บทที่ 38 การต่อสู้ในรอบชิง (1)
ปุงงงงงงงงงๆๆๆๆ
เสียงทะลวงขั้น 5 รอบติดดังขึ้นในนาวานภาของราชวงศ์เจียง
“ฟู่วววววว สุดยอดเลยพืชของเซียนพิษสวรรค์ขนาดระดับต่ำสุดยังให้ปราณมากมายขนาดนี้แถมยังอันตรายมากๆด้วย”ในสวนของเซียนพิษสวรรค์นั้นมีพืชมีชีวิตเต็มไปหมดแต่ละตัวนั้นสามารถให้ปราณที่บริสุทธิ์กับคนที่ดูดซับมันเข้าไปได้ แต่ต้องกำราบมันก่อนเท่านั้นถึงจะดูดซับได้
ตัวที่หวังเล่อเฉิงดูดซับมานั้นเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุดเลยก็ว่าได้มันเพิ่วเกิดมาได้ไม่นานระดับพลังของมันอยู่ที่ระดับก่อตันเถียนขั้นที่ 1 ส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมันอยู่ในระดับกำเนิดวิถีเต๋าเลยทีเดียว
“แต่ข้าคงไม่ไปดูดซับมันบ่อยๆหรอก ปราณของมันถึงจะบริสุทธิ์และเยอะก็จริงแต่มันเป็นพืชของเซียนถ้าดูดซับมันอย่างนี้ไปเรื่อยๆละก็เราจะโดนกฎของจักรวาลห้ามไม่ให้ไปขอบเขตเซียนได้”เพราะในปราณที่บริสุทธิ์นั้นมันมีปราณเซียนแฝงอยู่หากดูดซับไปเยอะฟเข้าปราณเซียนจะเข้ามาปั่นปวนลมปราณแล้วเปลี่ยนมันให้เป็นปราณโกลาหลทำให้ไม่สามารถบรรลุขอบเขตเซียนได้
“ตอนนี้เหลือเวลาอีก 1 วัน ข้าอยู่ขั้นที่ 9 แล้วด้วยต้องปรับสภาพลังที่ข้ามขั้นมาเยอะเกินไปให้สมบูรณ์ไม่งั้นอาจโดนปราณตีกลับทำให้บาดเจ็บได้”หวังเล่อเฉิงคงจะต้องอยู่ขั้นนี้เพิ่มขึ้นไปอีกอาจจะเป็นปีเลยก็ได้เพราะเส้นลมปราณกลืนกินของเขาตอนนี้ฝืนดูดเสี้ยวปราณเซียนเข้าไปทำให้มันดูดซับปราณเยอะมากไม่ได้เป็นเวลาสองเดือน
หวังเล่อเฉิงนั่งปรับสภาพลมปราณไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านพ้นไปหนึ่งวัน ใกล้เวลาที่จะประลองกับเซียงเฟิงแล้ว
“ได้เวลาตัดสินแล้ว”หวังเล่อเฉิงยืนขึ้นมาแล้วเดินเปิดประตูห้องออกไปเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลองในรอบชิงนี้แล้ว
“อีก 1 เค่อ จะเริ่มการประลองรอบชิงแล้วขอให้ผู้เข้าแข่งขันมารอที่สนามประลอง”เสียงประกาศของเจ้าเมืองดังขึ้นทั่วทั้งเมือง
หวังเล่อเฉิงตอนนี้นั้นมารอที่สนามประลองนานแล้วเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้
“ท่านพี่ ข้าขอแค่ท่านปลอดภัยไม่ต้องชนะก็ได้นะเจ้าคะ”เจียงอี้เฟยกล่าวกับหวังเล่อเฉิงอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องกังวลข้าต้องชนะมันอย่างแน่นอน”หวังเล่อเฉิงเอ่ยอย่างมั่นใจ
เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วเวลาก็ผ่านไป 1 เค่อพอดีหวังเล่อเฉิงและเซียงเฟิงมายืนพร้อมกันบนลานประลองแล้ว
“การประลองรอบชิงชนะเลิศ เริ่มได้!!!!”
