บทที่ 50: ผู้ชนะในชีวิต ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น!
ขณะที่ทุกคนถอนหายใจยาว หลินซวนก็ยื่นมือออกไปคว้าตัวอ่อนกระบี่ทั้งสี่มาเรียบร้อยแล้ว.
ฟู่!
พริบตานั้นบนยอดเขาวิญญาณกระบี่ ทันใดนั้นก็ปรากฏนิมิตขึ้น.
แสงสีดำที่ส่องลงมาจากท้องฟ้า ก่อรูปสร้างร่างที่ใหญ่ยักษ์มีขนาดสูงกว่าร้อยฟุตขึ้น.
ผู้คนนับหมื่นที่อยู่ที่เชิงเขาเงยหน้าขึ้นมอง อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก.
“นี่คือรูปนิมิตของราชาวานรแขนเดียว!”
ร่างสีดำนั้นเป็นลิงใหญ่สีดำแขนเดียว
สำหรับมือกระบี่จำนวนมากในแดนรกร้างตะวันออก ตัวตนนี้ไม่ค่อยคุ้นเคยนัก.
เพราะเขาคือมือกระบี่สัตว์อสูรในดินแดนตงหวงเมื่อห้าพันปีก่อน.
ราชาวานรแขนเดียว!
ในตำนานเล่าว่า ราชาวานรคือราชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพรสวรรค์ที่หายาก มีความสามารถในการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยม.
ตลอดจนความสำเร็จในวิถีกระบี่ของเขานั้น ทำให้ยอดฝีมือในดินแดนรกร้างตะวันออกไม่มีใครเทียบได้.
มีข่าวลือในดินแดนรกร้างตะวันออก เล่าว่า ราชาวานรได้ฝึกฝนกระบี่ก้าวไปถึงขอบเขต“คนกระบี่รวมเป็นหนึ่ง”เมื่อพันปีที่แล้ว.
มือขวาของเขาได้รวมเข้ากับกระบี่ มือของเขาคือกระบี่ กระบี่คือมือของเขา.
ด้วยความสามารถที่น่าพรั่นพรึงนี้.
ราชาวานรได้กดขี่และข่มเหงเผ่ามนุษย์เป็นอย่างมาก.
นับเป็นยุคสมัยที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์ ในเวลานั้นเขาได้กวาดล้างนิกายกระบี่ดินแดนรกร้างตะวันออกไปสามร้อยแห่งในชั่วข้ามคืน และสังหารผู้คนไปนับล้านคน.
ในเวลานั้น เผ่ามนุษย์ทุกคนในดินแดนรกร้างตะวันออกต่างก็หวาดกลัวผวา หวั่นเกรงราชาวานรเป็นอย่างมาก.
โชคดี.
เพราะมีขีดจำกัดทางด้านร่างกายของเผ่าอสูรและเผ่ามนุษย์.
ในท้ายที่สุด ขอบเขตมนุษย์และกระบี่รวมเป็นหนึ่ง ขณะยกระดับไปยังขั้นสมบูรณ์แบบ มันได้ล้มเหลว มือขวาของเขาที่ขาดออกเป็นชิ้น ๆ ทำให้เขาเหลือแขนเพียงข้างเดียว.
ชื่อของราชาวานรแขนเดียวจึงได้เลื่องลือไปทั่วดินแดนรกร้างตะวันออกนับตั้งแต่นั้นมา.
เวลานี้ภาพเงาของราชาวานรแขนเดียวปรากฏบนยอดเขาวิญญาณกระบี่ ทุกคนล้วนแต่คาดเดาถึงความตั้งใจของอีกฝ่ายได้ทันที.
เขาต้องการตัวอ่อนกระบี่หยวนซี.
เป็นดั่งที่คาดไว้!
ฟิ้ว! ภาพเงาขนาดใหญ่ที่ยื่นมือซ้ายคว้าไปยังตัวอ่อนกระบี่ทั้งสี่ทันที.
หลินซวนที่เผยดวงตาเผยความเย็นชา“ต้องการคว้าอะไร?”
ปัง!
พลังจิตยักษาที่ระเบิดออกมา ก่อรูปแสงสีทองบริสุทธิ์บนท้องฟ้า.
บูม!
จากนั้นก็เกิดเสียงแตกกระจายไปทั่วทุกสารทิศ.
พลังจิตวิญญาณยักษาที่ระเบิดภาพนิมิตราชาวานรแขนเดียว ร่างของมันที่แตกลามออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลายเป็นเศษซาก!
“โอวสวรรค์ หนึ่งความคิดบดขยี้นิมิตราชาวานรแขนเดียว สมกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งเป่ยเสวียนเทียน!”
"ไม่น่าเชื่อว่า ภาพนิมิตของราชาวานรแขนเดียวจะอ่อนแอขนาดนี้!"
"ท้ายที่สุดแล้ว พลังของคนในราชหยกนั้นแข็งแกร่งเกินไป!"
เหล่าผู้ฝึกตนที่เชิงเขาต่างก็เผยความตื่นตะลึงออกมา.
