ตอนที่ 51: เอ่ยได้คำเดียว ยากจริง ๆ!
เป่ยเสวียนเทียน พระราชวังหยก
ในตอนเช้าหลินซวนที่นอนพิงหลัง เมื่อเสร็จสิ้นการสอนบทเรียนสำหรับเด็ก ๆ เสร็จแล้ว.
ส่วนเสวียนจู่ และคนอื่น ๆ กำลังเล่นอยู่ที่สวนหน้าพระราชวัง
หลังจากนั้นไม่นาน หลินซวน ก็ได้ยินพวกนาง คุยกันและโต้เถียงกัน
หลินซวนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นเด็กหญิงสี่คนนั่งอยู่บนพื้นถือกระดาษวาดรูปและถือพู่กันอยู่ในมือ
แน่นอนว่าพวกนางกำลังวาดรูปและสนุกสนานกับการบรรเลงสีเป็นอย่างมาก
ส่วนสิ่งที่พวกนางโต้เถียงกัน ก็คือดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นอย่างไร
เสวียนจู่วางพู่กันบนคาง กระพริบตาและมองท้องฟ้าด้วยตาโตพร้อมกับเอ่ยว่า:
“ข้าคิดว่าดวงดาวกระพริบได้ ย่อมดูเหมือนดวงตา”
"ดังนั้น ดวงดาวจึงเป็นดวงตากลมโตที่สวยงาม!"
หลังจากเอ่ยแล้ว นางก็วาดตาคู่หนึ่งบนกระดาษ
เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู ก้าวไปข้างหน้าและส่ายหน้า
เสวียนซีเอ่ยว่า: "ข้าคิดว่าดาวดวงนั้นสว่างมาก มันควรจะเป็นเหมือนกับอัญมณี"
เอ่ยจบนางก็วาดดาวเหมือนอัญมณีในห้อง
หัวเล็ก ๆ ของ เสวียนหาน สั่นไปมา
“ไม่ใช่ ๆ ดวงดาวนั้นกลม ๆ ดังนั้นมันจึงควรมีลักษณะคล้ายลูกปัดสวรรค์ที่พ่นออกมาจากหอยคริสตัล”
หลังจากนั้น นางก็หุบขาเข้าหากัน วางกระดาษบนขาของนาง และวาดวงกลมอย่างจริงจัง
เสวียนหยูที่มองภาพวาดของคนอื่น ๆ พลางส่ายหน้าอย่างแรง:
“ไม่ ๆ! ดวงดาวนั้นสว่างราวกับเปลวเพลิง!”
“อย่างที่เห็น ข้าคิดว่ามันควรจะเป็นเปลวเพลิงที่ลุกโชนและกล้าหาญ!”
ด้วยเกรงว่าพี่สาวทั้งสามคนจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาง นางจึงวาดเปลวเพลิงขนาดใหญ่บนกระดาษลงไป.
เสวียนจู,เสวียนซี และ เสวียนหาน ส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นภาพวาดของนาง
“เสวียนหยู ดวงดาวไม่ใช่แบบนี้เลย!”
“ใช่แล้ว ไม่เหมือนเลย!”
“เสวียนหยู ภาพวาดของเจ้าใหญ่เกินไป!”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวทั้งสามไม่เห็นด้วย เสวียนหยูจึงเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ: "แต่ของพวกเจ้าก็ไม่เหมือน!"
เด็กหญิงทั้งสี่เริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามพวกนางไม่ได้โกรธ
แน่นอนว่าเด็กสาวทั้งสี่นั้นล้วนแต่สนิทสนมกันมาก สำหรับข้อพิพาทนี้ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพวกนางแต่อย่างใด.
หลินซวนไม่ได้ต้องการเข้าไปแทรกแซงโดยพลการ การโต้แย้งเช่นนี้จำเป็นต่อการเติบโตของเด็ก
ไม่เพียงแต่สามารถส่งเสริมความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังปลูกฝังความคิดและจินตนาการของพวกนางอีกด้วย.
อย่างไรก็ตามเด็กหญิงตัวเล็กดูเหมือนว่ากำลังหาบุคคลที่สามที่มีอำนาจและยุติธรรมเพื่อตัดสินเรื่องนี้.
พวกนางส่งเสียงโห่ร้องและหันไปมองหลินซวนแทบจะพร้อม ๆ กัน.
“เสด็จพ่อ มาดูเร็วเข้า พวกเราคนไหน ที่วาดดาวได้เหมือนที่สุด!”
