวก็ใช้ส้อมจิ้มแตงโมชิ้นโตเข้าปากอย่างชื่นใจเพราะเธอกำลังอยากทานผลไม้อยู่พอดีแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากบอกใคร
“คราวหน้าถ้าหิวอะไรบอกป้าได้เลยนะคะคนท้องต้องห้ามอดเดี๋ยวจะหงุดหงิดนะคะ” ดวงใจมองออกว่าผ้าแพรคงจะหิวเพราะทานเข้าไปคำโตเสียขนาดนั้นแถมยังจิ้มผลไม้เข้าปากไม่หยุดอีกต่างหาก
“ค่ะป้าดวง” ร่างบางตอบกลับด้วยรอยยิ้มนึกขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูเธอหากดวงใจเอ่ยเช่นนี้แล้วคราวหน้าเธอก็น่าจะขอของหวานของชอบได้ง่ายหน่อยโดยไม่ต้องเกรงใจเท่าไรนัก
“อ้าวนั่นจะไปไหนล่ะตาภู” สายทองเห็นหลานชายเธอเดินมาหาแต่งตัวเต็มยศเซ็ทผมเนี้ยบคงไม่พ้นจะออกไปข้างนอกเช่นเคย
“มีนัดกับเพื่อนครับคุณย่า...อ่อ..คืนนี้ฉันกลับดึกเธอไม่ต้องรอฉันนะนอนได้เลย” ภูผาหันมาบอกกับร่างบางที่เอาแต่นั่งทานผลไม้ไม่หยุดปาก
“ได้ยังไงล่ะวันนี้หนูแพรต้องนอนที่นี่คืนแรกแกจะหนีเมียแกไปไหน” สายทองโพร่งตัดบทหลังจบประโยคของคนเป็นหลานชายทันที
“แพรนอนได้ค่ะคุณย่าคุณภูไปเถอะค่ะคงอยากจะเจอเพื่อนใช่ไหมคะไปอยู่ที่เชียงใหม่ตั้งหลายวันแล้ว” ผ้าแพรรีบเคี้ยวเจ้าแตงโมให้หมดปากรีบบอกกับสายทองว่าเธอนอนได้และให้ภูผานั้นไปหาเพื่อนได้เลยเธอไม่มีปัญหาในการนอนคนเดียวอยู่แล้ว
“เจอเพื่อนจริงๆใช่ไหม” สายทองอยากจะตีผ้าแพรเสียจริงที่ดูจะไม่ทันสามีตัวเองเลยจริงๆในเมื่อเจ้าตัวภรรยาเค้าไม่ห้ามเธอก็หมดหน้าที่จะห้ามได้แต่ย้ำอีกครั้งว่าที่หลานชายบอกว่าไปหาเพื่อนมใช่เพื่อนจริงๆใช่หรือไม่
“ครับคุณย่าถ้าผมจะไปที่อื่นผมไม่บอกคุณย่าหรอกครับ” ภูผายกยิ้มเบาๆเจ้าเล่ห์ที่คุณย่าของเขานั้นจะระแวงไปเสียทุกครั้งที่เขาออกข้างนอก
“เรานี่นะอย่าให้มันดึกมากนักล่ะ” มือหญิงชรายกมาฟาดต้นแขนหลานชายใบหน้าเน้นเขี้ยวเน้นฟันที่ถูกยอกย้อน
“คุณแพรไม่ห้ามคุณภูล่ะคะ” ดวงใจแปลกใจไม่น้อยกับอาการของผ้าแพรที่ดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยที่สามีเจ้าตัวจะไปเที่ยวกลางคืน
“ก็คุณภูเค้าแค่อยากไปเจอเพื่อนแพรไม่ห้ามหรอกค่ะป้าดวง” หญิงสาวส่ายหัวเบาๆเธอไม่ใช่คนใจร้ายใจดำที่ห้ามภูผาเพียงเพราะจะไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน
“ย่าถามเราจริงๆนะหนูแพรไม่คิดว่าตาภูจะไปหาผู้หญิงบ้างหรือไง” สายทองขยายความคำถามของดวงใจเธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผ้าแพรนั้นคิดอย่างไรถึงได้ปล่อยให้ภูผาออกไปแบบนั้นทั้งที่เธอเองก็ยังไม่มั่นใจว่าหลานเธอจะไปหาเพื่อนจริงๆอย่างที่ปากว่าเลย
“ถ้าเค้าจะไปหาผู้หญิงเค้าจะบอกว่าไปหาเพื่อนทำไมล่ะคะคุณย่าอีกอย่างแพรก็ไม่ใช่คนที่คุณภูรักด้วย” ผ้าแพรเชื่อใจภูผาเป็นที่สุดไม่มีอะไรที่เธอต้องไม่เชื่อเพราะเขาไม่จำเป็นต้องโกหกเธอในเมื่อเธอและเขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบชู้สาว
“ถึงไม่ใช่แต่เราก็แต่งงานมีลูกด้วยกันคาท้องอยู่อย่างนี้หากวันนึงลูกเกิดมาจะต้องเห็นพ่อตัวเองไปหาผู้หญิงคนอื่นจะรู้สึกยังไง” สายทองมองหลานสะใภ้ของเธอด้วยสายตาเอ็นดูไม่รู้เลยว่าพิกุลนั้นเลี้ยงหลานมายังไงถึงได้จิตใจดีแบบนี้ แต่ยังไงเธอก็จะยอมให้ผ้าแพรนั้นคิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้ในเมื่ออนาคตภูผาจะต้องเป็นผู้นำครอบครัวและตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกที่กำลังจะเกิดมา
“ลูกก็จะต้องเสียใจแล้วแพรก็จะต้องเสียใจที่ลูกเสียใจแต่ถ้าบอกให้คุณภูห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นแพรคงทำไมได้ค่ะเพราะผู้หญิงของคุณภูมาก่อนแพรถ้าให้พวกเค้าเลิกกันทั้งที่ยังรักกันแพรทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งเธอลองคิดตามที่สายทองพูดแล้วค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างพินิจพิเคราะห์ไม่นานสายตาที่ไม่รู้สึกอะไรก็เริ่มก็จะไหววูบเพราะคิดไม่ตกเสียแล้ว
“อืมๆ..ย่าว่าเดี๋ยวย่าคุยกับตาภูเองจะดีกว่า” สายทองมองหน้ากับดวงใจด้วยท่าทางอ่อนใจเห็นว่าเธอจะให้สองคนผัวเมียตกลงกันเองจะไม่ได้แล้วคงต้องยื่นมือเข้าช่วยบ้างในบางเรื่อง