ตอนที่แล้วตอนที่ 16 แม่นมมาถึงแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18 จำเป็นต้องไป

ตอนที่ 17 ซื้อที่ดินเพื่อปลูกมันเทศ


ตอนที่ 17 ซื้อที่ดินเพื่อปลูกมันเทศ

หนึ่งเงินแท่งขนาดเล็กเท่ากับห้าตำลึง ในหนึ่งแถวมีเงินแท่งจำนวนห้าแท่ง เมื่อรวมทั้งสองสี่แถวแล้วเป็นเงินหนึ่งร้อยตำลึง

“นี่คือกำไรในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาเจ้าค่ะ ข้าทำตามที่คุณหนูบอกไว้ ผลกำไรทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นเงินแท่ง สำหรับเศษเงินจะถูกเก็บไว้ในบัญชีก่อน”

เว่ยรั่วชอบพกเงินแต่ไม่ชอบพกตั๋วแลกเงินที่บอบบาง ดังนั้นทุกครั้งที่แม่นมให้ผลกำไรจากร้านค้าแก่เว่ยรั่ว นางจะนำแค่เงินแท่งมีน้ำหนักมาให้

ยกเว้นเงินแท่ง แม่นมยังนำสมุดบัญชีของร้านค้าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาให้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีตะกร้าเห็ดตากแห้งด้วย

“เสี่ยวหย่งกลัวว่าคุณหนูจะไม่คุ้นชินกับอาหารที่นี่ จึงเตรียมเห็ดตากแห้งที่คุณหนูชอบกินเอาไว้เจ้าค่ะ บางส่วนตากแห้ง บางส่วนนำไปทอดตามวิธีที่คุณหนูเคยสอนไว้และปิดผนึกไว้ในขวดโหลเจ้าค่ะ”

“แม่นม ขอบคุณที่ทำงานหนัก เช่นเดียวกับลุงสวี่และพี่เจิ้งหย่งที่ยอมติดตามท่านมาไกลขนาดนี้”

“ไม่ลำบาก ไม่ลำบากเลย!” สวี่หมัวมัวพูดว่า “ข้าไม่ต้องลำบากเลย เดินทางก็นั่งรถม้าตลอดทาง ไม่ได้ใช้เท้าเดิน และงานพวกนี้ข้าก็ไม่ได้ทำหน้าที่สำคัญ แต่เป็นต้าจ้วงกับเจิ้งหย่งที่ยุ่งกับการทำงานนี้เจ้าค่ะ”

ใบหน้าของสวี่หมัวมัวเต็มไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

สวี่หมัวมัวกล่าวต่อ “การได้ช่วยงานคุณหนูนั้นเป็นความสุขที่สุดแล้ว ถ้าคุณหนูไม่ช่วยเหลือ ป่านนี้ต้าจ้วง เจิ้งหย่งและข้าคงไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร! ข้าไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะได้มีชีวิตความเป็นอยู่เช่นนี้ได้เจ้าค่ะ!”

“แล้วท่านจัดการงานในเขตไหวเป่ยเสร็จหรือยัง?”

“คุณหนูไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้ายกให้เหล่าเฉียนดูแลหมู่บ้านที่นั่นแล้ว เขาอยู่ในหมู่บ้านมาหลายปี ดังนั้นสามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะจัดการสิ่งต่างๆ ได้ดี และมีคนช่วยเฝ้าบ้านให้เราด้วยเจ้าค่ะ”

“พวกท่านได้ขนของทั้งหมดที่ข้าสั่งไว้มาด้วยหรือไม่?” เว่ยรั่วถาม

“ขนมาหมดแล้ว ขนมาแล้วเจ้าค่ะ มันเทศเต็มสามคันรถม้า!”

“ดี เช่นนั้นข้าจะเล่าแผนการต่อไปให้ท่านฟัง ตอนนี้ข้ากำลังเล็งไปที่ภูเขาเสี่ยวหยางทางตอนเหนือของเมือง ท่านกับลุงสวี่ลองไปสอบถามเองเถอะ หากราคาเหมาะสมก็ซื้อไว้สำหรับปลูกมันเทศ เนื่องจากมีชาวประมงจำนวนมากในเมืองนี้ที่สูญเสียอาชีพเพราะปัญหาโจรสลัดวอโค่ว และยังมีชาวนาที่ถูกความอดอยากบีบบังคับให้ไปนั่งขอทาน ท่านกับลุงสวี่ไปสอบถามหาผู้ที่มีลักษณะนิสัยดีและเต็มใจทำงานหนัก แล้วทำการว่าจ้างเป็นลูกจ้างประจำได้เลย”

“เจ้าค่ะ ข้าจะพาครอบครัวไปทางเหนือของเมืองเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด”

