ตอนที่2 ตามถึงบ้าน
ท้ายไร่ชา
“มึงเป็นอะไรของมึงนักหนาผู้หญิงไม่ดีมึงก็ปล่อยไปมึงจะไปตามจองล้างจองผลาญให้เสียเวลาทำไมคนในไร่สาวๆสวยๆอยากจะเป็นเมียมึงทั้งนั้นมึงไม่สนบ้างรึไง”
พันแสงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดเท้าเอวมองเพื่อนตนอย่างอ่อนใจ
พ่อเลี้ยงพันแสงพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่อายุ40ปีเช่นเดียวกับเมืองรามและรูปร่างหน้าตาดีไม่แพ้กันเป็นคนขี้เล่นเล้กน้อยแต่เมื่อถึงเวลางานก็เอาจริงเอาจังมากพอตัวและเป็นคนที่ค่อนข้างถือทิฐิอยู่มากแล้วแต่กับบางคนเขาเป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงเมืองรามตั้งแต่เล็กๆตอนนี้ก็เป็นพ่อเลี้ยงปกครองไร่วัฒนพรรณเป็นหนุ่มโสดในตอนนี้เช่นกันเพราะภรรยาของเขาได้เสียไปสามปีแล้วด้วยโรคไข้ป่าทำให้เขาครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้
“กูจะทำให้มันรู้ว่าคนที่หักหลังกูไม่มีวันอยู่เป็นสุขชู้มันก็เหมือนกันกูรู้ว่ามันรู้ว่าเดือนมีผัวอยู่แล้วมันก็ยังมายุ่งไอ้นี่กูก็จะเล่นงานมันเหมือนกัน”
เมืองรามกำหมัดแน่นสายตาของเขาที่แน่นิ่งเด็ดเดี่ยวมันทำให้พันแสงมองออกว่าเพื่อนของเขากำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจเป็นแน่
“นี่อย่าบอกนะว่าเรียกกูมามึงมีแผนอะไร”
“เออ..”
เมืองรามพยักหน้าเบาๆ
“กูว่าแล้วคนอย่างมึงถ้ามีเรื่องดีๆไม่เคยเรียกกูมาเข้าเฝ้าหรอก”
พันแสงสบถเสียงสูงทั้งชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างรู้ทัน
“มึงจะช่วยกูไหมล่ะ”
เมืองรามถามเสียงแข็ง
“กูมาถึงนี่แล้วกูก็ต้องช่วยสิวะ...”
คนอย่างพันแสงถึงแม้จะดูชอบบ่นหรือปากมากในบางครั้งแต่กับเพื่อนเขาให้ความสำคัญก่อนเสมอ
“ดีหัวค่ำวันนี้กูจะลงกรุงเทพ”
“มึงจะไปทำไมหรือมึงรู้เหรอว่าเมียมึงกับชู้อยู่ที่ไหน”
พันแสงเกาหัวแกรกๆเมื่อเห็นสีหน้าที่เด็ดเดี่ยวของเมืองราม
“กูไม่รู้แต่กูจะไปบุกบ้านชู้มัน...กูจะไปเผาบ้านมัน”
เมืองรามกำหมัดแน่นสายตาของเขายังทอดมองไร่ชาที่สุดลุกหูลูกตาของเขาพรางนึกย้อนอดีตเห็นภาพตอนที่เขาชอบพาดวงเดือนมาเดินเล่นที่นี่บ่อยๆเมื่อยิ่งคิดความแค้นก็ยิ่งประทุขึ้นมากทุกที
“ไอ้ชิบ...มึงไม่กลัวตำรวจรึไง”
พันแสงถึงกับสบถออกมาอย่างไม่ระวังปากเพราะเพื่อนของเขานั้นเหมือนจะพาเขาซวยกันไปด้วยถึงแม้ว่าตัวเองจะมีเงินมากมายขนาดไหนแต่ก็ไม่ได้จะอยู่เหนือกฎหมายได้ขนาดนั้น
“มึงเคยเห็นคนอย่างกูกลัวอะไรไหมวะ”
เมืองรามมองหน้าคนเป็นเพื่อนอย่างเอาเรื่องตอนนี้เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้นหากคนอย่างเขาจะทำอะไรต้องมั่นใจแน่นอนว่าไม่มีใครจับได้
