ตอนที่ 54: เหตุการณ์ที่หายากในประวัติศาสตร์
พระราชวังไจ่เยว่
บรรยากาศที่ดูอึมครึม ความไม่สบายใจเล็กน้อยปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถงวังหลวง
กษัตริย์ผู้ปกครอง เจ้าหงเหยา ขมวดคิ้วหันหน้าไปมองรายงานในมือของเขา.
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็วางรายงานลงและมองไปยังเสนาธิการเฟิงหวู่:
“ภูตผีเมืองเผิง ก่อความวุ่นวายมากมายขนาดนี้เลยรึ?”
เฟิงหวู่ส่ายหน้าและถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า "พ่ะยะค่ะ! เสนาธิการผู้นี้ ได้ส่งนักรบชนชั้นสูงสามพันคนออกไป แต่เวลานี้กับไม่มีใครรอดเลย"
“นักรบทั้งหมดล้วนแต่มีขอบเขตตงซวนเป็นอย่างต่ำ ไม่คาดคิดเลย.....เฮ้อ!”
“สามพันขอบเขตตงซวนอย่างงั้นรึ?” แววตาที่หวาดหวั่นของเจ้าหงเหยาที่เผยออกมาอย่างชัดเจน ประเทศไจ่เยว่นั้นมีทหารขอบเขตตงซวน 20,000 คน.
เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเป็นอย่างมาก เพียงแค่คืนเดียวก็สูญเสียนักรบระดับสูงจำนวนมากที่เมืองเผิงไปแล้ว.
หากสถานะการณ์ยังเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ว่าภูตผีเหล่านี้จะบุกเข้ามายังเมืองหลวงประเทศนี้หรอกรึ?
เจ้าหงเหยาที่เอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง สูดหายใจลึกยาว.
“โชคดีที่ข้าได้ออกคำสั่งเมื่อวานนี้ เพื่อคัดเลือกผู้กล้าจากยุทธภพให้มาช่วยเหลือแล้ว.”
“ข้าเชื่อว่าต้องมียอดฝีมือสักคน เสนาธิการเฟิง เจ้าไปเตรียมนำทหารไปที่เมืองเผิงอีกครั้ง รอให้เหล่าผู้กล้าเข้าไปสบทบพวกเราจะออกเดินทางกัน!”
เฟิงหวู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว: "รับด้วยเกล้า!"
เหตุการณ์ครั้งนี้แปลกประหลาดเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทหารของประเทศนี้จะรับมือได้เลย.
นับเป็นเรื่องโชคดีที่กษัตริย์ทรงมองการณ์ไกล ได้ระดมยอดฝีมือและตั้งรางวัลตอบแทนไว้ล่วงหน้า.
เขาคาดเดาว่าจะต้องมียอดฝีมือที่สามารถจัดการกับเหล่าภูตผีเหล่านี้ได้แน่.
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด จู่ ๆ ก็มีเสียงของขันทีดังขึ้น.
“เรียนฝ่าบาท ผู้นำสำนักเสวียนชิง สำนักเห่าเทียนและหุบเขาหยุนหลาน ขอเข้าพบ!”
เจ้าหงเหยาที่โบกมือ“เชิญเข้ามาได้เลย!”
จากนั้นยอดฝีมือหลายสิบคนก็ถูกนำเข้ามาในห้องโถง.
เสนาธิการเฟิงหวู่พบว่ามีหลายคนที่แผ่กลิ่นอายที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามออกมา.
ตามสัมผัสของเขา ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือเหนือกว่าขอบเขตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง.
หลังจากเอ่ยทักทายกันแล้ว เจ้าหงเหยาก็เอ่ยออกมาว่า“ทุกท่าน คราวนี้มีภูตผีปรากฏขึ้นกะทันหันและทรงพลังมาก!”
“หากใครสามารถช่วยจัดการกับหายนะครั้งนี้ได้ ข้าขอรับประกันได้เลยว่าสำนักของคนผู้นั้นจะสามารถเลือกภูเขาเพื่อเปิดสาขาในประเทศของข้าได้เลย.”
“นอกจากนี้ข้าจะตอบแทนด้วยทองคำ 20,000 และหินวิญญาณระดับสูง 5,000 ก้อน!”
