ตอนที่3 ตามถึงที่
"แล้วนี่จะคุยกับเค้ายังไงล่ะเค้าพูดไทยได้ใช่หรือเปล่า"
"ได้จ่ะพ่อ"
"..เอาเบอเจ้านายเรามาเดี๋ยวพ่อโทรคุยเอง"
พนารู้ว่าเจ้านายลูกสาวตนที่เป็นต่างชาติพูดไทยได้จึงอยากจะเจรจากับอีกฝ่ายเอง
"แล้วเค้ามีลูกมีเมียหรือเปล่า..."
มาลีลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทมัวแต่อยากให้ลูกตัวเองหายไวๆเพราะถ้าหากผู้ชายคนนั้นมีลูกมีเมียแล้วคงเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจน่าดู
"ไม่มีจ่ะแม่...เดี๋ยวหนูติดต่อบอกเรื่องนี้กับเค้าเองจ่ะพ่อ"
เกวรินทร์รีบส่ายหัวก่อนจะรีบเขียนบอกพ่อกับแม่ตนว่าเธอจะติดต่อกับเจ้านายเธอเอง
"งั้นก็ให้มันเร็วๆล่ะปล่อยไปแบบนี้จะไม่ดีกับตัวเรา"
พนาเห็นว่าลูกสาวตนจะจัดการเองก็ไม่ขัดอะไรเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไวเพราะหากปล่อยเวลาผ่านไปไม่รู้ว่าลูกเขาจะเจออะไรบ้าง
20.30น.
ค่ำคืนนี้ในบ้านสวนเงียบเชียบไม่มีเสียงผู้คนเสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยร้องอยู่ทุกคืนก็เงียบสนิทจนผิดปกติจนเกวลินที่นอนอยู่ในห้องถึงกับรู้สึกวังเวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่เธอก็พยายามสลัดความรู้สึกผิดปกติออกจากหัวสมองและทำการพยายามนั่งแหกปากเปล่งเสียงให้ออกมาให้ได้นานสองนานที่เธอนั่งพยายามอยู่แบบนั้นแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จเลยสักนิดเธอจึงได้แต่นั่งหน้ามุ่ยรู้สึกหดหู่หัวใจพอสมควร
RrrrrRrrrrr
จากที่นั่งหน้ามุ่ยคราแรกตอนนี้หน้ายิ่งยับหนักกว่าคราแรกด้วยสายที่โทรเข้ามาเป็นสายของนิโคลัสคนที่ทำให้เธอกังวลใจอยู่ในตอนนี้
หากจะกดรับก็ทำไม่ได้เพราะเธอก็ไม่มีเสียงพูดจึงจำใจกดตัดสายอีกฝ่ายไปแต่ดูเหมือนคนที่โทรมาจะไม่ยอมง่ายๆกลับโทรจิกเธอไม่ลดละ
ติ๊ดๆ
เสียงข้อความในมือถือของเกวรินทร์ดังขึ้นหลังจากนิโคลัสโทรหาเธอหลายสายแล้วเธอกดตัดสาย
"เธอจะกลับมากรุงเทพเมื่อไรถ้าเธอไม่มาหาฉันภายในวันนี้พรุ่งนี้ฉันไปตามเธอถึงบ้านแน่"
เกวรินทร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับหากเขามาที่นี่ก็ดีเธอจะได้ทำอะไรให้มันจบๆไปแต่เดาได้เลยว่าตอนนี้นิโคลัสคงหัวเสียเพราะเธอไม่น้อย
เธอไม่รู้ว่าหากนิโคลัสได้รับคำร้องขอของเธอเขาจะว่าอย่างไรแต่ยังไงเธอก็จะทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้เพราะเธออยากหายจากไอ้อาการบ้าๆนี่ใจจะขาดแม้นเธอจะเคยคิดว่าการแต่งงานต้องแต่งกับคนที่เธอรักแต่ตอนนี้คงต้องทิ้งความคิดเรื่องนี้ไปก่อนต้องเอาชีวิตเธอให้รอดพ้นจากผลการบนบานนี้ไปให้ได้ก่อน
วันต่อมา
"อ้าวพี่ฑิตสงค์มาแต่เช้าเลย"
มาลีเดินออกมาต้อนรับประสงค์เพื่อนของสามีเธอที่อยู่ห่างจากสวนไพรวัลย์ไม่ไกลนักไม่รู้ว่าวันนี้ประสงค์มีธุระอะไรจึงมาหาแต่เช้าโดยที่ไม่ได้โทรบอกกันก่อน
"ฉันว่าจะให้ฑิตพนไปดูรถไถให้หน่อยไม่รู้เป็นอะไรติดๆดับๆ...อ่อ..เพื่อนไอ้เกวมาเที่ยวบ้านงั้นเรอะฉันเห็นเดินตามไอ้เกวเข้าป่าทุเรียนเป็นพรวนเลย"
ประสงค์มองตามหลังเกวรินทร์ที่เดินเข้าสวนอยู่ไกลๆก็เอ่ยถามมาลีเพราะไม่ค่อยคุ้นกับคนที่เดินตามเกวรินทร์เท่าไรนัก
"อ๋อ..จ่ะ.. เดี๋ยวฉันไปเรียกพี่ฑิตมาให้นะจ้ะ"
หญิงร่างบางวัยกลางคนหน้าซีดเผือดขนลุกซู่เธอเห็นเพียงแค่ลูกสาวเธอเดินเข้าสวนทุเรียนหลังบ้านคนเดียวดูท่าที่ประสงค์เห็นคงจะไม่ใช่คนเสียแล้วแต่ก็พยักหน้ารับเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายตระหนกและรีบเดินกลับเข้าไปเคาะประตูห้องเรียกพนาสามีเธอให้ออกมาหาประสงค์ทันที
ครู่ต่อมา
ตอนนี้พนาได้ออกไปกับประสงค์แล้วเรื่องที่ประสงค์เห็นเธอไม่ได้เล่าอะไรให้พนาสามีเธอฟังเพราะยังไม่มีโอกาสตอนนี้ก็ได้แต่ปรึกษากับทองม้วนแม่สามีเธอไปก่อนว่าจะเอาอย่างไรดียิ่งนับวันลูกสาวเธอจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวอยู่เรื่อยๆ
"แม่ฉันว่าชักไม่ดีแล้วนะ"
มาลีนั่งกุมบีบมือแม่สามีเธอแน่นสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก
"อืม..คงต้องรีบแล้วล่ะ"
หญิงชรานั่งชันเข่าหน้านิ่วคิ้วขมวดเห็นท่าจะต้องเร่งให้อะไรๆมันเร็วขึ้นเสียแล้วเพราะดูท่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลานสาวเธอไปให้คำสัจเอาไว้คงจะแรงพอสมควร
“ใกล้ถึงหรือยัง”
เสียงทุ้มราบเรียบของนิโคลัสหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่บนรถตู้คันหรูเอ่ยถามคนสนิททั้งสองที่นั่งขับรถอยู่ด้านหน้าสีหน้าของเรียบเฉยแต่ภายในใจค่อนข้างร้อนรุ่มเนื่องด้วยมีน้ำโหกับหญิงสาวลูกหนี้ของเขาพอสมควรเพราะที่เขาต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่ก็เพราะกลัวว่าลูกหนี้ของเขาจะเล่นตุกติกอะไรอีกด้วยให้เวลามาพักผ่อนที่บ้านหลายวันแล้วแต่สาวเจ้าก็ไม่ยักจะติดต่อกลับหรือคิดจะกลับไปที่กรุงเทพเสียที