ตอนที่6 ตามมาหาเรื่อง
วันต่อมา
หิรัญขับรถกระบะพาพราวพิไลไล่ชมรอบๆตั้งแต่เช้าจนมาหยุดอยู่ที่หนึ่งซึ่งเหล่าคนงานกำลังจับกลุ่มกันง่วนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังมีปัญหากันอยู่หนึ่งในนั้นคือลุงครามผู้จัดการไร่ร่วมด้วย
"ดูอะไรกันเหรอครับหน้าเคร่งเครียดเชียว"
พราวพิไลและหิรัญลงจากรถมาดูเหล่าคนงานทั้งถามถึงเหตุที่ต้องมารวมกันตรงนี้ด้วยท่าทีเป็นกังวล
"นายครับผมว่าจะเข้าไปหาอยู่พอดีเลยครับ"
ลุงครามพอเห็นคนเป็นเจ้านายมาที่นี่พอดีจึงรีบเดินมาต้อนรับ
"มีอะไรครับ"
"ก็แปลงผักเราสิครับทางโน้นที่ติดตีนเขาพอฝนตกหนักเข้าน้ำก็หลากจากเขาจนผักเสียหายเยอะเลย"
ลุงครามชี้ไปทางแปลงผักที่อยู่ใกล้ๆกับตีนเขา
"ปกติไม่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ"
หิรัญขมวดคิ้วเป็นปมแน่นพราวพิไลเองก็ยืนฟังด้วยสีหน้ากังวลถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นที่ไร่
หิรัญเองก็เห็นว่าปกติแล้วถึงฝนจะตกแรงแค่ไหนน้ำในป่าก็ไม่น่าจะหลากลงมาแรงขนาดทำให้แปลงผักเสียหายได้
"ครับ..เห็นคนงานในไร่ที่ไปหาของป่าบอกว่ามีกลุ่มคนเข้าไปลักลอบตัดไม้ข้างในจนเป็นเวิ้งกว้าง"
ลุงครามพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเหมือนแค่อยากให้เรื่องนี้รู้แค่วงแคบๆเท่านั้น
"ถ้ามีเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่มีใครแจ้งทางการล่ะครับ"
นี่เป็นเรื่องที่หิรัญสงสัยเข้าไปใหญ่
"ไม่มีใครกล้าหรอกครับ.."
ลุงครามก้มหน้าลงเล็กน้อย
"ผมพอจะเข้าใจแล้ว...ยังไงตอนนี้ก็แก้ปัญหาไปก่อนละกันครับเราคงต้องปลูกหญ้าแฝกเพิ่มเป็นแนวกั้นไปก่อนแล้วแปลงผักพวกนั้นที่อยู่ใกล้กับตีนเขาที่เสียก็โละออกไปก่อนได้เลยแล้วก็เลิกทำตรงนั้นสักพักให้หมดหน้ามรสุมไปก่อนครับ"
หิรัญเห็นหน้าลุงครามเช่นนั้นก็ไม่ต้องเดาอะไรต่อเรื่องนี้เดี๋ยวเขาขอจัดการปัญหาเงียบๆเอง
"ครับคุณรัญ"
ครู่ต่อมา
"พี่รัญรู้จำวิธีแก้ปัญหาที่นี่ได้ด้วยเหรอคะ.."
หลังจากที่คุยกับลุงครามเสร็จหิรัญก็พาพราวพิไลขึ้นรถดูพื้นที่ต่างๆในๆร่ต่อเพราะรู้ว่าเธอไม่เคยมาที่นี่
หญิงสาวถามหิรัญอย่างสงสัยเพราะเธอจำได้ว่าชายหนุ่มความจำหายไปเกินสองปีแน่นอนซึ่งเขาก็พึ่งจะมาดูไร่นี้แค่ปีเดียวก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น
"อ๋อ..เรื่องแบบนี้พี่ศึกษาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะเพราะคลุกคลีกับคุณปู่และก็มาที่นี่บ่อยตอนเด็กๆ"
"อ๋อ..ค่ะ"
"ช่วงที่พราวคบกับพี่ไม่รู้เหรอว่าพี่เก่งด้านนี้"
หิรัญหันหน้าถามพราวพิไลด้วยสายตามีเลศนัย
"เอ่อ...รู้สิคะว่า..แฮร่ๆ.."
พราวพิไลตอบเสียงสูงทั้งยังรีบหันหน้ามองวิวด้านนอกกลบเกลื่อน
สามวันต่อมา
สำนักงานธนาคาร
09.30 น.