ผู้นำนิกายเสวียนชิง จางหยูเผิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เผยความตื่นเต้นดีใจเมื่อได้ยินสิ่งดังกล่าว“ตกลง!”
ของรางวัลที่เจ้าหงเหยามอบให้นั้น ช่างใจกว้างจริง ๆ ดึงดูดจางหยูเผิงและคนอื่น ๆ ได้เป็นอย่างมาก.
นอกจากนี้พวกเขาทุกคนล้วนแต่มีประสบการณ์ในการต่อสู้กับภูตผีมาไม่น้อย.
กล่าวได้ว่ารางวัลเหล่านี้ราวกับว่ามันได้อยู่ในกระเป๋าพวกเขาเรียบร้อยแล้ว.
ขณะที่เจ้าหงเหยากำลังเตรียมหารือรายละเอียดของแผนการดังกล่าวกับพวกจางหยูเผิง ก็ได้ยินเสียงจากประตูดังขึ้นอีกครั้ง.
“เรียนฝ่าบาท ปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ โหยวหยวนขอเข้าพบ!”
ปรมาจารย์เต๋าสวรรค์!
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว จางหยูเผิงและคนอื่น ๆ ที่หันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจขึ้นมาเช่นกัน.
ในเวลานั้น ชายชราสวมเสื้อคลุมสีฟ้า สวมหมวกฮุนหยวน และถือแส้ขนหางจามรี ก้าวเดินเข้ามาช้า ๆ.
“คารวะเจิ้นเหริน(นักพรต)โหยว!”
จางหยูเผิงและคนอื่น ๆ ต่างก็เร่งรีบแสดงความเคารพออกมาเช่นกัน.
ปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ โหยวหยวน ก็คือผู้นำนิกายเต๋าสวรรค์ที่มีอายุกว่า 50,000 ปีแล้ว.
คนผู้นี้มีชื่อเสียงในโลกศิลปะการต่อสู้ของเป่ยเสวียนเทียน แม้แต่เชี่ยวชาญในการจัดการกับภูตผีเป็นพิเศษ.
นอกจากนี้โหยวหยวนยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตจ้าววิญญาณ ฝึกฝนไปบนเส้นทางเต๋า เป็นคนที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก.
เมื่อได้พบกับอีกฝ่ายเจ้าหงเหยาที่ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก ก้าวเข้าไปเอ่ยทักทายทันที.
พรตโหยวหยวน พยักหน้ารับ เผยท่าทางอหังการเล็กน้อย.
เจ้าหงเหยาที่เอ่ยออกมาอีกว่า“เมื่อมีเจิ้นเหรินโหยวที่นี่ จะต้องไม่มีปัญหาในการทำลายภูตผีครั้งนี้แน่นอน.”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกันหมด.
เนื่องจากมีพรตโหยวหยวน เป็นยอดฝีมือจัดการกับภูตผีอยู่แล้ว เจ้าหงเหยาจึงไม่มีอะไรจะเอ่ยอีก.
เขาได้ถอดชุดคลุมกษัตริย์ออก เปลี่ยนเป็นเกราะรบ พร้อมกับนำเสนาธิการเฟิงหวู่ และแม่ทัพของประเทศ ติดตามพรตโหยวหยวน จางหยูเผิงและคนอื่น ๆ เสด็จออกจากวังหลวง.
ในฐานะกษัตริย์ เขาต้องการที่จะเข้าสู่สนามรบเพื่อควบคุมการทำลายล้างภูตผีด้วยตัวเอง.
ด้วยการทำเช่นนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงให้ผู้คนทั่วประเทศได้เห็นว่าเขาห่วงใยประชาชนในประเทศของตัวเองมาก.
นอกจากนี้การติดตามพรตโหยวหยวนและยอดฝีมือคนอื่น ๆ ไม่ควรที่จะได้รับอันตรายใด ๆ.
ในความเห็นของเจ้าหงเหยา พวกจางหยูเผิงและคนอื่น ๆ เมื่อมีพรตโหยวหยวน เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ
ทว่าเจ้าหงเหยาก็ไม่ควรจะตระหนี่รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถมอบให้กับพวกเขาเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับคนในยุทธภพเช่นกัน.
ขณะทุกคนก้าวออกจากห้องโถงหลัก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ.
บนยอดตึกคว้าดารา ปรากฏบุรุษชุดขาว และสาวงามในชุดสีม่วง.
