ตอนที่แล้วบทที่ 35 เจียงอี้เฟย ปะทะ หวังซิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 เพิ่มระดับพลังอย่างบ้าคลั่ง

บทที่ 36 พลังที่แท้จริงของเซียงเฟิง


“เจ้าไปพักก่อนเถอะอี้เฟย”หลังจากจบการประลองเจียงอี้เฟยนั้นใช้พลังไปทั้งหมดและยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย แต่เป็นแค่แผลถากๆเท่านั้น

“ท่านพี่ ข้าไม่เป็นไรหรอกโอสถที่ท่านให้มาแต่กินเข้าไปเม็ดสองเม็ดข้าก็หายแล้ว”เจียงอี้เฟยหยิบโอสถออกมาจากแหวนมิติแล้วกินเข้าไปสองเม็ด

แผลต่างๆค่อยๆผสานปิดตัวและลมปราณจากที่เหือดแห้งในตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมา 4 ใน 10 ส่วนแล้วโอสถฟื้นฟูร่างกายนั้นมีปราณธรรมชาติที่หวังเล่อเฉิงบีบอีกเข้าไปอยู่ทำให้สามารถรักษาบาดแผลได้รวดเร็วและยังกำจัดเจตจำนงต่างๆทิ้งไปด้วย

“ถึงคราวของข้าแล้วที่จะต้องขึ้นไปประลอง”

“ท่านต้องชนะอยู่แล้วเจ้าค่ะ อีกฝ่ายเป็นแค่ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 9 ธรรมดาๆ”เจียงอี้เฟยกล่าวอย่างมั่นใจ

“เจ้าก็รักษาตัวซะนะจะได้ไปแข่งรอบต่อไป”

“เจ้าค่ะ”

หวังเล่อเฉิงเดินขึ้นไปบนลานประลอง อีกฝ่ายก็เดินขึ้นมาแล้วเช่นกันเขาคือหมานกัวจากตระกูลหมานทำไมไม่รู้เหมือนกันหวังเล่อเฉิงรู้สึกว่าอีกฝ่ายอยากที่จะสังหารเขา เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยต้องมีเรื่องอะไรอยู่เบื่องหลังอย่างแน่นอน

หมานกัวมีรูปร่างที่ใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปร่างกายเขาดูใหญ่โตจนน่ากลัวมากสำหรับคนอื่นๆน่าจะเป็นเพราะเขาฝึกวิชากายาระดับสูงมาแน่ๆ

“การแข่งขันรอบที่ 2 คู่สองเริ่มได้!!!!”เมื่อผู้คุมการประลองเอ่ยจบทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้ขยับแต่อย่างใด

“เจ้าไม่คิดจะเข้ามารึ”หวังเล่อเฉิงเอ่ยออกไปเขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะสังหารเขา

“ข้ายอมแพ้”อีกฝ่ายกับเอ่ยยอมแพ้เอาซะงั้นแล้วเดินออกจากลานประลองไป

“ผู้ชนะ หวังเล่อเฉิง!!!”ตอนนี้หวังเล่อเฉิงกำลังเป็นที่จับตามองของผู้อาวุโสสำนักต่างๆด้วยเพราะเขานั้นมีทั้งกายาและเส้นลมปราณไร้ระดับ และ ยังมีเจตจำนงอีกมากมายด้วยทำให้ชายชราจากสำนักอสูรทมิฬได้สั่งเก็บเมื่อมีโอกาสแล้ว

โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังโดยหมายหัวอยู่นั้นบนห้องหรูที่นั่งคนดูที่มีสัญลักษณ์รูปอสูร6แขน6ตาตัวสีดำทมิฬ หรือก็คือสำนักอสูรทมิฬนั่นเอง

“เซียงเฟิงเป็นยังไงบ้าง”ชายกลางคนที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามออกมาเอ่ย