"ที่พี่สอนเข้าใจทุกอย่างใช่ไหมมีอะไรอยากเพิ่มเติมตรงไหนหรือเปล่า"
ศจีหญิงวัย40กว่าเลขาของอนุชิตสอนงานให้แพรวพิลาสเป็นเวลาสามวันแล้วงานทุกอย่างที่แพรวพิลาสต้องรู้เธอก็ถ่ายทอดให้ไปหมดแล้วจึงถามหญิงสาวตรงหน้าว่าเธอมีอะไรตรงไหนไม่เข้าใจหรือไม่
"ไม่มีค่ะพี่ศจี"
แพรวพิลาสส่ายหัวเบาๆพร้อมอมยิ้มเธอเข้าใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดีเพราะศจีนั้นสอนแบบไม่หวงวิชาเธอเลยสักนิด
"วันนี้แพรวต้องเข้าประชุมกับท่านรองแล้วนะตั้งใจทำงานล่ะ..อ่อ..อีกอย่างก็คือท่านรองอาจจะมีอาการเหวี่ยงๆบ้างยังไงก็อย่าถือสาท่านเลยนะ"
วันนี้้เป็นวันแรกที่แพรวพิลาสจะต้องลงสนามจริงศจีเลยมีบางอย่างอยากเตือนเธอเอาไว้จะได้ไม่ตกใจเวลาต้องเจอกับอารมณ์ของท่านรอง
"ค่ะ"
แพรวพิลาสเห็นธรัฐตั้งแต่วันนั้นเธอก็พอจะเดาออกว่าชายหนุ่มคงเป็นคนจำพวกนิสัยน้องเล็กที่คงจะเอาแต่ใจพอตัวแต่นั่นเธอก็ไม่ได้หวั่นอะไรเพราะเธอตั้งใจจะมาช่วยงานที่นี่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว
RrrrrrrrRrrrrrrr
"ศจีพูดค่ะ...อ๋อ..ได้ค่ะ"
ศจีรับสายจากประชาสัมพันธ์ด้านล่างเมื่อได้รับเรื่องเรียบร้อยแล้วจึงวางสายลงและหันมาบอดกับแพรวพิลาสว่าตอนนี้มีคนรอพบอยู่
"แพรวมีคนมารอพบน่ะ"
"ใครเหรอคะ"
แพรวพิลาสมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อยว่าใครจะมาขอพบเธอในเวลานี้กัน
"ไม่ได้บอกชื่อเห็นว่ามีเรื่องด่วนจะคุยเค้ารออยู่ที่ห้องรับแขกชั้นนี้แล้วล่ะ"
"ค่ะ"
แพรวพิลาสเดินตรงไปที่ห้องรับแขกด้วยท่าทีสงสัยเธอยังคิดไม่ตกว่าใครจะมาหาเธอเวลานี้กัน
ด้านล่างของตึก
"ผู้ชายคนนี้มาที่นี่หรือเปล่า"
นาถลดาเดินเข้ามาถามประชาสัมพันธ์ของสำนักงานธนาคารด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เพิ่งรู้จักนักสืบว่าสามีของเธอมาที่นี่เพื้อมาหาแพรวพิลาส
"อ๋อ..มาค่ะเมื่อกี้พึ่งมาติดต่อขอพบคุณแพรวที่ชั้น25ค่ะ"
ประชาสัมพันธ์สาวดูรูปที่นาถลดายื่นให้เธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นผู้ชายคนเมื่อครู่ที่มาขอพบแพรวพิลาส
"...อืม..."
เมื่อรู้ว่าสามีของเธออยู่ที่ชั้นไหนเธอจึงรีบเดินดุ่มๆขึ่นลิฟท์ไปทันทีโดยที่ประชาสัมพันธ์สาวก็เรียกเอาไว้ไม่ทัน
"เดี๋ยวค่ะคุณแลกบัตรก่อนค่ะ...คุณคะ"
ห้องรับแขก
แกร๊กกกก
"แพรว.."
"คุณรุจ"
แพรวพิลาสเปิดประตูเข้ามาในห้องรับแขกเธอก็ถึงกับตะลึงตกใจไม่คิดว่าอติรุจจะตามเธอมาถึงที่นี่เมื่อตั้งสติได้เธอก็พยายามจะเดินหนีออกไปแต่ก็ถูกอติรุจนั้นรวบกอดเอาไว้ก่อน
"เดี๋ยวสิแพรวคุยกับผมก่อน..คุณเล่นหนีหน้าผมไปแบบนี้ผมเสียใจนะ"
"เอาเวลานี้ไปดูแลลูกเมียคุณดีกว่าค่ะเลิกตามตื๊อแพรวซะที"
แพรวพิลาสหมดคำพูดที่จะพูดกับผู้ชายคนนี้จริงๆยิ่งเขาตามเธอมากเท่าไรเธอก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยใจมากเท่านั้น
"ไม่...ผมรักคุณนะแพรว"
"ปล่อยแพรว"
"หน้าด้านที่สุด..ไหนแกบอกไม่รู้ว่าผัวฉันอยู่ที่ไหนที่แท้ก็นัดกันมากกมากอดกันถึงที่นี่"
เพี๊ยะ
"อร้ายยย..."
นาถลดาเข้ามาในห้องรับแขกในจังหวะที่อติรุจกอดแพรวพิลาสอยู่พอดีด้วยความโมโหจึงกระชากหญิงสาวมาตบเธอล่วงลงไปกองอยู่กับพื้น
"นี่นาถหยุดนะ.."
เพี๊ยะ
"โอ้ย.."
อติรุจพยายามห้ามภรรยาของเขาแต่ก็ถูกนาถลดาเงื้อมมือฟาดหน้าเขาไปเต็มแรงอีกหนึ่งที
"ไม่หยุด.."
เพี๊ยะ... ๆ.. ๆ
"อร้ายยยย..."
นาถลดานั่งค่อมร่างของแพรวพิลาสและกระหน่ำตบหญิงสาวไม่ยั้งโดยอติรุจเองก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะตอนนี้นาถลดากำลังบ้าดีเดือดเขารู้ดีว่าถ้าเขาเข้าไปยุ่งตอนนี้เขาอาจจะเจ็บตัวอีกได้
แคว้กกกก
"อร้ายยย.. "
นาถลดาฉีกเสื้อเชิ้ตแพรวพิลาสจนเห็นบราสีหวานข้างในหญิงสาวจึงกรีดร้องเสียงฝาดจนคนที่เดินผ่านมาตรงห้องรับแขกอย่างธรัฐต้องเข้าไปดูว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้ามาเขาถึงกับกัดฟันกรอดแผดเสียงฝาดให้คนที่กำลังทำร้ายแพรวพิลาสให้หยุดมือเพราะเขาเกลียดเหตุการณ์ที่คนตบตีกันเป็นที่สุด