ในเวลานี้แสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากราชหยก
สัมผัสเทวะยักษาของหลินซวนที่กระจายปกคลุมพื้นที่หลายพันลี้ และเขาก็พบเข้ากับที่ซ่อนของราชาวานรตนหนึ่งทันที.
ฆาตกรของกลุ่มสัตว์อสูรที่กล้าคว้าสิ่งของของเขา หลินซวน ไม่คิดจะปล่อยมันไปอย่างแน่นอน.
ในเวลาต่อมา.
ราชาวานรแขนเดียวที่ซ่อนอยู่ห่างจากภูเขาวิญญาณกระบี่หลายร้อยลี้ รู้สึกหนังหัวชาหนึบ ขนลุกตั้งชูชัน.
ดวงตาของมันที่เปลี่ยนเป็นสีดำ ก่อนที่จะอาเจียนออกมาเป็นโลหิต.
“ให้ตายเถอะ ในดินแดนรกร้างเช่นนี้มีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
เขาที่เร่งรีบเดินทางมายังเทือกเขาวิญญาณกระบี่ ซึ่งยังอยู่ห่างออกมาหลายพันลี้ และพบกับตัวอ่อนกระบี่ที่ลอยออกมาแล้ว.
เขาที่รู้สึกดีใจมาก และไม่สนใจอะไรอีกต่อไป สร้างร่างพลังจิตเพื่อคว้าตัวอ่อนกระบี่เอาไว้ทันที.
มีสิ่งที่เขาไม่รู้ เวลานี้ขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวเปลือกอีกด้วย.
พลังจิตที่น่าสยดสยองบดขยี้พลังจิตของเขาทันที แทบทำให้เขาแตกสลายตกตายไปเช่นกัน.
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าได้ล่วงเกินตัวตนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้าให้แล้ว.
เมื่อตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดี ราชาวานรแขนเดียวก็หันหลังกลับและกำลังจะหนี
อย่างไรก็ตามแสงสีขาวก็ตกลงมาตรงหน้าเขา ขวางทางเขาเอาไว้.
ใบหน้าที่ซีดขาวของราชาวานรแขนเดียว เร่งรีบเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว "ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะแย่งชิงสิ่งของจากมือของท่าน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!"
แม้นว่าใบหน้าของหลินซวนที่ดูเหมือนกับเซียน ทว่าเขาก็ยังเป็นชายหนุ่มที่อายุไม่มากนัก.
ราชาวานรแขนเดียวที่มีอายุมากกว่าหลินซวนเกือบห้าพันปีแล้ว.
อย่างไรก็ตาม ราชาวานรแขนเดียวไม่กล้าที่จะไม่เคารพต่ออีกฝ่ายเลย และยังปฏิบัติกับเขาเหมือนกับคนรุ่นก่อนด้วยซ้ำ.
เขารู้ว่าชายผิวขาวใบหน้าหยกสลักนี้สามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย.
เพียงแค่ลมหายใจเดียวก็เคลื่อนที่หลายร้อยลี้มาขวางทางเขาได้แล้ว.
บุคคลที่น่าเกรงขามเช่นนี้ต่อให้ใช้เวลาอีกครึ่งชีวิตก็ไม่อาจไล่ตามอีกฝ่ายได้ทัน.
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหัวลง!
หลินซวน ยิ้มอย่างเย็นชา: "เมื่อเจ้าสังหารผู้คน เจ้าเคยได้ยินพวกเขาเอ่ยขอโทษว่า ไม่ได้ตั้งใจหรือไม่?”
เขาที่ปล่อยกลิ่นอายขอบเขตจักรพรรดิออกมา พลังอำนาจที่น่าพรั่นพรึงยิ่งใหญ่ก็กดทับลงไปยังร่างของราชาวานรแขนเดียวทันที.
ด้วยพลังปราณแท้จริง หลินซวนที่ยกฝ่ามือขึ้นพร้อมกับสะบัดตบออกไป.
ปัง!
พลังแห่งความเกรี้ยวกราดที่สามารถฉีกหน้าอกของราชาวานรได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหวใด ๆ มันเจาะหน้าอกด้านหน้าทะลวงไปยังด้านหลังของอีกฝ่ายทันที.
ราชาวานรที่กรีดร้องเสียงดัง ก่อนที่จะล้มลงบนพื้น.
มันรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด ทำไมไม่มองรอบ ๆ ให้ดีก่อนลงมือ.
ความเสียใจจวบจนถึงลมหายใจสุดท้าย ไม่ควรเลย,ไม่ควรรุกรานผู้แข็งแกร่งเช่นนี้.
จากนั้น หลินซวนที่ก้าวไปด้านหน้า ค้นไปทั่วร่างราชาวานรแขนเดียว และนำแกนอสูรของอีกฝ่ายออกมา.
สำหรับมนุษย์อสูร มีไม่นากนักที่สามารถรวบรวมแก่นอสูรขึ้นมาได้.
หลินซวนรู้สึกว่าแก่นอสูรของราชาวานรแขนเดียวนั้นมีบางอย่างที่จะช่วยให้เขาเข้าใจวิธีการจัดการกับกลุ่มอสูรได้ดียิ่งขึ้น.
