ตอนที่6 เกลียดน้ำตา
"แล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะ"
ธารธารีหน้าเจื่อนเล็กน้อยเพราะเธอไม่รู้ตำแหน่งของอาหารเพราะตอนที่อยู่ที่นี่เจเดนก็เป็นคนเอามาวางใกล้ๆกับมือของเธอเองเมื่อทานเสร็จเขาก็จะเป็นคนเอาไปเก็บ
"ถ้าไม่ฉลาดพอที่จะลุกขึ้นมาหาเอาเองก็หิวต่อไป"
นิโคไลชะงักฝีเท้าเอ่ยกับหญิงสาวโดยที่ไม่หันกลับไปมอง
เพล้งงง
"เอ่อ.."
ธารธารีค่อยๆลงจากเตียงและใช้มือค่อยๆแตะดูบนโต๊ะวางของข้างเตียงคิดว่าเจเดนคงวางไว้ให้เธอแถวนี้แต่มือน้อยของเธอก็พลาดไปปัดถูกแก้วน้ำหล่นแตกจนเธอเองก็ตกใจ
"อะไรกันครับ...เดี๋ยวผมจัดการเองครับ"
เจเดนวิ่งเข้ามาดูเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกเมื่อเข้ามาก็เห็นนิโคไลยืนทำสีหน้าไม่พอใจเขาจึงรีบเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวและจับให้เธอนั่งลงที่เตียงส่วนเขาก็จัดการเก็บกวาดเศษแก้วไปทิ้งอย่างรวดเร็วก่อนที่เจ้านายของเขาจะโมโหแล้วทำร้ายหญิงสาว
“หึ่..”
นิโคไลยืนมองหญิงสาวด้วยสายตาคาดโทษครู่หนึ่งแล้วจึงเดินออกไป
“เค้าไปแล้วใช่ไหมคะ”
ธารธารีส่งเสียงอ่อนถามเจเดนด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไร
“ครับ”
เจเดนตอบหญิงสาวในขณะที่กำลังเช็ดพื้นอยู่
“ขอโทษทีนะคะ”
ธารธารีเอ่ยขอโทษเจเดนที่ทำให้เขาต้องลำบากมาเก็บกวาดเศษแก้วฝีมือเธอ
“ไม่เป็นไรครับ...ถาดอาหารปกติผมจะวางที่โต๊ะวางของตำแหน่งประมาณนี้นะครับแล้วคราวหลังผมจะเปลี่ยนเป็นขวดน้ำพลาสติกให้นะครับ”
เจเดนไม่ได้รู้สึกว่าเขาลำบากอะไรสักนิดทั้งรู้สึกผิดที่ไม่บอกตำแหน่งที่วางถาดให้หญิงสาวก่อนออกไปเขาจึงดึงมือหญิงสาวมาสัมผัสกับตำแหน่งที่เขาวางให้เธอได้รู้
“ค่ะ”
ธารธารีพยักหน้าเบาๆเมื่อเธอจำตำแหน่งได้แล้วเพียงแค่นั่งชิดหัวเตียงและเอื้อมไปจนสุดแขนเท่านั้น
“....”
