ตอนที่4
“ทำหน้าให้มันดีหน่อยตาภู” โสพิศรู้ว่าลูกชายของเธอไม่ชอบงานแบบนี้นักแต่ยังไงวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของเจ้าตัวเจ้าบ่าวจะมาหน้านิ่งบูดบึ้งเหมือนไม่อยากมาไม่ได้
“นั่นสิแต่งงานทั้งทียิ้มหน่อยสิคะพี่ภู” เพียงฟ้าเอ่ยเสริมอีกแรง
“ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษเลยนะเรา” ภูผาตวัดสายตามองเพียงฟ้าที่ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษราวกับเป็นงานตัวเอง
ทางด้านผ้าแพรที่มองขบวนขันหมากผ่านหน้าต่างของห้องนอนพร้อมกับน้าสาวของเธอในใจก็แอบกังวลไม่น้อยเพราะวันนี้เธอจะต้องแต่งงานอยู่กินกับภูผาแล้วไม่รู้ว่าเธอกับเขาจะเข้ากันได้ดีหรือเปล่าเขาจะรังเกียจเธอจนไม่อยากจะเข้าใกล้เลยหรือไม่ตอนนี้เธอเป็นกังวลไปหมด
“หนูมาดูสิลูกขบวนแห่กำลังจะมาถึงแล้ววันนี้หลานน้าจะได้ออกเหย้าออกเรือนซะทีนะเวลาช่างผ่านไปไวเสียจริงเหมือนหนูยังเล็กๆอยู่ไม่กี่ปีเลย” พิมพรรณทำใจล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่าหลานจะต้องออกจากอ้อมอกแต่เมื่อพอถึงวันจริงเธอก็อดใจหายไมได้พิมพรรณพูดไปน้ำตาของเธอก็คลอไปพยายามไม่อยากให้ร้องออกมาเพราะวันนี้เป็นวันมงคลของหลานสาวที่เธอรักมากที่สุด
“ยังไงหนูก็เป็นเด็กตัวเล็กของน้าพิมเสมอนะคะ” ผ้าแพรโอบกอดน้าของเธอใช่น้าเธอคนเดียวเสียที่ไหนที่ใจหายเธอเองก็ไม่ต่างกัน
“เจ้าบ่าวจะมาแล้วเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ” พิกุลเดินมาบอกให้หลานของเธอเตรียมตัวให้พร้อมเพราะเมื่อเจ้าบ่าวมาถึงก็จะต้องออกไปทำพิธีตักบาตรแล้วผูกข้อไม้ข้อมือ
“ค่ะยาย” ผ้าแพรผละออกจากอ้อมกอดพิมพรรณและเอ่ยเสียงตอบยายของเธอยอมรับเลยว่าตอนนี้ใจของเธอเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว
เวลาผ่านไปจนถึงพิธีผูกข้อไม้ข้อมือในขณะที่สายทองและพิกุลผูกข้อมืออวยพรหลานทั้งสองเรียบร้อยแล้วก็มานั่งคุยกันตามประสา
“หนูแพรแต่งนิดๆหน่อยๆก็ดูดีขึ้นมากเลยนะ” สายทองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทุกคนต่างก็ชมว่าหลานสะใภ้ของเธอน่ารักน่าชังเหมาะสมกับภูผารวมไปถึงนักข่าวก็รัวภาพกันไม่หยุดเธอหวังว่าหลังจากข่าวนี้ออกไปผู้หญิงที่เข้าหาภูผาจะเลิกยุ่งกับหลานเธอเสียทีในเมื่อรู้ว่าหลานเธอนั้นแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วเธอจะได้เลิกปวดหัวกับข่าวการฉาวๆของภูผา