หวังเล่อเฉิงใส่พลังเต็มที่ทันทีเขาหยิบกระบี่ระดับนภาออกมาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นดาบระดับสวรรค์ของเขามากนัก
“กระบี่เฉือนอสูร”หวังเล่อเฉิงคิดมาว่าควรใช้วิชาที่ส่งผลต่ออสูรจะได้เปรียบกว่า
“หึ เริ่มมาก็โจมตีข้าเลยรึไอ่ขยะเอ้ย ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าเจ้ามันไม่คู่ควรกับนาง”เซียงเฟิงเมื่อถูกโจมตีก็ไม่ได้ร้อนรนอะไรเขาเรียกอสูรทมิฬของเขาออกมาอีกครั้ง
ฉัวะ!!!!
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้ หวังเล่อเฉิงสามารถแทงทะลุเกราะเงาอสูรออกมาได้
“เป็นไปไม่ได้ กระบี่ระดับนภาเทียบเท่ากับกายาข้ามันจะไปทะลุได้ยังไง”เซียงเฟิงตกตะลึงกับพลังทะลุทะลวงในครั้งนีี้มาก
“ข้าแค่ใช้เจตจำนงเองอย่าบอกนะว่าเจ้าไม่มี”หวังเล่อเฉิงกล่าวพร้อมใช้กระบี่ของตนนั้นฟันไปเรื่อยๆจนรอบตัวของเซียงเฟิงมีบาดแผลออกมา
“ได้!!! เจ้าทำให้ข้าโกรธสำเร็จแล้ว เจ้าต้องตาย!!!”เซียงเฟิงกล่าวออกมาแล้วเร่งเร้าพลังของตนเองออกมา
ควันสีดำทมิฬลอยขึ้นมาคลุมร่างทั้งร่างของเซียงเฟิงเอาไว้พร้อมแผ่คลื่นความชั่วร้ายออกมา
‘เส้นลมปราณทมิฬสถิต ระดับสวรรค์เสียด้วยถ้าฆ่ามันมันมาแล้วให้เส้นลมปราณกลืนกินของข้าดูดซับเข้าไปมันจะเลื่อนไปถึงระดับสวรรค์ไหมนะ’หวังเล่อเฉิงคิดออกมาเมื่อรู้ว่าเส้นลมปราณของอีกฝ่ายคืออะไร
เส้นลมปราณกลืนกินนั้นสามารถดูดซับพลังงานด้านมืดได้ทุกชนิดเพื่อมาพัฒนาระดับของมัน
“อสูรทมิฬสถิตกายา!!”เซียงเฟิงตะโกนออกมาพร้อมเงาอสูรที่ปกติทำได้แค่ปกคลุมร่างกายแต่ตอนนี้มันเริ่มที่จะหลอมรวมเข้ากับร่างกายแล้ว
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังใช้วิชาที่ตนเองเข้าไปขัดก็ไม่มีประโยชน์จึงนำอาวุธประเภทต่างๆออกมาแล้วใส่พลังปราณธรรมชาติของตัวเองเพื่อควบคุมมันดั่งใจนึก
ดาบ หอก ทวน กริช แส้ และ ธนู ลอยออกมารอบๆตัวของหวังเล่อเฉิงพวกมันทั้งหมดเป็นอาวุธระดับนภาทั้งหมดด้วย ที่หวังเล่อเฉิงสามารถควบคุมอาวุธได้หลายชิ้นนั้นก็ต้องขอบคุณสมองเทพที่แบ่งประสาทออกมาใช้ในการควบคุมอาวุธแต่ละชิ้น
“ฮ่า ฮ่า ในร่างนี้ข้าไร้เทียมทาน”เซียงเฟิงเมื่อรวมเข้ากับอสูรทมิฬของมันแล้วนั้นก็เตรียมใช่วิชาใส่หวังเล่อเฉิง
“อสูรสังหารทลายปฐพี”ปรากฎฝ่ามืออสูรออกมาจากอากาศตรงหน้าพร้อมพุ่งตรงมายังหวังเล่อเฉิง
“กระบี่เพลิงตัดนภา”หวังเล่อเฉิงตสัดกระบี่ส่งคลื่นกระบี่ที่มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาปะทะเข้ากับฝ่ามือของอสูร
ตูมมมมมมมมมมมม
ทั้งสองวิชานั้นเสมอกัน ถึงหวังเล่อเฉิงจะป็นวิชาระดับนภาแต่ระดับพลังนั้นต่ำกว่าทำให้เสมอกัน