ภาพทั้งหมดในห้องของหญิงสาวตอนนี้อยู่ในสายตาคมของนิโคไลทั้งหมดเขาเก็บรายละเอียดได้พอสมควรแล้วจึงเดินออกไปด้วยสายตาที่คาดเดาความคิดในใจไม่ได้
“วันนี้ได้เรื่องอะไรบ้าง”
นิโคไลเรียกเฮนรี่และวิลเลียมมารายงานเรื่องที่เขาให้จัดการว่าได้เรื่องถึงไหนแล้วบ้างเขาหวังว่าจะได้ยินข้าวดีไม่มากกก็น้อยเพราะร้อนใจเรื่องเจด้ามากอยู่พอสมควรตอนนี้เขากำลังนั่งจ้องหน้ามือขวากับมือซ้ายตรงหน้าด้วยสายตามีความหวัง
“ก็ยังเหมือนเดิมครับนาย
วิลเลียมตอบพร้อ มหลบสายตานิโคไลเล็กน้อยเพราะเห็นสีหน้าของคนเป็นนายแล้วเขาละอายใจที่ต้องบอกความจริงว่ามันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
“อะไรกันงานแค่นี้ทำไม่สำเร็จเป็นไปได้ยังไง...คนแค่คนเดียวหายไปมันจะแกะรอยยากขนาดนั้นเลยหรือไง”
นิโคไลเอ่ยเสียงแข็งทั้งกำมือแน่นสงบอารมณ์โมโหไม่เข้าใจว่างานนี้มันดูจะยากเกินความสามารถของคนของเขาแค่ไหนถึงหากันไม่เจอดเสียทีผิดจากงานอื่นที่ใช้เวลาไม่เท่าไรก็ได้เรื่องแล้ว
“ใจเย็นๆก่อนครับพวกเราก็ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว”
เฮนรี่เอ่ยน้ำเสียงเรียบเขารู้ว่าในใจนิโคไลร้อนรุ่มแค่ไหนแต่หากอารมณ์เสียไปก็ไม่มีประโยชน์
“ถ้าเป็นคนรักพวกนายใจเย็นกันได้ไหม”
นิโคไลลุกยืนเต็มความสูงทั้งหันหลังให้ลุกน้องของเขาทั้งสองและเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
เพล้งง
“ว้ายยย...คุณเจเป็นอะไรคะ”
ธารธารีสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงอะไรตกแตกภายในห้องของเธอจึงเดาว่าน่ายจะเป็นเพราะเจเดนนั้นต้องเดินชนอะไรเป็นแน่
“ฉันเอง”
นิโคไลมองหญิงสาวด้วยสายตาแค้นเคืองเอ่ยเสียงแข็งกร้าวจนหญิงสาวตกใจอีกครั้ง
“มาโวยวายอะไรที่นี่คะ”
ธารธารีไม่ค่อยพอใจนักที่ชายหนุ่มนึกอยากจะทำอะไรก็ทำ
“ก็ที่นี่มันที่ของฉัน...ฉันจะโวยวายตรงไหนก็ได้”
นิโคไลเดินมายืนข้างเตียงที่หญิงสาวกำลังนั่งอยู่ยิ่งเห็นแววตาใสซื่อของเธอแล้วเขาก็ยิ่งหงุดหงิด
“เป็นอะไรของคุณอีก”
ธารธารีขมวดคิ้วบุ้ยปากอย่างไม่พอใจที่ดูเหมือนเขาจะมาที่นี่เพื่อทำตัวอันธพาลใส่เธอเสียมากกว่า
“พี่ชายเธออยู่ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้”
นิโคไลเอื้อมมือหนาไปบีบแขนหญิงสาวทั้งยกเธอให้ลุกขึ้นด้วยมือเดียวจนหญิงสาวตื่นกลัวเขาเค้นเสียงถามเธอด้วยอารมณ์โมโหและอยากจะได้เบาะแสอะไรจากปากหญิงสาวบ้างเท่านั้น
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าไม่รู้คุณจะมาถามอะไรอีก”
ธารธารีไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาถามทั้งนั้นถึงรู้มีหรือเธอจะบอกเพราะกลัวพี่ชายเธอเป็นอันตราย
“บ้านเธอมีที่ไหนอีกแล้วเพื่อนพี่เธอล่ะอยู่ที่ไหนบ้างบอกมาให้หมด”
นิโคไลยังไม่ละความพยายามยังตะคอกถามหญิงสาวทั้งกระชากเธอจนตัวโยนอีกรอบ
“ก็บอกว่าไม่รู้ๆๆๆๆ...ฟังกันบ้างหรือเปล่าเนี่ย”
ธารธารีตอบกลับด้วยน้ำเสียงสะอื้นในลำคอเล็กน้อยเพราะเธอชักรู้สึกกลัวนิโคไลขึ้นมาจับใจเสียแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้เจเดนอยู่ที่ไหนหากเขาอยู่ใกล้ๆคงจะช่วยเธอแล้ว
“หึ่..”
นิโคไลผลักร่างบางจนไปกองอยู่กับเตียงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่เค้นอะไรกับเธอก็ไม่ยอมตอบเขาสักอย่างเขาไม่เชื่อว่าหญิงสาวจะไม่รู้อะไรยังไงเขาก็จะคอยเค้นเธอจนกว่าจะพูดให้ได้
“ไอ้คนใจร้าย...คนบอกว่าไม่รู้จะถามเอาอะไรนักหนา..ฮึก”
ธารธารีนั่งปาดน้ำตาลวกๆ
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้ฉันเกลียดน้ำตา”
นิโคไลยืนกอดอกสั่งหญิงสาวเสียงแข็ง