“กูว่ามึงแก้แค้นมันด้วยวิธีอื่นก็ได้มั้ง”
พันแสงค่อยๆพูดตะล่อมให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนวิธีคิดใหม่
“มึงไปกับกูก่อนถึงโน่นค่อยว่ากันอีกที”
เมืองรามเหล่สายตามองหน้าเพื่อนของเขาอีกทีและยังไม่ให้คำตอบว่าจะทำอย่างไร
“กูพามึงไปได้แต่ถ้ามีเรื่องกูไม่รู้จักมึงทันทีนะ”
พันแสงแกล้งหยอก
“เอ้ะไอ้นี่..เดี๋ยวกูก็ยันหน้าหงายเลยนี่”
เมืองรามยกขายาวๆของเขาทำท่าจะยันเพื่อนรักที่ชอบปากหมาใส่จนพันแสงเอี้ยวตัวหลบจนเซเกือบจะตกลงไปที่เนินเขาดีที่ดึงตัวเองขึ้นมาได้ทัน
“กูก็หยอกเล่นหน่อยไม่ได้ไงวะ”
พันแสงหน้าเสียที่เมื่อครู่เกือบกลิ้งลงไปแล้ว
“หยอกไม่รู้เวลาเกือบกลิ้งตกเขาแล้วไหมล่ะมึง”
“แล้วมึงจะเอาไอ้ทศกับไอ้ทองไปด้วยไหมวะ”
“ไม่..ไอ้สองตัวนี้กูจะให้มันเฝ้าไร่”
เมืองรามไม่สนใจจะเอาเด็กหนุ่มคนสนิทไปเพราะรู้ว่าอาจจะทำเสียแผนก็เป็นได้เพราะเด็กพวกนี้ชอบกระโตกกระตากเป็นที่หนึ่ง
บางกอก
“หนึ่งชุดนี้เหมาะกับเธอมากเลยนะเราสั่งตัดให้”
นรีนาถอยู่ในชุดเดรสลายดอกสีเขียวเหลืองวันนี้เธอนัดนาราเพื่อนรักของเธอมาที่ร้านตัดเสื้อใกล้ๆบ้านเพราะต้องการจะให้ชุดที่เธอสั่งตัดเป็นของขวัญวันเกิดกับเพื่อนรักของเธอ
“เราคงไม่ได้ใส่ไปไหนหรอกหญิงวันๆก็อยู่แต่กับขนมกับครัว”
นาราหญิงสาววัยยี่สิบที่หน้าตาน่ารักน่าชังและรูปร่างไม่ต่างจากนรีนาถมากนักอยู่ในชุดสีขาวธรรมดาเพราะเธอไม่ได้มีเงินมากมายที่จะมีเสื้อผ้าดีๆใส่เพราะเป็นเพียงลูกแม่ค้าขายขนมไทยเท่านั้นเธอปฏิเสธคนเป็นเพื่อนด้วยสีหน้าเกรงใจชุดที่ตัดเป็นชุดเดรสสีชมพูอ่อนใช้ผ้าทออย่างดีเธอรู้ว่าราคามันคงสูงมากเธอจึงรับเอาไว้ไม่ได้จริงไม่อยากให้ใครมองว่าเธอคบกับนรีนาถก็เพื่อหวังกอบโกยผลประโยชน์
“มันต้องมีสักวันที่ได้ใส่รับไปเถอะน่าถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดนะ”
นรีนาถคะยั้นคะยอให้นาราจนได้เพราะตลอดเวลาที่รู้จักกันมานาราเป็นคนที่จริงจังและไม่ได้หวังอะไรจากตัวเธอแม้เธอจะมีเงินทองมากมายที่พร้อมจะให้เพื่อนเธอตลอดเวลาก็ตาม
“ขอบใจมากเลยนะหญิง”
เมื่อเป็นคำพูดนี้นาราก็ต้องยื่นมือรับไว้เพราะไม่อยากขัดน้ำใจกับเพื่อน
“น้องหญิง”
“พี่สิงห์มารับแล้วเราไปก่อนนะ”
นรีนาถเห็นสิงหนาทอาหนุ่มของเธอที่เธอเรียกเป็นพี่มาโดยตลอดมารับแล้วจึงต้องขอตัวกลับทันทีเพราะนี่ก็ใกล้จะเย็นมากแล้วเธอไม่อยากให้เพื่อนเธอกลับบ้านเย็นเช่นกัน
“จะ”
นาราเห็นเพื่อนเธอนั่งรถออกไปแล้วจึงเตรียมตัวเดินกลับบ้านเช่นกันเพราะต้องกลับไปช่วยคนเป็นแม่เตรียมวัตถุดิบเพื่อที่จะทำขนมไว้ขายวันพรุ่งนี้