“หลานฉันหน้าตาเหมือนแม่ไม่มีผิด” พิกุลนั่งมองหลานสาวของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนพรางนึกถึงพรทิพย์แม่ของผ้าแพรที่เมื่อวัยสาวก็สวยน่ารักแบบนี้ไม่มีผิดถ้าพิมพรรณเองไม่ปล่อยตัวจนอ้วนท้วมก็คงจะสวยเหมือนคนเป็นพี่แต่ก็เข้าใจลูกของเธอว่าไม่อยากให้ใครมาจีบจึงปล่อยตัวเพราะไม่อยากมีครอบครัว
หลังจากที่ผ่านพิธีการผูกแขนกันไปพักใหญ่แขกเหลื่อก็ทยอยกันกลับและแล้วเวลาก็มาถึงพิธีส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอตอนนี้บ่าวสาวทั้งสองนั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าผู้ใหญ่ทั้งสี่ที่นั่งกันอยู่บนโซฟาในห้องนอนของผ้าแพร
“อยู่ดูแลกันจนแก่จนเฒ่านะหนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน” สายทองเอื้อมมือของเธอไปลูบหัวของทั้งสองเอาไว้ก่อนจะอวยพรด้วยรอยยิ้มภาพทุกภาพตอนนี้ถูกถ่ายโดยฝีมือของเพียงฟ้าที่เธอต้องการเก็บบรรยากาศประทับใจนี้เอาไว้ให้มากที่สุด
“ค่ะคุณย่า/ครับคุณย่า” สองบ่าวสาวพนมมือรับคำอวยพรจากสายทอง
“ยังไงเธอก็เข้ามาเป็นสะใภ้ฉันแล้วต่อจากนี้ก็ขอให้เธอกับลูกฉันหนักแน่นกับคำว่าครอบครัวให้มากๆ” โสพิศยื่นมือเรียวลูบหัวของผ้าแพรเบาๆเธอรู้ว่าปัญหาของลูกชายเธอมันยังมีมาไม่ขาดอีกแน่แต่ในเมื่อหญิงสาวนั้นเข้ามาเป็นภรรยาลูกชายเธอแล้วยังไงก็อยากจะให้เธอหนักแน่นในคำว่าครอบครัวให้มากๆ
“ขอบคุณค่ะคุณแม่/ครับคุณแม่”
“อยู่เย็นเป็นสุขกันนะลูกแต่งเข้าบ้านเค้าแล้วก็ทำหน้าที่เมียกับแม่อย่าให้ขาดตกบกพร่อง” พิกุลน้ำตารื้นเล็กๆ
“ค่ะยาย” ผ้าแพรโผเข้ากอดยายของเธอเบาๆ
“ยังไงน้าก็ฝากหลานน้าด้วยนะคะคุณภูหนูแพรไม่ค่อยทันคนเท่าไรนักแต่งานบ้านงานเรือนไม่มีขาดตกแน่นอนค่ะ” พิมพรรณไม่รู้ว่าผ้าแพรไปอยู่กับครอบครัวของภูผาจะเป็นอย่างไรแต่เธอก้อยากให้ทุกคนในบ้านดูแลหลานของเธอด้วยเนื่องจากไม่เคยอยู่ในเมืองใหญ่แถมยังเป็นคนซื่อ
“ครับคุณน้า” ภูผารับปากพิมพรรณแม้เขาจะดูเสเพลแต่เขาก็คงไม่ปล่อยปะละเลยแม่ขอลองลูกเขาอยู่แล้ว
ทุกคนจากห้องหอต่างมองออกนอกประตูเป็นตาเดียวกันเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านนอก
“นี่เข้าไปไม่ได้นะ” เพียงฟ้ากำลังยื้อยุดฉุดกระชากทับทิมดาราสาวที่เป็นคู่ขาของภูผาไม่ให้เข้าไปทำลายพิธีเข้าหอของภูผาและผ้าแพรแต่ดุเหมือนเธอจะเสียเปรียบเพราะเธอนั้นตัวเล็กกว่าแม่ดาราสาวตัวสูงนี้อยู่มาก
“ทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้ก็พี่ภูเป็นผัวฉัน” ทับทิมผลักเพียงฟ้าจนไปกองกับพื้นเดือดดาลไม่น้อยวันนี้เธอแต่งชุดจั๊มสูทสายเดี่ยวขายาวสีดำมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะเพราะมีคนส่งข้อความไปหาเธอว่าภูผาจะแต่งงานที่นี่วันนี้เธอจึงรีบเทกองละครบินด่วนมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