“ตอนนี้เขาทำพันธสัญญากับอสรพิษเกล็ดทมิฬได้ 9 ใน 10 ส่วนแล้วเส้นลมปราณและกายาของเขาเหมาะแก่การควบคุมอสูรทมิฬมาก”ชายชราที่เหยียดหยามหวังเล่อเฉิงเอ่ยออกมาอย่างเคารพกับชายกลางคนตรงหน้า

“ดีมากเขาคือเมล็ดพันธุ์ที่หายากในรอบหลายพันปีของทวีปนี้เราต้องดูแลเขาให้ดี”

“แล้วเรื่องของเจ้าหนุ่มนั่นเราจะทำยังไงดีขอรับ”

“เจ้าหนุ่มที่มีทั้งเส้นลมปราณ และ กายาเป็นไร้ระดับนะรึ ปล่อยมันไปก่อนมันมีคนจากสำนักเมฆครามคอยดูแลอยู่ ถึงสำนักนี้จะตกต่ำลงเพราะเจ้าสำนักรุ่นก่อนหายตัวไปแต่พวกเฒ่าที่เก็บตัวอยู่นั้นไม่สามารถดูถูกได้เลย”

“ขอรับข้าจะทำตามที่ท่าต้องการ”ชายชรากล่าวจบก็เดินออกจากห้องไป

“หึหึ ทวีปนี้ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสักที”ชายกลางคนมองออกไปทางทิศเหนือแล้วพึมพำออกมา

ในสนามประลองตอนนี้เป็นเจียงฉางเทียนกำลังสู้อยู่กับชิงไป๋เฟิงอยู่ทั้งสองนั้นสูสีเป็นอย่างมากเพราะเจียงฉางเทียนถึงจะมีพลังมากกว่าแต่เขานั้นใช้หมัดแต่ชิงไป๋เฟิงนั้นใช้ทวนที่มีระยะการโจมตีไกลกว่าจึงเกิดการดูเชิงกันและกันก่อนขึ้นมา

“ทวนมันน่ารำคาญจังโว้ยย…จะทำลายก็ไม่ได้เข้าใกล้ก็ไม่ได้ใช้ท่าโจมตีถึงตายก็ไม่ได้อีก”เจียงฉางเทียนนั้นมีวิชาที่ใช้ในสถานการณ์นี้มากมายแต่วิชาเหล่านั้นมันเป็นวิชาที่เอาถึงตายทั้งหมดเลยนะสิ

“งั้นใช้วิชาที่ทำให้มีโอกาสตายน้อยที่สุดก็แล้วกัน”เจียงฉางเทียนรวบรวมพลังปราณของตนเปลี่ยนเป็นธาตุทองแล้วหมุนเวียนลมปราณเก็บไว้อย่างลับๆไม่ให้อีกฝ่ายรู้

เคร้งงงง เคร้งงงงงง เคร้งง

หมัดที่เคลือบด้วยทองปะทะเข้ากับทวนต่อเนื่องมากยิ่งขึ้นทำให้อีกฝ่ายเริ่มที่จะเสียเปรียบเนื่องจากทวนนั้นควบคุมยากกว่าหมัดที่ควบคุมโดยตรง ทั้งคู่ปะทะกันอยู่สักครู่ก่อนที่เจียงฉางเทียนจะปล่อยหมัดงัดทวนขึ้นทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะ

“ตอนนี้แหละ หมัดทองคำถล่มขุนเขา!!!”หมัดที่เคลือบไปด้วยทองในตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดใหญ่เท่าบ้านได้เลยพุ่งตรงไปที่ชิงไป๋เฟิงโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้อีกฝ่ายโดนเข้าไปเต็มๆ

“อ๊ากกกกกกกกก!!”เนื่องจากเป็นวิชาสังหารจึงทำให้เกิดความเจ็บปวดสุดแสนจะพรรณนากับชิงไป๋เฟิง

“ข้าขอโทษด้วยข้าออมมือไม่ทัน”เจียงฉางเทียนเดินเข้าไปแล้วยัดโอสถฟื้นฟูร่างกายใส่ปากชิงไป๋เฟิงทำให้อาการบาดเจ็บทุเลาลงและพลังปราณธาตุทองที่เริ่มไหลเข้าไปกัดกินก็ถูกขับออกมา

