ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 22 ปิดด่าน
ระบบสินค้าลดราคาขั้นเทพ ตอนที่ 22 ปิดด่าน
หลัวจิ่วเกอถือ [เคล็ดหลอมกายตระกูลหลัว] ไว้ในมือ
ก่อนก้มหน้าเดินออกไปด้านหน้าเล็กน้อย
ส่วนที่ลานนั้น
หลัวจิ่วเกอนั่งอยู่ที่ม้านั่งหินใต้ซุ้มหินอย่างเงียบ ๆ
มือขวาถือถ้วยน้ำชาไม้ไว้
ค่อย ๆ จิบน้ำชาในมือเป็นระยะ
สักพักก็เหม่อลอยมองไปที่ไกล ๆ
พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า
"ข้าได้สั่งให้หลัวอี้จัดแจง [เคล็ดหลอมกายตระกูลหลัว] ให้กับลูกหลานในตระกูลแล้ว"
"ส่วนที่ลูกหลานตระกูลหลัวจะได้รับการยกระดับมากแค่ไหน"
"ก็คงต้องรอดูกันเองแล้ว"
หลังส่ายหน้าแล้ว
หลัวจิ่วเกอก็ดื่มน้ำชาในมือจนหมด
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
มือทั้งสองไพล่หลัง
เดินไปทางที่ดินของตระกูลหลัวด้านหลังที่ไม่มีผู้คนอยู่
แน่นอน หลัวฮ่วยเด็กน้อยคนนั้นยังคงฝึกกระบี่กันตามลำพังอยู่ที่นั่น
ถึงแม้การแกว่งกระบี่ไม้จะดูอ่อนหัด
ถึงแม้จะยังวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ
แต่......
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กน้อยนั่น
หลัวจิ่วเกอก็พอใจมากทีเดียว
"เด็กน้อย ตั้งใจฝึกฝนให้ดี......"
"ในโลกนี้ มีอะไรมากมายที่อาจทรยศเจ้าได้"
"แต่ความพยายามของเจ้านั่น จะไม่มีวันทรยศเจ้าเป็นอันขาด"
เสียงค่อย ๆ เบาลง
หลัวจิ่วเกอจากไปในทันที
เขาไม่ได้เลือกที่จะออกหน้าสอนเด็กน้อยคนนั้นต่อไป
ไม่ได้ให้กำลังใจต่อ
เพราะว่า เขารู้
ในโลกนี้ หากต้องการได้มาซึ่งพลังที่แข็งแกร่ง
มักจะต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
......
หลังจากออกมาจากที่ ๆ หลัวฮ่วยฝึกกระบี่อยู่ลำพัง
หลัวจิ่วเกอก็มายังในอาณาเขตตระกูลหลัวอีกครั้ง
ที่ด้านนอกห้องทำงานของจ้าวตระกูลหลัวคนปัจจุบัน
ยืนเฝ้ามองห้องที่หลัวอี้อยู่อย่างเงียบ ๆ จากที่ไกล ๆ
รวมถึง เด็กน้อยที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ แต่แววตากลับดูแก่กว่าวัยอย่างหลัวเหิง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลัวอี้ด้วย
หลังจากเห็นฉากนี้แล้ว
หลัวจิ่วเกอก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
หากตระกูลหลัวต้องการพัฒนา
ต้องการแข็งแกร่ง
ต้องการมั่งคั่ง
นอกจากตัวเขา หลัวจิ่วเกอที่คอยดูแลตระกูลหลัวอยู่แล้ว
ยังต้องการลูกหลานในตระกูลที่มีความสามารถมากมาย
มาช่วยแบกรับตระกูลทั้งตระกูล
ไม่อย่างนั้น แม้ว่าหลัวจิ่วเกอจะเก่งแค่ไหน
พลังของคนคนเดียว
ก็จะมีขีดจำกัดเป็นอย่างมาก
"ได้เวลากลับไปแล้ว"
ถอนหายใจแล้ว
หลัวจิ่วเกอก็ส่ายหน้า
หายตัวไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ชั่วขณะเดียวก็หายตัวไปจากที่นั่นในทันที
......
