ตอนที่1
ร้านบ้านของหวาน
ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆสไตล์มินิมอลที่แม่ริมจ.เชียงใหม่ตอนนี้เป็นช่วงเย็นของวันลูกค้าก็เริ่มจะเยอะขึ้นส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นเสียมากกว่าที่มาทานอาหารและหาที่ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลกัน
คาเฟ่แห่งนี้มีเพียงฟ้าคุณหนูไฮโซลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพอายุยี่สิบสี่ปีเรียนจบเมืองนอกเมืองนามาเมื่อกลับมาแล้วก็ไม่อยากบริหารงานที่โรงแรมอยากเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆในต่างจังหวัดมากกว่าจึงมาเปิดร้านที่นี่ได้ปีหนึ่งแล้ว
และมีผู้จัดการร้านคือผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองที่พึ่งเรียนจบคหกรรมมาหมาดๆก็มาสมัครงานที่นี่ฝีมือของเธอถูกใจเพียงฟ้าอย่างมากจึงรับเข้าทำงานทันทีโดยไม่ลังเลว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ทั้งจ้างเด็กเสริฟและลูกมือผ้าแพรอีกสองสามคนเท่านั้น ที่นี่แม้จะเป็นคาเฟ่เล็กๆแต่ก็ได้รับความนิยมพอสมควรเพราะอาหารอร่อยทั้งยังติดกับธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น
“กลับกับยายเดี๋ยวนี้ยายมีเรื่องจะคุยกับเรา” คนในร้านและพนักงานต่างก็มองกันมาเป็นตาเดียวเมื่อพิกุลหญิงชราวัยหกสิบแต่ยังท่าทางแข็งแรงเดินเข้ามาจูงผ้าแพรหลานสาวของเธอในขณะที่กำลังยืนต้อนรับลูกค้าให้กลับไปคุยกับเธอที่บ้านด้วยท่าทางที่ดูจะโมโหจากอะไรบางอย่างเอามากๆ
“ยายคะมีเรื่องอะไรเหรอคะ” ผ้าแพรหญิงสาวร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มตอนนี้สีหน้าของเธอเจื่อนจนซีดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่เคยเห็นว่ายายของตนนั้นโมโหขนาดนี้มาก่อน
ผ้าแพรหญิงสาววัยยี่สิบสองตัวเล็กสูงเพียง155หนัก45หุ่นนาฬิกาทรายผิวขาวอมชมพูเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผมสีน้ำตาลหนาถึงกลางหลังหยักศกคิ้วเรียวบางได้รูปจมูกเป็นสันตรงเล็กจิ้มลิ้มดวงตากลมโตขนตางอนยาวมีรักยิ้มที่สองพวงแก้มริมฝีปากบางอวบอิ่มเธอเป็นสาวโลกสวยค่อนข้างซื่อหัวอ่อนเพราะถูกเลี้ยงมาด้วยความทะนุถนอมโดยน้ากับยายอยู่ที่บ้านสวนของเธอ
“ไปคุยกันที่บ้านเดี๋ยวก็จะรู้เอง” พิกุลลากหลานสาวของเธอให้ขึ้นไปนั่งในรถเก๋งคันเก่า
“น้าพิมคะเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ” เพียงฟ้าดึงมือพิมพรรณหญิงสาววัยกลางคนเป็นน้าสาวของผ้าแพรก่อนที่จะเดินตามยายพิกุลและผ้าแพรไปว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นยายพิกุลถึงได้โมโหเดือดดาลขนาดนั้น
“ก็แม่น่ะสิเจอผลตรวจครรภ์ในห้องหนูแพรเข้าน่ะน้าไปก่อนนะคุณฟ้า” พิมพรรณหันมารีบตอบกับเพียงฟ้าด้วยท่าทีร้อนใจก่อนจะเดินกลับไปขับรถออกไปจากร้านให้เร็วที่สุด
“น..น้าพิม..ผลตรวจครรภ์งั้นเหรอนี่แสดงว่า..แย่แล้ว” เพียงฟ้าถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอเธอยืนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ้าแพรชอบผะอืดผะอมอยู่บ่อยๆเป็นเพราะสาเหตุนี้เป็นแน่และเธอก็รู้ด้วยว่าเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดเพราะผ้าแพรนั้นคงไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจึงหยิบมือถือต่อสายหาใครบางคนทันที
“โอ้ยพี่ภูทำไมไม่รับสายกันนะโทรหาคุณย่าก็แล้วกัน” ผ่านไปเป็นสิบนาทีแล้วเพียงฟ้าก็ยังติดต่อคนที่เธอต้องการติดต่อไม่ได้เสียทีจึงตัดสินใจโทรหาอีกคนที่คิดว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้
“คุณย่าคะพอดีว่าตอนนี้คุณย่าพาพี่ภูบินด่วนมาที่เชียงใหม่ด่วนเลยได้หรือเปล่าคะ” เมื่อปลายสายกดรับหญิงสาวก็รีบบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับปลายสายได้ฟังทันทีเมื่อพูดจบเธอก็รีบขับรถไปที่สนามบินเพื่อรอรับการมาของคนที่เธอโทรหา
สองชั่วโมงผ่านไป
บ้านสวนพิกุล
บ้านสวนพิกุลเป็นเรือนไทยไม้สักขนาดใหญ่ยกใต้ถุนสูงหลังคาทรงจั่วเป็นเรือนแฝดมีชานหน้าบ้านเปิดโล่งมีรั้วโปร่งเตี้ยๆกั้นโดยรอบสำหรับนั่งรับลมตั้งอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้นาๆชนิดล้อมรอบด้วยเนื้อที่หลายสิบไร่ซ้ำยังสงบร่มรื่นมากอีกด้วย
ตั้งแต่พิกุลพาหลานสาวของเธอกลับมาถึงบ้านได้ก็เค้นเสียงสั่นถึงเรื่องผลตรวจครรภ์ที่ชานหน้าเรือนในช่วงโพล้เพล้
“หนูไปท้องกับใครบอกยายมาเดี๋ยวนี้นะ” พิกุลนั่งบนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่จ้องหน้าหลานสาวของเธอที่พับเพียบสะอึกสะอื้นไม่ยอมตอบคำถามที่เธอต้องการเสียที
“ยายจ๋าหนูขอโทษ” ผ้าแพรเอาแต่นั่งสะอื้นตัวโยนยกมือไหว้ขอโทษยายของเธอประหงกๆเพราะเธอลำบากใจที่จะตอบเรื่องนี้จริงๆด้วยรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องคงไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบแน่
“บอกยายมาว่าไปทำตัวง่ายกับใคร” พิกุลน้ำตาคลอเธอเค้นถามคำถามนี้มาพักใหญ่แล้วแม่หลานสาวของเธอก็ไม่ยอมตอบออกมาเสียทีว่าท้องกับใครเธอจะได้เรียกให้คนๆนั้นมารับผิดชอบ
“บอกยายไปสิแพรว่าเราท้องกับใคร” พิมพรรณนั่งข้างๆกับคนเป็นแม่เอเองก็ช่วยคะยั้นคะยอให้หลานเธอตอบก่อนที่แม่ของเธอจะโมดหไปมากกว่านี้และอาจจะถึงขั้นลงไม้ลงมือได้
“คือ น..หนู..ไม่รู้..ฮือๆๆๆ” ผ้าแพรเงยหน้าขึ้นมาตอบคนเป็นยายกับน้าในขณะที่มือน้อยๆยังคงยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิดทั้งน้ำเสียงที่ออกมาก็ปนสะอื้นให้อย่างน่าสงสารเธอบอกยายของเธอไม่ได้จริงๆเรื่องพ่อของเด็ก
“ยายสอนหนูว่าอะไรเคยจำบ้างหรือเปล่าแม่เราก็คนนึงแล้ว” พิกุลลุกขึ้นมือไม้สั่นเธอผิดหวังกับพรทิพย์ลูกสาวคนโตแม่ของผ้าแพรคนหนึ่งแล้วที่อุ้มท้องกลับมาไม่มีพ่อให้ชาวบ้านเขานินทาแต่เธอก็ทนเลี้ยงหลานกันมาได้พอถึงรุ่นหลานก็ต้องมาเจอเรื่องซ้ำเดิมอีกเธอจึงเจ็บปวดใจเกินจะทนโทษตัวเองในใจว่าตนนั้นเลี้ยงลูกสอนหลานไม่ดีเรื่องอะไรถึงได้ใจง่ายไปเสียหมด
“ตีเสียให้ตายเลยดีไหม” ด้วยความโมโหที่หลานเธอนั้นไม่ยอมตอบออกมาเสียทีจึงเดินไปหยิบไม้หวายที่เอาไว้ไล่แมวขโมยของที่ตากอยู่ชานบ้านเหน็บอยู่ที่ฝาบ้านหมายจะตีหลานไม่รักดีเสียที
“แม่อย่าตีหลานหนูแพรท้องอยู่นะแม่” พิมพรรณเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปโอบกอดหลานสาวของเธอเอาไว้เพราะตั้งแต่พี่สาวเธอเสียเมื่อคลอดผ้าแพรเธอเองก็เป็นเหมือนแม่ที่เลี้ยงคนหนึ่งผ้าแพรมาโดยตลอดจะตีสักคราดุสักครั้งก็ไม่เคยมาถึงครานี้เธอก็จะไม่ยอมให้แม่เธอลงไม้ลงมือกับผ้าแพรเช่นกันหากจะต้องถูกลงโทษจะต้องเป็นเธอมากกว่าที่ดูแลหลานสาวไม่ดีเอง
“แกมันก็เข้าข้างแต่หลานนั่นแหละถึงได้เป็นแบบนี้ไง” พิกุลตวาดเสียงฝาดจนสองหน้าหลานที่กอดกันสะดุ้งโหยง