ด้านข้างยังมีเด็ก ๆ ที่น่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอีกสี่คน.
“บุรุษผู้นี้ช่างสง่างาม ยากที่จะมีใครในโลกหล้าเทียบได้!”
“สตรีที่อยู่ข้าง ๆ เองก็งดงามราวกับเทพธิดา แผ่กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
อย่างไรก็ตาม จางหยูเผิงกับอุทานออกมาว่า“บุรุษชุดขาวผู้นั้นก็คือ....ตี้ฟู่ เป่ยเสวียนเทียนของพวกเรา!”
ฟู่~
ในเวลานั้น แม้แต่พรตโหยวหยวนที่หยิ่งผยองมาตลอดยังตื่นตะลึงไปเหมือนกัน!
เจ้าหงเหยาเร่งรีบเอ่ยถาม“เจ้าสำนักจาง ท่านพูดจริงหรือไม่?”
“จริงแท้แน่นอน!”จางหยูเผิงเอ่ยด้วยความจริงจัง“เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้พบกับตี้ฟู่ที่เทือกเขาหมื่นอสูร ข้าจะผิดพลาดได้อย่างไร”
ทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยจบ เจ้าหงเหยาก็เร่งรีบก้าวออกจากประตูพระราชวังทันที.
การมาถึงของตี้ฟู่ เป่ยเสวียนเทียนเป็นโอกาสที่หายากสำหรับประเทศไจ่เยว่ในรอบพันปีเลย.
กษัตริย์เช่นเขาจะละเลยตี้ฟู่ได้อย่างไร หาไม่แล้ว เกรงว่าอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้!
จางหยูเผิง พรตโหยวหยวนและคนอื่น ๆ เองก็เร่งรีบตามไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน.
เมื่อเจ้าหงเหยาเสนอหน้าไปทักทายตี้ฟู่ พวกเขาเองก็จะพลาดโอกาสนี้ได้เช่นไรกัน!
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เร่งรีบไปที่อาคารเก็บดารา
เนื่องจากตึกคว้าดารา มีภูมิหลังเป็นของราชวงศ์ ทำให้เจ้าของตึกคว้าดารา จำกษัตริย์เจ้าหงเหยาได้ในทันที.
“ฝ่าบาท...”
ก่อนที่เจ้าของตึกจะเอ่ยจบด้วยซ้ำ เจ้าหงเหยาก็เดินผ่านไปแล้ว แทบไม่มองเขาด้วยซ้ำ.
จางหยูเผิงที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาก็รีบเดินตามเข้าไปในร้านอาหารทีละคน ๆ
กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแค่เจ้าของตึกคว้าดาราเท่านั้นที่ตื่นตะลึง คนอื่น ๆ ที่มารับประทานอาหารเองก็ตื่นตะลึงเช่นกัน.
ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นชะโงกหน้าจดจ้องมองไปยังบันไดทันที.
จู่ ๆ ก็ปรากฏคนใหญ่คนโตปรากฏขึ้น ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ.
เมื่อเจ้าหงเหยามาอยู่ด้านหลังหลินชวน เขาที่จัดแจงชุดของเขา และโค้งคำนับเอ่ยออกมาด้วยความเคารพ“กษัตริย์ไจ่เยว่ เจ้าหงเหยา คารวะตี้ฟู่!”
จางหยูเผิงและคนอื่น ๆ เองก็โค้งคำนับเอ่ยทักทายทีละคน ๆ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพเป็นอย่างมาก!
ว้าว!
ฉากนี้ทำให้เกิดเสียงอัศจรรย์ไปทั่วทั้งตึกคว้าดารา
“ปรากฏว่าเป็นตี้ฟู่ เป่ยเสวียนเทียนของพวกเรา ไม่น่าแปลกใจเลยว่า จะดูสง่างามขนาดนี้!”
“ข้าโชคดีมาก! ข้าไม่คิดเลยว่า มาตึกคว้าดาราครั้งแรกก็ได้พบกับตี้ฟู่แล้ว!”
“ครั้งนี้ตี้ฟู่ได้ทิ้งกวีเอาไว้สองบท เรื่องนี้จะต้องคงอยู่และเป็นที่เอ่ยถึงไปตลอดแน่!”
“ตึกคว้าดารา...ไม่ ๆ ครั้งนี้ ประเทศไจ่เยว่มีชื่อเสียงแล้ว!”