หวังเล่อเฉิงพุ่งเข้าไปในควันที่เกิดจากการปะทะของวิชาพร้อมปล่อยหมัดออกไป
“หมัดเพลิงปราบอสูร”หมัดที่ห่อหุ้มไปด้วยเพลิงพุ่งทยานเข้าไปหาเซียงเฟิงที่ยังอยู่ในควัน
“หึ หมัดอสูรกลืนประกาย”เซียงเฟิงง้างหมัดสวนกลับมาด้วยเช่นกัน
ตูมมมมมมมมม
ทั้งสองถอยกันไปคนละ 10 ก้าวแต่นั่นมันทำให้เซียงเฟิงตกตะลึงยิ่งกว่าเก่า
“เจ้ามีพลังกายเทียบเท่ากับข้าที่ฝึกวิชากายาทมิฬได้ยังไงกัน”
“ก็แค่กายาขยะเท่านั้นแหละ”หวังเล่อเฉิงไม่พูดอะไรสั่งให้หอกและทวนพุ่งเข้าไปโรมรันกับเซียงเฟิง
“ก็แค่อาวุธกระจอกๆแต่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”เซียวเฟิงใช้ดาบของตนที่เพิ่งหยิบขึ้นมาฟันศาสตราวุธทั้งสองแต่มันทำให้แค่กระเด็นออกมาเท่านั้น
ทางหวังเล่อเฉิงหลังจากที่ให้หอกและทวนไปรับหน้าแทนเขา เขาก็หยิบธนูมาจากข้างพร้อมปล่อยกระบี่ในมือออกไป
“ศรพิฆาตอสูร”หวังเล่อเฉิงใช้ปราณหอกของตนสร้างขึ้นเป็นลูกธนูขึ้นมาพร้อมใส่เจตจำนงหอกและธนูลงไป
ฟิ้ววววววววววว
หอกพุ่งออกไปใส่เซียงเฟิงที่กำลังโรมรันอยู่กับหอกและทวนอยู่
ฉึกกกกก
“อ๊ากกกกกกกกก”เซียงเฟิงโดนหอกปักเข้าข้างลำตัวอย่างจังทำให้ได้รับอาการบาดเจ็บแต่ไม่มากเท่าไหร่นักเพราะมีเกราะอสูรช่วยต้านเอาไว้
“ชิ อึดตายยากตายเย็นจริงๆ”หวังเล่อเฉิงพึมพำออกมาแล้วปล่อยธนูลอยออกไปและหยิบแส้ขึ้นมาแทน
“เพลิงพันธนาการ”หวังเล่อเฉิงเหวี่ยงแซ่ที่ทีเปลวเพลิงออกรัดเซียงเฟิงไว้
ตอนนี้เซียงเฟิงนั้นโกรธจนขาดสติทำให้เขาสามารถจับเอาไว้ได้ง่าย
“ดาบตัดนภาผ่าสวรรค์ ขั้นที่ 1 แยกนภา”หวังเล่อเฉิงใช้วิชาที่ได้มาจากเซียนดาบทันทีเพื่อหวังจบการต่อสู้นี้
ตูมมมมมมมมมมมม
การโจมตีครั้งนี้ทำให้สนามประลองสั่นสะเทือนและม่านพลังมีรอยร้าวเล็กน้อยเลยทีเดียว
“แก ต้อง ตายยยยย!!!”เสียงของเซียงเฟิงดังออกมาจากในกลุ่มควัน ตอนนี้สภาพของเขานั้นเรียกได้ว่ายับเยินเป็นอย่างมากถ้าสู้กันจริงแล้วนั้นหวังเล่อเฉิงอาจจะแพ้ก็ได้ถ้าเขาไม่มัวแต่ประมาทกวังเล่อเฉิงอย่างนั้น
“แกทำให้ข้าต้องใช้ไพ่ตายนี้ถึงแม้ข้าจะควบคุมได้แค่ 9 ใน 10 เท่านั้น แต่วันนี้แกต้องตาย!!!”เซียงเฟิงโกรธจนสติหลุดไปแล้ว เขาหยิบตราอสูรของสำนักอสูรทมิฬขึ้นมา
“จงออกมา อสรพิษเกล็ดทมิฬ!!!”เมื่อเอ่ยจบก็ได้มีอสรพิษตัวสีดำที่มีความสูงถึง 2 จั้งเลยทีเดียว
“แย่แล้ว ข้าไม่สามารถชนะเจ้างูยักษ์นี่ได้”หวังเล่อเฉิงเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอสรพิษตัวนี้ที่อยู่ในระดับที่ 4 ขั้นสูงมันปล่อยพลังออกมารุนแรงกว่าที่หวังเล่อเฉิงคาดเอาไว้จากสายเลือดมังกร