“ถ้าเช่นนั้นก็ตั้งหลักแหล่งและหาบ้านดีๆ ในเมืองนี้ด้วย หลังจากที่พวกท่านได้ที่อยู่แล้วให้มาที่จวนเซี่ยวเว่ยอีกครั้งเพื่อแจ้งที่อยู่ใหม่แก่ข้า แล้วข้าจะได้ติดต่อไปในภายหลัง”

“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะเริ่มจัดการหลังจากกลับไปเลยเจ้าค่ะ” สวี่หมัวมัวตอบรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สวี่หมัวมัวอยู่ที่เรือนทิงซงนานกว่าหนึ่งชั่วยามก่อนออกเดินทางกลับ

ระหว่างที่เดินออกไป นางเดินผ่านเรือนวั่งเหมยของเว่ยชิงหวั่น และเมื่อเห็นหญิงหยาบกระด้างเดินจากไปด้วยท่าทางเร่งรีบ หลี่หมัวมัวจึงพูดกับเว่ยชิงหวั่นด้วยความชอบใจว่า

“คุณหนู ผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านไปคือแม่นมของคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ เมื่อวานบ่าวได้ยินว่าบุตรชายของแม่นมคนนั้นยังก่อเรื่องที่ประตูจวนเซี่ยวเว่ยของเรา โชคดีที่คุณชายใหญ่ไปหยุดไว้ทัน มิฉะนั้นอาจมีเรื่องน่าขันเกิดขึ้นเจ้าค่ะ”

“ก็แค่นั้น...เพราะไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นจริง...” เว่ยชิงหวั่นพึมพำ

หลังจากสวี่หมัวมัวหารือกับหลี่เจิ้ง [1] และหัวหน้าหมู่บ้านเยวี่ยอิ้งแล้ว จึงสรุปราคาอยู่ที่เงินหนึ่งพันตำลึง

แม่นมได้รายงานผลให้เว่ยรั่วเพื่อให้เว่ยรั่วตัดสินใจ

สำหรับเว่ยรั่วนั้นเงินหนึ่งพันตำลึงไม่น้อยเลย

เมื่อไม่กี่ปีก่อนนางต้องการเริ่มต้นธุรกิจ แต่นางยังเด็กเกินไปและไม่มีทางเลือกมากนัก จึงทำได้เพียงพึ่งพาความฉลาดของตนในการหารายได้พิเศษเพื่อพัฒนาชีวิตของตนในชนบท

นางไม่ได้เริ่มสร้างร้านเป็นทางการจนกระทั่งอายุได้ 10 ขวบ แต่มันก็ยากมากกับการเริ่มต้นในสังคมเช่นนี้ เพราะถ้าไม่มีเส้นสายและไม่มีผู้หนุนหลัง การตั้งหลักทีละเล็กละน้อยยังนับว่าลำบากสุดๆ

จนถึงตอนนี้นางเก็บเงินได้มากกว่าสองพันตำลึงแล้ว ซึ่งเงินหนึ่งพันตำลึงเทียบเท่ากับการสละทรัพย์สินทั้งหมดของเว่ยรั่วไปครึ่งหนึ่ง หากธุรกิจนี้ล้มเหลว สถานการณ์ทางการเงินของเว่ยรั่วจะถอยกลับไปอีกสองปี

แต่เว่ยรั่วรู้สึกว่าไม่มีปัญหาและสามารถดำเนินการได้เลย ดังนั้นแม่นมและลุงสวี่จึงออกหน้าเหมือนเดิม และภูเขาเสี่ยวหยางถูกซื้อมาในราคาหนึ่งพันตำลึง เงินจะถูกมอบให้กับหลี่เจิ้งแห่งหมู่บ้านเยวี่ยอิ้ง และเขาจะไปแบ่งให้แต่ละครัวเรือนเอง

ช่วงสองสามวันนี้สวี่เจิ้งหย่งเดินสำรวจไปทั่วเมือง สุดท้ายได้ชาวประมงและชาวนาว่างงานหลายคนที่มีคุณสมบัติตรงตามใจเว่ยรั่ว จึงมีการจ้างเป็นคนงานประจำ

นี่เป็นครั้งแรกที่คนงานประจำได้เห็นพืชไร่เช่นมันเทศ

หลังจากที่สองพ่อลูกตระกูลสวี่อธิบายแล้ว พวกเขาจึงได้เข้าใจว่าพืชไร่ชนิดนี้มีการปลูกกันโดยแพร่หลายในเขตไหวเป่ยและให้ผลผลิตที่ดี

ส่วนที่มาของพืชไร่นี้ สองพ่อลูกต่างอ้างว่ามีเรือจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำส่วนหนึ่งของเถามันเทศกลับมาโดยบังเอิญ หลังจากการเพาะปลูกแล้วผู้คนก็ได้ค้นพบประโยชน์ของมัน