สาวน้อยเอ่ยออกมาพร้อม ๆ กัน
หลินซวนส่ายหน้าและเผยยิ้ม ก้าวไปข้างหน้าและมองดูทีละคนแล้วเอ่ยออกมาว่า:
“สิ่งที่พวกเจ้าวาดนั้นถูกต้องทั้งหมด ดวงดาวดาวบางทีก็กลม ซ้ำยังส่องแสงวับวาวด้วย”
“ดังนั้นเมื่อเรามองจากพื้นที่ไกลออกมา จึงมักจะเพิ่มจินตนาการของเราเองเข้าไป ทำให้พวกเราสามารถวาดรูปทรงต่าง ๆ ให้กับมันได้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ย เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทุกคนก็ยิ้มอย่างมีความสุข
เสด็จพ่อบอกว่าถูกต้องแล้ว
ดูเหมือนทุกคนจะวาดรูปเก่งนะ!
เสวียนหานดึงนิ้วของหลินซวนมา: "ถ้าอย่างนั้นเสด็จพ่อ เห็นดาวแบบไหน"
“ใช่ ๆ เสด็จพ่อบอกพวกเราด้วย!”
“ข้าอยากเห็นภาพวาดของเสด็จพ่อ!”
"ตั้งตารอแล้ว!"
เสวียนจู,เสวียนซี และ เสวียนหยู เองก็เริ่มสนใจทันที
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวทุกคนต่างคาดหวังและตื่นเต้น หลินซวนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเอ่ยว่า:
“เอาล่ะ เสด็จพ่อจะวาดภาพดาวดั่งเช่นที่พ่อเห็น!”
เด็กหญิงทั้งสี่พยักหน้าพร้อมกัน ดวงดาวที่เสด็จพ่อวาดคงจะน่าสนใจมาก
จากนั้น หลินซวน ก็วาดดาวห้าแฉกบนกระดาษตามภาพวาดการ์ตูนที่เขาเห็นในชีวิตก่อน
“ดาวมีหน้าตาแบบนี้ได้ไหม?”
เสวียนจู่และใบหน้าของเด็กสาวคนอื่น ๆ ต่างก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่มีสิ้นสุด.
ดวงดาวที่หลินซวนวาดนั้นแปลกใหม่จริง ๆ!
หลินซวนมองดูสีหน้าของเด็กหญิงตัวเล็ก และรู้สึกว่าดาวห้าแฉกนั้นซ้ำซากจำเจเกินไป เขาจึงวาดเพิ่มอีกสองสามดวง
จากนั้นจึงวาดดวงตาคู่หนึ่งบนดาวห้าแฉกแต่ละดวง
"ว้าว!"
จู่ ๆ สาว ๆ ก็อุทานออกมา
“เป็นดาวที่น่ารักจริง ๆ!”
“เสด็จพ่อวาดรูปเก่งมาก!”
“ข้าชอบดาวแบบนี้จังเลย!”
“ข้าอยากจะเก็บดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้า!”
หลังจากหลินซวนวาดดาวเสร็จแล้ว ดวงดาวบนกระดาษก็เต็มไปด้วยภาพวาดที่แหวกแนว เป็นภาพที่เหมือนกับดาวในภาพการ์ตูนสุดน่ารัก ซึ่งถูกอกถูกใจเหล่าเด็กสาวเป็นอย่างมาก.
ติ๊ง!
ในขณะนั้น เสียงระบบในใจของ หลินซวน ก็ดังขึ้น
“โฮสน์สอนบทเรียนการวาดภาพสำหรับบุตรสาวสำเร็จ ได้รับรางวัล: ทักษะการวาดภาพระดับปรมาจารย์!”
เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนของระบบ หลินซวนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว: "นี่ก็ได้รางวัลอย่างงั้นรึ?!"
การวาดดาวลวก ๆ กับได้ทักษะวาดภาพขอบเขตปรมาจารย์ มันเจ๋งเกินไปแล้ว!
เพียงแค่คิดถึงรางวัลที่ได้รับ ก็บอกได้ว่าเขานั้นโชคดีจริง ๆ ที่ได้ทักษะใหม่.
ในกระบวนการเติบโตของบุตรสาว พวกนางจะต้องเผชิญกับภาพวาดที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยทักษะการวาดภาพระดับปรมาจารย์ เขาจะสามารถสอนเหล่าสาวน้อยได้อย่างเชี่ยวชาญแน่นอน.
