บทที่ 49: วาสนาสำหรับบุตรสาว!
ตัวอ่อนกระบี่ทั้งสี่ที่ปรากฏขึ้น ปรากฏเป็นรูปของกระบี่สีเงินทองหมุนวนอยู่บนอากาศ.
กำเนิดค่ายกลกระบี่ขึ้น เวลานั้นอักขระกระบี่โบราณลึกลับมากมายนับไม่ถ้วนที่หมุนวนแพร่กระจายออกไปรอบ ๆ.
พลังดึงดูดที่แข็งแกร่งทรงพลังไม่มีใครเทียบได้ กระจายออกไปรอบ ๆ ราวกับสนามพลังแม่เหล็ก.
เพียงแค่อึดใจเดียว ค่ายกลกระบี่ที่ขยายออกไปหลายร้อยเท่า.
พลังดึงดูดที่ทรงพลังน่ากลัวปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง.
ในขณะนี้ วิญญาณกระบี่ 100,000 เล่มบนภูเขาวิญญาณกระบี่ทั้งหมดส่งเสียงหวีดหวิว เริ่มไม่เสถียรแล้ว
เวลาเดียวกันกระบี่อยู่ในมือของยอดฝีมือเองก็เริ่มส่งเสียงหึ่ง ๆ ออกมาเช่นกัน.
ฉากดังกล่าว ทำให้ผู้คนหลายพันคนตื่นตะลึง!อย่างแท้จริง
"เกิดอะไรขึ้น?"
“ทำไมกระบี่ของข้า ถึงไม่ฟังคำสั่งข้าเลย”
"แย่แล้ว!"
แม้แต่กระบี่ยาวของหลู่ฉางเซิ่งที่ถืออยู่และกระบี่วิเศษที่เสี่ยวหวู่เหรินซ่อนอยู่ในร่างกายเองก็เริ่มดิ้นรนกระสับกระส่าย
ฟู่ ฟู่ ฟู่!
ไม่รอให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์
วิญญาณกระบี่ทั้งหมดบนภูเขาวิญญาณกระบี่พุ่งขึ้นไปในอากาศ และถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างบ้าคลั่งด้วยค่ายกลกระบี่บนท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกัน กระบี่ทั้งหมดบนร่างของมือกระบี่ทั้งหมดไม่สามารถหยุดได้แล้ว พวกมันทั้งหมดก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“โอ้ว! กระบี่ที่ข้ารอคอย กำลังกลืนกลุ่มกระบี่หายไปแล้ว!”
“กระบี่หยวนซี เมื่อมันเกิดขึ้นมา มันจะกลืนกินวิญญาณกระบี่ทุกเล่มรอบ ๆ ไปทั้งหมด แย่แล้ว!”
ในเวลานี้แทบทุกคนก็บอกได้ว่ากระบี่แม่เหล็กหยวนซี เป็นกระบี่ที่อันธพาลมาก.
กระบี่ธาตุแม่เหล็กที่มีอำนาจดึงดูดวิญญาณกระบี่ทั้งหมดได้.
เวลานี้ยังไม่ได้ครอบครอบกระบี่หยวนซีเลย แต่พวกเขาได้สูญเสียกระบี่ประจำตัวไปแล้ว.
เหล่ามือกระบี่ทั้งหมดถึงกับพูดไม่ออกและหงุดหงิดเป็นอย่างมาก.
กระทั่งหลู่ฉางเซิงและเสี่ยวหวู่เหรินก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าตื่นตะลึง!
ผงะไปชั่วขณะหนึ่ง
หลู่ฉางเซิ่งเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ค่ายกลกระบี่ที่ใหญ่ยักษ์มันเริ่มขยายขึ้นเรื่อย ๆ บนท้องฟ้า ดวงตาของเขาเป็นประกาย:
“กระบี่แม่เหล็กกลืนวิญญาณกระบี่ไปมากมาย มันต้องมีพลังมากยิ่งกว่านี้แน่”
“หากข้าได้รับมันมา จะต้องยกระดับพลังขึ้นไปกี่เท่ากัน?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ในไม่ช้า เขาก็ระเบิดเจตนากระบี่ที่ไร้ขอบเขต กลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าหาค่ายกลกระบี่
บูม!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาสัมผัสค่ายกลกระบี่ พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็กระแทกเข้ากับหลู่ฉางเซิ่งอย่างรุนแรง ราวกับจะกลืนเจตนากระบี่ทั้งหมดของเขาไป
หลู่ฉางเซิงรู้สึกเพียงเสียงหึ่ง ๆ ในหัวของเขา จากนั้นดวงตาของเขาก็มืดลง ก่อนที่จะล่วงหล่นตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว.