“อะไรกัน” พิกุลได้ยินเสียงทับทิมพูดเต็มสองรูหูเธอจึงมีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไรนักจึงรีบลุกออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอกห้องหอของหลานสาวเธอทันที
“พี่ภูมากับทับทิมค่ะ..” ทับทิมเดินดุ่มๆผ่านหน้าพิกุลไปอย่างไม่มีมารยาทและไปดึงตัวภูผาให้ออกไปพร้อมกับเธอทันที
“นี่ปล่อยฉัน” ภูผาสะบัดแขนออกจากทับทิมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเขาไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้ของทับทิมเท่าไรเขาเคยตกลงกับเธอแล้วว่าจะคบกันเงียบๆไม่ผูกมัด
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” สายทองลุกขึ้นยืนมองหน้าทับทิมอย่างไม่พอใจ
“ทับทิมไม่ยอมให้พี่ภูแต่งกับคนอื่นหรอกค่ะ” ทับทิมตอบกลับสายทองด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่ง
“แต่นี่งานแต่งลูกฉันเธอต้องออกไป” โสพิศเอ่ยเสียงแข็ง
“ไม่ค่ะพี่ภูต้องมาคุยกับทับทิมให้รู้เรื่องไม่งั้นทับทิมจะโวยวายจะเรียกนักข่าวมาใหม่ด้วย” ดาราสาวมองภูผาด้วยสายตาแข็งกร้าวไม่กี่วันภูผายังนอนกับเธออยู่เลยมาวันนี้เขากลับมาแต่งานกับคนอื่นเป็นใครจะยอม
“เฮ้อ” ภูผาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินออกไปจากทับทิมเธอมาวันนี้ก็ดีเขาจะได้คุยตัดสัมพันธ์เสียเลยเพราะเขาไม่ชอบคนที่ถือตัวเป็นเจ้าของเขาทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าจะเป็นแค่คู่นอนเท่านั้น
“ยืนอยู่ทำไมเธอก็ตามไปสิ” โสพิศเห็นผ้าแพรยืนนิ่งตั้งแต่เมื่อครู่แล้วหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงโวยวายไปแล้วที่มีผู้หญิงคนอื่นมาควงเจ้าบ่าวตนออกไปแต่ผ้าแพรยังยืนนิ่งเป็นท่อนไม้จนเธอนั้นต้องรีบบอกให้ผ้าแพรตามออกไปดึงภูผากลับมา
“หนูต้องตามไปด้วยเหรอคะ..แต่..เค้าน่าจะมีเรื่องต้องคุยกัน” ผ้าแพรมองโสพิศด้วยสายตาสงสัยว่าเธอควรตามออกไปจริงหรือไม่ในเมื่อสองคนนั้นมีเรื่องต้องคุยกันกลัวว่าเธอจะไปขัดแล้วจะเสียมารยาท
“วันนี้งานแต่งเธอนะนั่นก็สามีพ่อของลูกในท้องเธอ” โสพิศขมวดคิ้วเป็นปมจับไหล่ลูกสะใภ้เธอแล้วย้ำให้ผ้าแพรได้ฟังว่าเจ้าตัวมีสิทธิ์ในตัวของภูผาทุกอย่างและจะปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นพาสามีตัวเองไปแบบนั้นไม่ได้
“เอ่อ.. ก็ได้ค่ะคุณแม่” ผ้าแพรได้ฟังคำของโสพิศเธอก็รีบพยักหน้าและเดินตามสองคนนั้นออกไปทันที
