ตอนที่4
เย็นของวัน
หลังจากที่จัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วสองสาวก็พากันกลับบ้านเพราะไรอันอยู่ในสภาพนอนเป็นผักว่านรักก็คงยังไม่ต้องหนีไปไหน
"เห็นไอ้แม้นว่ารถพ่อหนุ่มนั่นถูกตะปูจนทำให้เสียหลักงั้นเหรอ" ปราโมทย์นั่งคุยกับหลานสาวทั้งสองที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้านเมื่อได้รู้เรื่องอุบัติเหตุในหมู่บ้านวันนี้จากลูกชายของตน
"หนูก็ไม่รู้เหมือนกันจ่ะตา" เมษารีบตอบปฏิเสธก่อนจะมองหน้ากับว่านรักด้วยความรู้สึกผิด
"ใครมันเล่นอะไรพิเลนเป็นลูกเป็นหลานจะลงหวายให้เลือดซิบเลย" เสียงแหบพร่าเอ่ยด้วยความไม่พอใจเพราะกลัวว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้เสียชื่อที่นี่หมด
"....." เมษาหลับตาปี๋ก่อนจะถอนหายใจเบาๆไม่รู้เลยว่าหากตาเธอรู้ความจริงเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
"แล้วตกลงเรารู้จักกับเค้าไหมล่ะอีหนู" ปราโมทย์หันมาถามว่านรักที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา
"รู้จักจ่ะตาเค้าเป็น...เอ่อ" ว่านรักค่อยๆพยักหน้าเธอยังคิดวกไปวนมาอยู่ในหัวว่าจะบอกกับตาของเธอยังไงดี
"บอกตาไปเถอะว่าเค้าเป็นสามีแก" เมษาโพร่งออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนเธอยังคงนั่งอ้ำอึ่ง
"ห้ะ" ใบหน้าหวานหันมองค้อนเมษาทันทีที่ไม่รู้ว่าเพื่อนเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้เอ่ยคำพูดออกมาแบบนี้
"เอาล่ะๆ.. ตาเข้าใจละที่เค้ามานี่ก็คงมามาง้อเพราะงอนกันสินะ" ปราโมทย์มองสองสาวที่เอาแต่ก้มหน้ากันอยู่ก็ค่อยๆยื่นมือตบบ่าว่านรักเบาๆเขาพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไรเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงปัญหาวัยหนุ่มสาวมาก่อน
"เอ่อ.. ค่ะ" ว่านรักจำต้องยอมรับเสียงอ่อนตามน้ำไปก่อนจะหันมาส่งสายตาคาดโทษให้เมษา
หลังจากที่คุยกับปราโมทย์เรียบร้อยแล้วว่านรักก็ลากเมษาขึ้นมาคุยกันในห้องนอนของเมษาข้างบนบ้านไม้หลังใหญ่
"แกไปบอกตาแบบนั้นได้ยังไง" น้ำเสียงว่านรักอู้อี้ด้วยความไม่พอใจ
"อ้าวก็ตอนนั้นคิดได้แบบนั้นนี่แล้วแกคิดสิถ้าบอกความจริงตาไปเรื่องมันจะยาวไหมล่ะ"
"เฮ้อ.." และแล้วสาวเจ้าก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ในเมื่อแก้สถานการณ์อะไรไม่ได้แล้ว
เช้าวันต่อมา
"อีหนูไม่ไปเยี่ยมผัวเราหรือไง" ปราโมทย์เห็นว่าว่านรักแต่งตัวจะเข้าไร่กับเมษาจึงร้องทักเอาไว้ก่อน
"ไม่ไปจ่ะตาเดี๋ยวว่านจะไปช่วยหนูนาตัดกะหล่ำปลี"
"ได้ยังไงผัวเจ็บเมียก็ต้องไปดูแลถึงจะเคืองใจกันอยู่ก็เถอะตาไม่เคยสอนให้เราทิฐินะลูก"
"แต่ว่าหนู.."