ในเวลานั้นสายลมที่มีกลิ่นหอมก็พัดมาที่ประตูพระราชวัง
ตงหวงจื่อโหยวมองบุตรสาวทั้งสี่ของนางอย่างอ่อนโยน จากนั้นมองไปที่หลินซวน: "เมื่อวานเจ้าคงพาลูก ๆ ไปที่อาณาจักรล่างเพื่อบูชาบรรพบุรุษของพวกนางใช่ไหม"
"ใช่." หลินซวน พยักหน้า "ข้าพาพวกนางลงไปร่วมงานเทศกาล และเล่นกับพวกนางทั้งวัน"
ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกัน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทุกคนก็วิ่งเข้าไปและมอบดาวที่หลินซวนวาดไว้ให้กับตงหวงจื่อโหยว
“เสด็จแม่ ดูสิ นี่คือดาวที่เสด็จพ่อวาด สวยมากเลยใช่ไหม?”
ตงหวงจือโหยวมองใกล้ ๆ และอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกับลอบยิ้ม
นางที่ประสูติในราชสำนัก นางเคยเห็นภาพวาดของปรมาจารย์และคนแปลกหน้านับไม่ถ้วน หนำซ้ำนางยังมีความเชี่ยวชาญในฉิน หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษร และภาพวาดทุกประเภทอีกด้วย
ในความเห็นของนาง การวาดภาพของหลินซวนนั้น....มันเป็นอะไรที่ราบเรียบ ทว่านางเห็นได้ว่าหลินซวนนั้นวาดภาพเหล่านี้ด้วยความเอาใจใส่เรียบง่ายทำให้เป็นที่นิยมสำหรับเด็ก ๆ.
"มันดูดี." ตงหวงจื่อโหยวอดไม่ได้ที่ต้องเอ่ยชมออกมา เพราะความกระตือรือร้นของเด็ก ๆ
“ฮิฮิ ข้าบอกแล้ว ว่าเสด็จแม่ เองก็ชอบเหมือนกัน!” เสวียนซีกล่าวอย่างมีความสุข
จากนั้น เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็วิ่งไปด้านข้างพร้อมกับภาพวาด
เสด็จพ่อวาดรูปเก่งมาก พวกนางทุกคนต้องการเรียนรู้มันโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้วาดดาวได้สวยเหมือนของเสด็จพ่อ
เมื่อเห็นเด็ก ๆ เล่นกัน หลินซวนก็กลับมาที่เก้าอี้เพื่อพักผ่อน
ตงหวงซีจ้องมองเขาเงียบ ๆ สักครู่หนึ่ง นางก็ก้าวไปข้าง ๆ อีกฝ่าย.
ด้วยการโบกมือหยกของนาง นางหยิบหนังสือสี่เล่มที่มีปกสวยงามอย่างยิ่งออกมาจากความว่างเปล่าและมอบให้หลินซวน:
“นี่คือตำราหลวงเป่ยซวนจิง(ประสบการณ์ลึกล้ำแดนเหนือ) ที่พระราชวังเสวียนปิงของพวกเรารวบรวมความรู้มากมายมาตลอดหมื่นปี.”
“ตำราเหล่านี้ประกอบด้วยความรู้มากมาย ครอบคลุมถึงดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และเวชศาสตร์การทหาร เป็นของล้ำค่าอย่างยิ่ง”
“เจ้าสามารถอ่านในเวลาว่างได้ ข้าเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเจ้าเป็นอย่างมาก”
นางคิดว่าหลินซวนไม่เต็มใจที่จะบ่มเพาะ ดังนั้นควรจะพัฒนาความรู้ของอีกฝ่ายด้วยการอ่านหนังสือหรือไม่?
สำหรับมนุษย์บนโลก พวกเขาจะก้าวไปบนเส้นทางวรรณกรรม หรือไม่ก็เส้นทางนักสู้.
ในเมื่อไม่อาจแข็งแกร่งขึ้นได้ ดังนั้นก็ควรจะใช้ชีวิตให้มีคุณค่า.
นางเห็นหลินซวนอยู่กับลูก ๆ มีเวลาว่างมาก ดังนั้นการอ่านหนังสือมากขึ้นก็ไม่เสียหายอะไร.
หลินซวนเหลือบมองดู "เป่ยซวนจิง" ซึ่งเป็นหนังสือหนาสี่เล่มที่มีคำศัพท์มากมาย อย่างน้อยก็คงมากถึงสี่ถึงห้าล้านคำ
หลินซวนแค่คิดเรื่องนี้ก็ปวดหัว ไม่ต้องเอ่ยถึงการอ่านเลย
นอกจากนี้ ตอนนี้ที่เขาถือครองตำราสวรรค์เสวียนเจี่ย ที่รวมเนื้อหาของตำราเป่ยซวนจิงไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องอ่านตำราดังกล่าว.
หลินซวนจึงส่ายหน้าและยิ้ม: "เนื่องจากเป็นสมบัติของราชวงศ์ เจ้าจึงควรเก็บเอาไว้เอง"