ร่างกายของเขาที่สั่นไปมาเล็กน้อย ได้แต่มองค่ายกลกระบี่ด้วยความไม่เต็มใจ.
“ให้ตายเถอะ ค่ายกลกระบี่นี้แข็งแกร่งเกินไป ข้าเกรงว่าแม้แต่ปรมาจารย์กระบี่ก็คงยากที่จะทำอะไรมันได้!”
บูม!
มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
เสี่ยวหวู่เหรินต้องการโจมตีค่ายกลกระบี่เช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่ากระเด็นออกไปตั้งแต่ตอนใหน.
เขาเช็ดโลหิตที่มุมปาก เสี่ยวหวู่เหรินกำหมัดแน่นและตะโกนออกมาว่า“ให้ตายเถอะ! อะไรวะเนี่ย!”
เขาสูญเสียกระบี่วิเศษของตัวเองไป ก็เกินพอแล้ว ตอนนี้ยังไม่แม้แต่สัมผัสได้ถึงขอบเขตค่ายกลกระบี่ได้เลย.
สำหรับมือกระบี่เช่นพวกเขา นี่เป็นการข่มเหงกันอย่างยิ่ง.
"ฟู่!"
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เวลานี้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว.
กระบี่หยวนซีทรงพลังสมกับเป็นสมบัติชั้นยอดจริง ๆ.
ทว่ามันกับเป็นของวิเศษที่ยากจะกำราบได้ แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และปิศาจกระบี่น้อยก็ไม่อาจกำราบมันได้.
เป็นไปได้ว่านี่คือตัวอ่อนกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ของดินแดนรกร้างตะวันออก.
ท่ามกลางฝูงชน มีเพียงเหวินหยวนซ่งเท่านั้นที่แสดงรอยยิ้มเล็กน้อย
“เป็นไปได้ว่า การที่ตี้ฟู่ไม่รีบเร่งนั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่า จะไม่มีใครสามารถพิชิตกระบี่หยวนซีได้อย่างแน่นอน.”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เหวินหยวนซ่งก็ชื่นชมกลยุทธ์ของหลินซวนเป็นอย่างมาก
ในอากาศที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้
หลินซวน พาบุตรสาวสี่คนและถังหยิงนั่งอยู่บนราชรถวิหคปีกฟ้า.
“เสด็จพ่อ นั่นคือตัวอ่อนกระบี่แต่กำเนิดที่ท่านเอ่ยถึงใช่ไหม?”
เสวียนจู่และน้องสาว มองไปที่ค่ายกลกระบี่ที่ส่องประกายแสงวับวาวที่ด้านหน้า ด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก.
ระหว่างทาง หลินซวนได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้กับพวกนางฟังเกี่ยวกับความรู้ของตัวอ่อนกระบี่หยวนซี.
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ต่างแสดงความคาดหวังว่าพวกนางจะได้รับกระบี่แม่เหล็กหยวนซีเป็นอย่างมาก.
ในเวลาเดียวกันยิ่งเห็นค่ายกลของกระบี่หยวนซีขนาดใหญ่ยิ่งทำให้พวกนางอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้น.
“ถูกต้อง”หลินซวนเผยยิ้มเล็กน้อย“ดูเหมือนว่ามันจะก่อรูปกำเนิดเป็นสี่เล่ม พวกเจ้าจะได้รับคนละเล่ม!”
ตามบันทึกในตำราสวรรค์เสวียนเจี่ย
เหตุผลของเจ้าสำนักเทพประดิษฐ์ทำการสะกดกระบี่หยวนซีเอาไว้นั้น เพราะพวกเขาพบว่ามันจิตวิญญาณอาวุธมีสติเป็นของตัวเอง.
นอกจากนี้พวกมันยังสามารถเติบโตและพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
หลินซวน คิดว่าบางทีปรมาจารย์นิกายเทพประดิษฐ์คงไม่คาดคิดเช่นกันว่า ตัวอ่อนกระบี่ในวันนั้นจะดูดซับกลิ่นอายสวรรค์และปฐพีจำนวนมากจนทำให้กำเนิดเป็นตัวอ่อนกระบี่เพิ่มขึ้นมาอีกสามเล่ม.
กระบี่หยวนซีแต่ละเล่มนั้นล้วนแต่มีจิตวิญญาณกระบี่เป็นของตัวเอง.
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่น ๆ นำมันไป พวกมันจึงได้สร้างค่ายกลกระบี่ขนาดใหญ่ แม้แต่ปล้นชิงกระบี่ของเหล่ามือกระบี่ทั้งหมดไป.
เรื่องดังกล่าว เจ้านิกายเทพประดิษฐ์เองก็ไม่ได้คาดเอาไว้เช่นกัน.
ในมุมมองของ หลินซวน นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับบุตรสาวทั้งสี่คน
ค่ายกลกระบี่หยวนซีเป็นค่ายกลที่หายาก ไม่สามารถทะลวงได้อย่างง่าย ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย.
แต่สำหรับหลินซวนที่มีความรู้ค่ายกลสิบทิศ เป็นอะไรที่ง่ายดายมาก.
เดิมทีหากกระบี่หยวนซีมีเล่มเดียว หลินซวนคงไม่สนใจมากนัก.
ตอนนี้มันพัฒนาเป็นสี่เล่มแล้ว และกลายเป็นโอกาสสำหรับบุตรสาวของเขาจริง ๆ.
หลินซวน จะไม่พลาดสิ่งดี ๆ เช่นนี้อย่างแน่นอน
“แต่พวกมันดูร้ายกาจมาก พวกเราจะได้มันมาได้อย่างไร” เสวียนจู่ดูกังวล
เสวียนซี, เสวียนหาน และ เสวียนหยู ต่างก็พยักหน้าเช่นกัน
หลินซวนมองพวกนางที่เผยท่าทางงงงวย "พ่อจะทำให้มันมาหาพวกเจ้าทุกคนอย่างเชื่อฟัง"
เด็กหญิงทั้งสี่หัวเราะออกมาทันที
ใช่,ไม่ว่าจะปัญหาอะไร เสด็จพ่อก็สามารถแก้ไขได้!
จากนั้น หลินซวนที่กระตุ้นสร้อยอาคมที่ข้อมือ พริบตาเดียว เขาก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปอยู่เหนือภูเขาวิญญาณกระบี่แล้ว.
ด้วยความรู้เกี่ยวกับกระบี่หยวนซี เขาจึงรู้วิธีทำลายค่ายกล ในเวลานั้นเขาที่วาดมือสร้างผนึกขึ้นมา ก่อนที่จะโยนมันเข้าไปในค่ายกลกระบี่หยวนซีทันที.
ซูมมมม !
แสงสีทองที่สว่างจ้า ส่องสว่างออกไปรอบ ๆ ราวกับดวงตะวันสีทองปรากฏขึ้นบนท้องฟ้ายอดเขาวิญญาณกระบี่.
ผู้คนหลายหมื่นคนเงยหน้าเฝ้าดูด้วยความตกใจ เมื่อเห็นผนึกพุ่งกระทบเข้ากับค่ายกลกระบี่หยวนซี.
ปัง!
จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ค่ายกลหยวนซีก็สลายตัวทันที และกลิ่นอายกระบี่ที่รุนแรงได้แผ่ปะทุออกมาราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก.
หลังจากนั้นไม่นาน ตัวอ่อนกระบี่ที่สง่งงามก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า.
ภาพฉากที่ปรากฏขึ้นนี้ทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงงงงันไปตาม ๆ กัน.
หลังจากที่ได้สติพวกเขาก็พบว่าบนท้องฟ้านั้นมีราชรถวิหคปีกฟ้าลอยอยู่.
"นั่นมันราชรถหยกของราชวงศ์เป่ยเสวียนเทียน!"
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าสามารถทำลายค่ายกลกระบี่ได้อย่างง่ายดาย นี่คือพลังของคนจากดินแดนอมตะเก้าสวรรค์นี่เอง!”
“สามารถทำลายค่ายกลกระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ช่างน่าเกรงขามนัก!”
แม้นว่าจะยังไม่เห็นหลินซวนชัดเจน ทว่าทุกคนที่อยู่ข้างล่างต่างก็เผยความชื่นชนอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว.
มากไปกว่านั้น.
หลู่ฉางเซิ่งและเสี่ยวหวู่เหริน ผู้เย่อหยิ่งอหังการ เวลานี้ก็เผยความเคารพและชื่นชมอีกฝ่ายเช่นกัน ขณะเงยหน้าขึ้นมองราชรถหยกบนท้องฟ้า.
“หากในอนาคต สามารถก้าวไปได้สูงเทียบเท่ากับคนในราชหยกได้ ก็คุ้มค่าของการมีชีวิตแล้ว!”
ทั้งสองลอบคิดอย่างเงียบ ๆ