อาณาเขตตระกูลหลัว
ลานที่ชวนให้รู้สึกถึงกลิ่นอายโบราณนั้น
หลัวจิ่วเกอกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่
ข้างหน้าเขา
แก่นเทวะจอมเทพนั้น
ขณะนี้ก็ค่อย ๆ ลอยอยู่กลางอากาศ
ดินแดนเต๋าอนันต์
สำนักตะวันหาญ
การกระทำของขุมอำนาจนี้ ทำให้หลัวจิ่วเกอรู้สึกถึงความรู้สึกอันตรายอย่างลาง ๆ
ในโลกนี้ หากต้องการมีชีวิตรอด
ก็จำเป็นต้องมีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งพอ รวมถึงพลังยุทธ์ที่จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกหวาดกลัวได้
เห็นได้ชัดว่า
หลัวจิ่วเกอ ขณะนี้ยังมีพลังยุทธ์ไม่มากพอจะทำอย่างนั้นได้
ดังนั้น เขาจึงตั้งใจจะปิดด่านระยะหนึ่ง
ตั้งสมาธิ เพิ่มพลังอำนาจของตัวเองขึ้นมา
......
เช่นนี้
เมื่อหลัวจิ่วเกอตัดสินใจปิดด่าน
และบรรพบุรุษสูงสุดแห่งสำนักตะวันหาญไม่ก่อเหตุใด ๆ เพื่อให้ตัวเองจะได้มีสมาธิไปสู่การทะลวงขอบเขตแล้ว
ราชวงศ์หลัว
ตระกูลหลัวก็ได้เข้าสู่ช่วงเวลาการพัฒนาสงบสุขที่แสนหาได้ยาก
สินแร่หินวิญญาณระดับสูงสุดภายนอกอาณาเขตตระกูลหลัวก็ค่อย ๆ เริ่มผลิตหินวิญญาณระดับสูงสุดออกมาตามกาลเวลาที่ผ่านไป
ส่วนอุตสาหกรรมเดิมของตระกูลเกอ ผู้เป็นราชวงศ์เดิม รวมถึงสามตระกูลชั้นนำอื่น ๆ ที่เหลือ อย่างตระกูลหวัง ตระกูลซุน และตระกูลหลี่
ก็ถูกตระกูลหลัวผนวกและครอบครองไปแล้ว
และผลิตผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีออกมา
ทุก ๆ อย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
......
เวลาผ่านไป
วัน คืน ผันผ่าน
ไม่นานก็ผ่านไปร้อยปี
ในช่วงร้อยปีนี้ เกิดเรื่องราวมากมายในราชวงศ์หลัว
การปฏิรูปกองทัพ
จำนวนผู้บำเพ็ญเพียรในกองทัพเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
ขยายอาณาเขตราชวงศ์ออกไปเล็กน้อย
ประชากรของราชวงศ์หลัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พลังโดยรวมของราชวงศ์หลัวที่พุ่งทะยานขึ้นไป
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า
แต่เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงในช่วงร้อยปีของราชวงศ์หลัวแล้ว
การเปลี่ยนแปลงที่ตระกูลหลัวในราชวงศ์หลัวดูจะชัดเจนมากกว่า
เพียงในแง่ของพลังโดยรวมของตระกูลหลัว เมื่อเทียบกับร้อยปีก่อน ก็พุ่งทะยานขึ้นหลายพันเท่า หรือแม้กระทั่งหลายหมื่นเท่า
ถึงแม้ว่าหลัวจิ่วเกอจะไม่ลงมือ
ตระกูลหลัว ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าขุมอำนาจระดับ 2 บางแห่ง หรือแม้แต่ขุมอำนาจระดับ 1
เฉพาะผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตทารกเซียนนั้น ตระกูลหลัวก็มี 10 กว่าคนแล้ว
ส่วนเหนือขอบเขตทารกเซียนขึ้นไป คือขอบเขตกายาเต๋า ก็มีผู้บำเพ็ญเพียรในตระกูลหลัวอยู่ 1 คน
ส่วนเหนือขอบเขตกายาเต๋าขึ้นไป
คือขอบเขตที่เรียกว่าพิสูจน์เต๋า ในรุ่นเยาว์ของตระกูลหลัวก็ยังไม่มีใครไปถึงได้
สำหรับหลัวจิ่วเกอ?