หลังจากนั้นก็มีการปลูกมันเทศจำนวนมากในเขตไหวเป่ย และสองพ่อลูกตระกูลสวี่ผู้มีประสบการณ์ด้านการเกษตรแบบโชกโชน ได้เริ่มธุรกิจนี้เป็นการส่วนตัวและได้จ้างคนงานประจำมาปลูก

ต้องฝังหัวมันเทศลงในดินก่อน รอจนมันงอกเป็นเถามันเทศ ค่อยพูดถึงการตัดเถาและเก็บเกี่ยว

มันเทศสามคันรถม้าที่พวกเขาขนมาจากเขตไหวเป่ยสามารถผลิตเถามันเทศได้มากมาย

พวกคนงานที่ทำเกษตรเป็นเวลานานจึงเข้าใจหลักสำคัญในการปลูกทันทีและเริ่มทำงานด้วยความแข็งขัน

ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแปลงมันเทศบนเนินเขานั้นต่ำกว่าการปลูกข้าวแบบนาขั้นบันไดมาก

คนงานประจำอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ เพราะเดิมทีพวกเขาคิดว่านายจ้างจะจ้างพวกตนแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะคนจำนวนน้อยถ้าต้องจัดการพืชไร่เต็มภูเขา แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

ในเวลาเดียวกันนั้น สวี่หมัวมัวก็หาบ้านสำหรับตั้งถิ่นฐานได้เช่นกัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจวนเซี่ยวเว่ยมากนัก จึงเดินทางไปมาสะดวก

หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้แล้ว สวี่หมัวมัวก็ไปที่จวนเซี่ยวเว่ยอีกครั้งและมอบสัญญาว่าจ้างคนงานประจำ โฉนดบ้านและโฉนดที่ดินภูเขาให้เว่ยรั่ว

ไม่ว่าเว่ยรั่วจะพูดอย่างไร แม่นมก็ยังมีความคิดเหมือนเดิม นั่นคือสมบัติเหล่านี้เป็นของเว่ยรั่วและพวกนางจะช่วยเว่ยรั่วทำงานโดยรับค่าจ้างตามปกติเท่านั้น

เว่ยรั่วยังคงมีงานให้สวี่หมัวมัว

“แม่นมโปรดช่วยข้าจัดการเรื่องพื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมืองด้วย ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้โจรสลัดวอโค่วส่วนใหญ่ปักหลักอยู่ทางตะวันออกของเมือง ทำให้ทางตอนใต้ยังค่อนข้างปลอดภัย”

“พื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมืองหรือเจ้าคะ? แต่มันเป็นที่ดินแห้งแล้งมากไม่ใช่หรือ? ไม่สามารถปลูกพืชบนที่ดินใกล้ทะเลได้ เพราะมันจะตายหมดนะเจ้าคะ”

“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าที่ดินไม่แห้งแล้ง มันคงไม่กลายเป็นที่รกร้างหรอก” นี่คือสิ่งที่เว่ยรั่วคาดหวัง

“คุณหนูจะทำสิ่งใดกับพื้นที่รกร้างนั้นเจ้าคะ?” แม่สวี่ไม่เข้าใจ

“ท่านไปถามให้ข้าก่อนเถอะ ข้าอาจมีวิธีเปลี่ยนขยะให้เป็นสมบัติ หากข้าสามารถปลูกพืชบนดินเค็มได้ ไม่เพียงแต่ประหยัดต้นทุน นอกจากนี้ยังสามารถจ้างคนงานประจำได้มากขึ้นด้วย และพืชที่ปลูกยังสามารถแก้ปัญหาอาหารไม่เพียงพอในอำเภอซิ่งซั่น ลดการนำเข้าอาหารจากที่อื่น ทำให้ผู้คนมีกินอิ่มท้องมากขึ้น”

“เจ้าค่ะ ข้าจะกลับไปถามให้” แม้ว่าสวี่หมัวมัวจะรู้สึกว่าการปลูกพืชบนดินเค็มนั้นค่อนข้างเพ้อฝัน แต่นางเลือกจะเชื่อเว่ยรั่วโดยไร้เงื่อนไข

เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณหนูท่านนี้ได้ทำลายขอบเขตการรับรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า มีหลายสิ่งที่พวกตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คุณหนูทำให้เกิดขึ้นจริงได้

เชิงอรรถ

[1] หลี่เจิ้ง (里正) คือ เจ้าหน้าที่ทางการชั้นผู้น้อยในระดับหมู่บ้าน ส่วนใหญ่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องทะเบียนบ้านและการชำระภาษี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด