ตอนที่1เพราะสิ่งเร้นลับ
จันทบุรี
สวนไพรวัลย์
บ้านสวนไพรวัลย์เป็นที่ของไพรวัลย์และทองม้วนปู่และย่าของเกวรินทร์ซึ่งหลังจากที่ไพรวัลย์เสียเมื่อหลายสิบปีก่อนมาลีและพนาก็มาบริหารต่อเรื่อยมาสวนนี้มีอาณาเขตกว้างขวางมีทั้งสวนเงาะลำใยทุเรียนและทุกคนก็อาศัยกันอยู่ในสวนนี้ด้วย
บ้านที่พนามาลีและทองม้วนอาศัยอยู่เป็นบ้านเรือนไทยโบราณที่ปลูกตั้งแต่สมัยไพรวัลย์และมาลีพึ่งแต่งงานกันใหม่ๆจวบจนถึงตอนนี้ก็หลายสิบปีแล้ว
บ้านหลังนี้เป็นบ้านเรือนไทยหลังค่อนข้างใหญ่โตเมื่อก่อนเป็นใต้ถุนโล่งแต่พอทองม้วนแก่ตัวเข้าพนาก็ต่อเติมห้องหับที่ชั้นล่างแถบหลังบ้านเพื่อที่ทองม้วนจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้ลำบาก
ส่วนพนาและมาลีเองก็ย้ายมานอนกันข้างล่างเช่นกันเพราะสะดวกกว่าอยู่ข้างบนมากตอนนี้ห้องนอนชั้นบนเห็นจะมีแค่ห้องของเกวรินทร์เท่านั้น
"ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย"
เสียงบ่นพึงพำของเกวรินทร์หญิงสาวหน้าสวยวัย21ย่าง22ปีเธอพึ่งเรียนจบบริหารหมาดๆจากมหาลัยในกรุงเทพมหานคร
หญิงสาวเป็นคนผอมแห้งสูง160 ผิวสีน้ำผึ้งใบหน้ากลมแก้มป่องผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกยาวถึงกลางหลังคิ้วบางได้รูปตากลมหางตาเฉี่ยวเหมือนลูกแมวจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากบางเป็นกระจับ
ตอนนี้หญิงสาวได้กลับมาอยู่ที่บ้านสวนก่อนจะเดินทางไปทำงานที่อเมริกาเพราะมีข้อผูกมัดกับคนๆนึงไว้ว่าเธอจะต้องไปทำงานใช้หนี้ในเรื่องที่เธอก่อเอาไว้ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง
ที่เธอกำลังนั่งกอดเข่าสีหน้าเคร่งเครียดพึมพำอยู่ในมุมห้องนอนก็เพราะไม่กี่วันก่อนจวบจนถึงวันนี้เธอก็เจอเรื่องเจ็บตัวไม่เว้นแต่ละวันเช่นวันนี้เมื่อช่วงบ่ายเธอก็ดันตกต้นมะม่วงเจ็บจุกเสียจนหลังแอ้หลังแอ่นเมื่อวานเดินในสวนอยู่ดีๆงูก็เกือบฉกดีที่พ่อเธอเห็นแล้วร้องเตือนก่อนไม่อย่างนั้นคงไปนอนแอ้งแม้งอยู่โรงพยาบาลไปแล้ว
ก๊อกๆๆ
"เกว..ทำไมไม่ลงไปกินข้าวลูก"
มาลีหญิงร่างเล็กวัยกลางคนแม่ของเกวรินทร์เดินขึ้นมาเคาะประตูห้องลูกสาวตนเพื่อเรียกไปทานข้าวเพราะตอนนี้ทั้งสามีและแม่สามีเธอได้รออยู่ที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้านนานแล้ว
"หนูไม่ค่อยหิวจ่ะแม่"
สาวเจ้าเปิดประตูมาคุยกับคนเป็นแม่หน้ามุ่ย
"ไม่หิวก็ต้องไปกินเดี๋ยวปวดทงปวดท้องขึ้นมาอีก..ไปเร็วย่าเราเค้ารออยู่"
มาลีรีบดึงมือลูกสาวเจ้าตัวให้เดินตามลงไปข่างล่างแต่โดยดีเพราะหากเธอพาลูกเธอลงไปไม่ได้ตอนนี้มีหวังแม่สามีเธอคงขึ้นมาตามอีกรอบเป็นแน่
"มาๆอีหนูย่าทำต้มกระดูกหมูของโปรดเราไว้ด้วยกินเยอะๆ"
ทองม้วนหญิงชราผมขาวสีนิลวัยเกือบ80ปีแต่ยังคงดูแข็งแรงเพราะชอบที่จะเข้าไร่เข้าสวนทุกวันเห็นหลานสาวเดินลงมาได้ก็เรียกให้มาทานข้าวอย่างรวดเร็ว
"จ่ะย่า"
"เป็นอะไรหน้าบูดหน้าบึ้ง"
ทองม้วนถลกผ้าซิ่นนั่งชันเข่าเอ่ยถามหลานสาวคนเดียวด้วยสีหน้ากังวล
"ก็หนูเจอแต่เรื่องเจ็บตัวไม่รู้เป็นอะไรนักหนา"
สาวเจ้านั่งข้างคนเป็นย่าลงได้ก็บ่นอู้อี้หน้ามุ่ย
"เอ่อ.. นั่นสิเมื่อวานเห็นพ่อเราว่าจะถูกงูฉกวันนี้ก็ตกต้นไม้เสียอีก"
ทองม้วนเห็นทีหลานเธอช่วงนี้ก็จะมีแต่เรื่องจริงๆ
"ช่วงนี้ซวยเป็นพิเศษเลย"
"เอ่อ...เราเคยไปบนบานที่ไหนแล้วลืมแก้หรือเปล่าอีหนู"
ทองม้วนเอ่ยถามหลานสาวเธอขึ้นอีกรอบคนโบราณอย่างเธอเห็นจะนึกถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆเมื่อเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับคนในครอบครัว
"อ๋อ...คือ..อึก"
เกวรินทร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเธอนั้นเคยบนอะไรแต่ในใจก็คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวก่อนจะอ้าปากบอกกับย่าตนแต่จู่ๆเสียงเธอก็หายไปเสียอย่างนั้นทั้งที่เมื่อึรู่ก็ยังพูดได้ดีๆ
"เกว..เป็นอะไรลูก"
มาลีพนาและทองม้วนต่างก็ตกใจกับอาการของเกวรินทร์สาวเจ้าที่ไม่มีเสียงก็ได้แต่ส่ายหัวสีหน้าของเธอตื่นตระหนกจนเริ่มมีน้ำตา
"แม่ว่าท่าจะไม่ดีแล้วล่ะมาลีเอ้ย...พาอีหนูไปหาหลวงตาแม้นให้ท่านช่วยดีกว่า"
ทองม้วนเชื่อว่าที่หลานเธอเป็นแบบนี้คงเพราะสิ่งเร้นลับเป็นแน่ข้าวเย็นวันนี้จึงยังไม่ได้ลงมือทานก็รีบพาเกวรินทร์ไปที่วัดเพื่อไปหาพระที่พวกเธอนับถือให้ช่วยเหลือ