บรรพบุรุษตระกูลหลัวผู้นี้
อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดในช่วงร้อยปีนี้
การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงแค่เพียงพลังยุทธ์เท่านั้น
......
อาณาเขตตระกูลหลัว
ในลานที่แผ่ซ่านไปด้วยบรรยากาศความโบราณ และดูยุ่งเหยิงผสมปนเปอยู่เล็กน้อย
หลัวจิ่วเกอสวมชุดคลุมขาวเรียบง่าย
หลับตาลง
นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นดิน
"ขอบเขตสันติ 7 สวรรค์......ทะลวง!!"
เสียงตะโกนดังลั่น
ในลานที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเก่าแก่แห่งนี้
ทันใดนั้น ก็มีพลังอำนาจมหาศาลที่เหมือนจะทำลายสวรรค์ล้างแผ่นดิน พุ่งทะยานขึ้นมา
แต่มาไว
ก็ไปไวเช่นกัน
พลังอำนาจนี้ เพิ่งจะปรากฏออกมาเพียงชั่วครู่
ก็หายไปอย่างกะทันหันในทันใด
"ฟู่......"
"หลังจากการบำเพ็ญเพียรอย่างอุตสาหะร้อยปี พลังยุทธ์ของข้าบรรลุถึงขอบเขตที่ 6 ใน 7 ขอบเขตเซียน คือ ขอบเขตสันติ 7 สวรรค์เสียแล้วหรือ?"
"พลังอำนาจนี้ ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!!"
ในลาน
หลัวจิ่วเกอลุกขึ้นยืนเชื่องช้า
ลืมดวงตาที่ดำสนิทและลึกลับ เหมือนเป็นดวงดาวล้อมรอบท้องฟ้าขึ้นมา
ตาคู่นี้ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความอบอุ่นได้
แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกถึงความเยือกเย็นอันไร้ขอบเขตได้เช่นกัน
"ถือว่าไม่เลว!"
"โดยอาศัยพลังของแก่นเทวะจอมเทพ เพียงแค่ร้อยปีก็ทะลวงถึงขอบเขตสันติ 7 สวรรค์แล้ว"
เขาพึมพำกับตัวเอง
หลัวจิ่วเกอยื่นมือขวาออกมาช้า ๆ
แก่นเทวะจอมเทพที่ลอยอยู่กลางอากาศ ก็ถูกกำเอาไว้ในมือ
ทว่าสิ่งที่สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ก็คือ
ภายในแก่นเทวะจอมเทพ
พลังอำนาจมหาศาลที่มีอยู่แต่เดิม
ดูเหมือนจะ......
น้อยลงไปบ้าง
หากใช้หลักเปอร์เซ็นต์มาอธิบายเพื่อความเรียบง่าย
พลังเร้นลับภายในแก่นเทวะจอมเทพแต่เดิม
ก็ให้ถือว่าเป็น 100% เต็ม
ทว่าตอนนี้ พลังเร้นลับในแก่นเทวะจอมเทพ
คาดว่าคงเหลือแค่ 95% เท่านั้น
"ปิดด่านไปร้อยปี"
"ก็น่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย เพื่อให้ผ่อนคลายกระมัง?"
คิดอย่างนี้แล้ว
หลัวจิ่วเกอก็ยืดกล้ามเนื้อเล็กน้อย
จากนั้น ก็นำมือไพล่หลัง
ใบหน้ามีรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นเล็กน้อย
เดินออกจากลานช้า ๆ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ หลังจากผ่านไปร้อยปี ตระกูลหลัวจะเป็นเช่นไรกันแน่
แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองขึ้นหรือเปล่า
หรือว่าจะหยุดอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้า?
คำถามนี้ เขารู้สึกสุดแสนคาดหวัง