“โอ๊ย...ฉันได้ลูกสะใภ้แบบไหนมากันเนี่ย” โสพิศถึงกับยืนส่ายหัวแทบกุมขมับเรื่องแค่นี้เธอก็ต้องสอนลูกสะใภ้ของเธอด้วยหรือไง มองไม่ออกเลยว่าหากผ้าแพรยังเป็นแบบนี้จะเอาลูกชายเธออยู่หรือไม่ความหวังที่จะให้ลูกเธอมีภรรยาแล้วหยุดเจ้าชู้ดูริบหรี่เหลือเกิน
“นี่ปล่อยพี่ภูนะ” เพียงฟ้าเห็นทับทิมพยายามจะลากภูผาขึ้นรถเธอจึงมาขวางไว้
“คุณปล่อยคุณภูนะคะ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์เข้าหอค่ะ คุณค่อยคุยกับคุณภูวันหลังได้หรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเดินออกมาพร้อมกับทุกคนในห้องหอเธอเข้าไปดึงแขนของภูผาเอาไว้เพราะถ้าหากปล่อยให้ทั้งสองไปคุยกันที่อื่นกลัวว่าจะกลับมาไม่ทันเวลาเข้าหอแล้วยายของเธอจะไม่สบายใจหากทั้งสองมีเรื่องคุยกันเธอก้ขอให้เป็นวันหลัง
“ใครจะยอมล่ะนังบ้า..พี่ภูปกป้องมันเหรอคะ” ดาราสาวร่างสูงหมายจะผลักผ้าแพรแต่ภูผาเอาตัวของเขาบังเอาไว้และแกะมือเรียวของทับทิมออกจากแขนของเขาเพราะเห็นว่าเธอน่าจะไม่ได้คุยกับเขาตามที่บอกน่าจะพาเขาออกไปจากงานมากกว่าซึ่งเขาก็ไม่ได้อยากให้เป็นเช่นนั้น
“ฉันไม่ได้บ้านะคะคุณนั่นแหละค่ะมาโวยวายเป็นคนบ้า” ผ้าแพรตอบกลับทับทิมเสียงเรียบเธอไม่ได้เป็นอย่างที่ทับทิมว่าสักนิดอีกฝ่ายมากกว่าที่ดูบ้าในเวลานี้
“อีนี่” ทับทิมก้าวเท้ายาวมาด้านหลังของภูผาที่มีผ้าแพรยืนอยู่เธอเงื้อมมือหมายจะฟาดไปที่ร่างบางตรงหน้าที่กล้ามาต่อว่าเธอ
“หยุดนะถ้าเธออยากเปลี่ยนซีรี่ย์ใหม่ก็เอาสิ” เพียงฟ้ารู้ว่าตัวเธอคงสู้ทับทิมไม่ได้จึงยกท่อนฟืนใกล้มือมาขู่ทับทิมหากทับทิมไม่ยอมหยุดจริงเธอก็จะฟาดหน้าจนหญิงสาวนั้นต้องวิ่งโล่ไปทำจมูกกันใหม่เลยทีเดียว
“ทับทิมเธอกลับไปก่อน” ภูผาขอร้องให้ทับทิมนั้นกลับไปก่อนเพราะวันนี้รู้ว่าหากคุยกันไปก็คงไม่จบ
“ทำไมล่ะคะพี่ภู” ทับทิมเอ่ยเสียงอ้อนงี่เง่าเสียหน้าที่ถูกภูผาไล่
“ก็บอกให้กลับไปไง” ภูผาตวาดจนทุกคนในที่นี้สะดุ้งไปตามๆกัน
“พี่ภูเลือกมันเหรอคะ” ทับทิมเองก็ใช่ว่าจะยอมเธอเองก็ตวาดกลับภูผาเช่นกันเพราะเธอจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆแน่นอน
“ใช่หลานฉันเลือกแล้วว่าคนที่เป็นเมียเค้าคือหนูแพรไม่ใช่เธอ” สายทองเอ่ยแทรกเข้ามาผู้หญิงกิริยามารยาทต่ำอย่างทับทิมแม้จะเป็นดาราสาวสวยแค่ไหนเธอก็ไม่เอามาเป็นสะใภ้
“อีบ้านนอกนี่เหรอคะ” ทับทิมชี้หน้าผ้าแพรทั้งพูดกับสายทองเสียงแข็ง
“พูดดีๆกับผู้ใหญ่สิคะหน้าตาก็สวยแต่พูดจาไม่น่ารักเลยคุณควรจะขอโทษคุณย่านะคะ” ผ้าแพรที่ยอมไม่ได้เมื่อเห็นคนก้าวร้างกับผู้ใหญ่เธอจึงรีบบอกให้ทับทิมนั้นของโทษสายทองเดี๋ยวนี้