จากนั้นเขาก็กลับมายังราชรถหยก หลินซวนเก็บกระบี่หยวนซีทั้งสี่สำเร็จและปล่อยให้วิหคปีกฟ้าค่อย ๆ ร่อนลงบนพื้น.
ขณะที่ทุกคนเห็นบุรุษที่สง่างามพร้อมกับ เด็กหญิงตัวน้อยห้าคนที่ก้าวออกมาจากราชรถหยก ทุกคนต่างก็จ้องมองไปเป็นสายตาเดียวกัน.
เสวียนจู,เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู มีลักษณะเหมือนกัน ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าพวกนางคือแฝดสี่.
เมื่อรวมกับราชรถปีกฟ้าที่อยู่ด้านหลังหลินซวน พวกเขาก็พอจะคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้ในทันที.
ในเวลานั้นผู้คนทั้งหมดที่เชิงเขาที่เอ่ยพูดคุยเสียงดังอื้ออึงโขมงโฉงเฉง
"สวรรค์ ปรากฎว่าชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้คือจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน!"
"ตี้ฟู่ช่างน่าประทับใจจริง ๆ!"
“หากท่าทางของเจ้าสามารถเป็นได้เพียงแค่หนึ่งในร้อยของตี้ฟู่ เกรงว่าชาตินี้ของเจ้าก็เกิดมาโดยไม่เสียใจแล้ว!”
ในขณะนี้ หลู่ฉางเซิ่ง เสี่ยวหวู่เหริน และคนอื่น ๆ ต่างก็เผยความชื่นชมและตื่นตะลึงอย่างแท้จริง.
แม้แต่หลายคนก็ยังคิดว่าการได้เห็นจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนในวันนี้คุ้มค่ากว่าการได้รับตัวอ่อนกระบี่หยวนซีซะอีก.
โดยไม่ได้สนใจผู้คนที่พูดคุยกันรอบ ๆ หลินซวนที่พาเด็ก ๆ ก้าวออกไป หาถังเฉิงเจียนในฝูงชน ซึ่งผู้คนรอบ ๆ ที่เอ่ยทักทายด้วยความเคารพ“คารวะตี้ฟู่!”
หลินซวนพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับปล่อยให้ถังหยิงกลับไปหาถังเฉิงเจียน.
เด็ก ๆ ต่างก็รู้ว่าเวลาแห่งการจากลาได้มาถึงแล้ว พวกเสวียนจู่และถังหยิงต่างก็รู้สึกไม่ค่อยเต็มใจต้องการจากกันเท่าใดนัก.
“พี่สาวเสวียนจู่ พี่สาวเสวียนซี พี่สาวเสวียนหาน พี่สาวเสวียนหยู ท่านกำลังไปแล้ว ข้าเสียใจมาก!” ถังหยิงเริ่มเอ่ยสะอื้นอีกครั้ง
“เราก็ไม่ต้องการจากไปเช่นกัน!”
เด็กหญิงทั้งสี่ขมวดคิ้วและทำหน้ามุ่ย
หลินซวนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของบุตรสาวทั้งสี่ ทีละคน เอ่ยปลอบใจพวกนาง: "คราวหน้าพวกเราจะลงมาเล่นกันที่นี่อีก"
"จริงหรือ?" ถังหยิงดูประหลาดใจ "แล้วในวันเกิดของข้า พี่สาวจะมากันทั้งหมดเลยไหม?"
“แน่นอนอยู่แล้ว!” เสวียนจู่และคนอื่น ๆ ที่เอ่ยกล่าวตอบรับพร้อมกับพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า.
เมื่อเห็นว่าถังหยิงยังไม่อยากจะเชื่อ เสวียนซีจึงยื่นนิ้วก้อยออกไป: "พวกเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน"
เสวียนจู เผยยิ้มและเอ่ยออกมาว่า: "พวกเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากันเถอะ!"
เสวียนหาน และ เสวียนหยู พยักหน้าอย่างเร่งรีบ: "ตกลง!"
จากนั้น เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่ก็เหยียดนิ้วก้อยของพวกนางออกไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของถังหยิง
“เกี่ยวก้อยตะขอจะไม่เปลี่ยนแปลงร้อยปี!”
เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดูน่ารักมาก หัวใจของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ หัวใจแทบละลายไปชั่วขณะหนึ่ง และพวกเขาก็แทบจะลืมเรื่องตัวอ่อนกระบี่หยวนซีไปเลย.
หลายต่อหลายคนที่เผยท่าทางอิจฉาหลินซวนเป็นอย่างมาก.
ไม่เพียงแค่หล่อเหลาสง่างามคู่ควร เหมาะสมกับสตรีที่งดงามเช่นจักรพรรดินิเสวียนปิง และยังมีบุตรสาวที่งดงามเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
นี่คือผู้ชนะในชีวิตโดยแท้จริง!
เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้ทำข้อตกลงกัน เกี่ยวกับการมาวันเกิดของถังหยิงโดยไม่ได้ตั้งใจสำเร็จ หลินซวนก็นำบุตรสาวทั้งสี่คนขึ้นราชรถหยกบินออกไปภายใต้สายตาของทุกคน.