"เจ้าเมเราพาเพื่อนเราไปโรงพยาบาลเรื่องที่นี่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวตาหาคนไปช่วยหนูนามันเอง" ยังไม่ทันที่ว่านรักจะได้เอ่ยอะไรต่อชายชราก็รีบให้เมษาพาว่านรักไปที่โรงพยาบาลเพราะต้องการให้ว่านรักไปดูแลสามีของตน
"จ่ะตา..ไปเถอะว่าน" เมษารีบจูงมือว่านรักที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ยไปที่รถก่อนจะขับตรงไปที่โรงพยาบาลตามคำสั่งของปราโมทย์
"เพราะแกคนเดียวเลย.." ว่านรักยื่นมือเรียวหยิกแขนเมษาที่กำลังขับรถด้วยความโมโหเพราะจากจู่ๆที่เป็นสาวโสดอยู่ดีๆกลับต้องกลายมามีสามีแถมต้องมาดูแลคนที่ไม่อยากดูแลอีก
"โอ้ยๆ..ฉันขับรถอยู่นะเว้ย.." เมษารีบลูบแขนบริเวณที่ถูกหยิกลวกๆ
โรงพยาบาล
"ดีนะที่อีตานี่ยังไม่รู้สึกตัว" สองสาวยืนมองชายหนุ่มที่ถูกพันหัวใส่เฝือกอ่อนที่แขนด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
"อืม..อือ..โอ้ย.."
"แย่แล้ว..ไปกันเถอะ" จู่ๆคนที่นอนเป็นผักก็เกิดรู้สึกตัวขึ้นทำให้สองสาวรีบกระซิบกระซาบดึงมือกันหมายจะออกไปจากห้องเพราะคิดว่าหากเขาตื่นมาเจอหน้าพวกเธอคงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่
"พวกเราจะไปไหนกันเหรอ..คนไข้ฟื้นแล้วนี่ครับ" ทัดเทพหมอหนุ่มวัยสามสิบปีเจ้าของไข้ของไรอันเข้ามาตรวจคนไข้ของเขาเมื่อช่วงสายพอเห็นสองสาวที่เขารู้จักเป็นอย่างดีจึงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มก่อนจะเบนความสนใจไปที่ไรอัน
"อยู่นี่แหละนายนี่อยู่สภาพนี้คงทำอะไรแกไม่ได้หรอก" ในขณะที่หมอหนุ่มตรวจร่างกายของไรอันสองสาวก็ยืนกุมมือกันแน่นหากเธอออกจากห้องนี้ไปเร็วกว่าเมื่อครู่สักนิดคงไม่ต้องทนยืนอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดขนาดนี้
"สามีว่านพูดไทยได้ใช่ไหม"
"....." ว่านรักสะดุ้งเฮือกก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ..เป็นอีกครั้งแล้วที่เธอหน้าชาเมื่อถูกคนอื่นมองว่าเธอมีสามีแล้วทั้งที่คนที่ขึ้นชื่อว่าสามีของเธอที่คนอื่นเข้าใจคือคนที่ตามฆ่าเธออยู่ก่อนหน้านี้...ไม่รู้เลยว่าหากไรอันหายดีเธอจะเจอกับอะไรบ้าง
"เจ็บตรงไหนบ้างครับ"
"เจ็บที่หัวกับไหล่มากเลยครับ" ชายหนุ่มตาน้ำข้าวเอ่ยพูดตอบหมอหนุ่มเป็นภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัดมากนักด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างมึนงง
"คุณไรอันอย่าพึ่งขยับแขนมากนะครับเพราะมีกระดูกแตกที่แขน"
"ผมชื่อไรอันเหรอครับผมเป็นอะไรทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้" คำถามที่ออกจากปากของไรอันตอนนี้ทำเอาทั้งหมอหนุ่มและสองสาวต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยความตื่นตระหนกที่ว่าที่ชายหนุ่มเอ่ยถามมาแบบนี้เท่ากับว่าความทรงจำของเขาหายไปอย่างนั้นใช่หรือไม่