“เห้อออออ…พลังข้ารุนแรงเกินไปอีกแล้ว”นับวันเจียงฉางเทียนยิ่งคล้ายกับนิสัยของหวังเล่อเฉิงเมื่อก่อนส่วนหวังเล่อเฉิงตั้งแต่ที่ได้รับสมองเทพมาเขาก็สุขุมและใจเย็นมากขึ้น

การประลองครั้งนี้มีพรรคพวกของหวังเล่อเฉิงผ่านเข้ามา 3 คนเลยทีเดียวอีกคนหนึ่งนั่นก็คือ เซียงเฟิงหรือองค์ชายราชวงศ์เซียงที่มีกายาระดับนภาและเส้นลมปราณระดับสวรรค์นั่นเอง

“การประลองรอบ 4 คนสุดท้ายมาจับฉลากได้”ครั้งผู้คุมเขาก็ทำเหมือนเดิมเอากล่องออกมาวาวและให้จับเองเอง

“ข้าได้หมายเลข 2”หวังเล่อเฉิงบอกกับคนอื่นๆ

“ซวยแล้วไง…ข้าตายแน่”เจียงฉางเทียนถึงกับคิดหนักเมื่อเห็นหมายเลขที่อยู่ในมือมันคือหมายเลข 2 หมายเลขเดียวกับหวังเล่อเฉิง ถ้าเขาได้หมายเลขเดียวกับเจียงอี้เฟยเขาอาจมีข้ออ้างยอมแพ้เนื่องจากเป็นพี่ชายได้แต่เมื่อเจอกับหวังเล่อเฉิงเขาต้องโดนอัดจนเละแน่ๆ

แต่หวังเล่อเฉิงนั้นไม่ได้สนใจเจียงฉางเทียนเขานั้นเป็นห่วงเจียงอี้เฟยมากกว่าที่ต้องมาเจอกับเซียงเฟิง

“เจ้าฟื้นฟูได้เต็มที่รึยัง”

“เจ้าค่ะ โอสถที่ท่านให้มามันใช้งานได้ดีมาก”

“เจ้าต้องระวังตัวดีๆละถ้าเกิดอะไรขึ้นก็รีบยอมแพ้ทันทีเลยนะ”

“เจ้าค่ะ ข้าจะจำคำของท่านไว้”

เจียงอี้เฟยและเซียงเฟิงเดินขึ้นไปบนลานประลองเพื่อเตรียมพร้อมสู้

“การประลองรอบ 4 คนสุดท้ายรอบแรกเริ่มได้!!!!”

เจียงอี้เฟยเตรียมตั้งรับการโจมตีของเซียงเฟิงแต่ผ่านไปสักพักเขาก็ไม่โจมตีเข้ามา

“ข้าอยากได้เจ้า จงมาเป็นของข้าซะ”เซียงเฟิงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าหื่นกามโดยไม่ปิดบังเลยสักนิด

“ข้ามีคนรักของข้าแล้วเจ้าไม่ต้องมายุ่ง”เจียงอี้เฟยรู้สึกโกรธอีกฝ่ายมากมันและทำให้หวังเล่อเฉิงโกรธขึ้นมาด้วย

“แต่ข้าแข็งแกร่งกว่ามัน ข้ามีคนหนุนหลังที่ทำให้เจ้าปฎิเสธข้าไม่ได้”เซียงเฟิงยังไม่ยอมหยุด

เหตุการณ์นี้มันทำให้คนรอบๆเริ่มสาปแช่งเซียงเฟิงที่จะไปแย่งคนรักของคนอื่น

“ไปบอกให้มันหยุดเดี๋ยวนี้ เรื่องของเราจะต้องเก็บเป็นความลับไว้ก่อนห้ามให้ใครรู้ไม่งั้นบอกมันไปว่าจะโดนลงโทษ”ชายกลางคนบนห้องของสำนักอสูรทมิฬกล่าวกับชายชรา

“ขอรับ”ชายชราส่งพลังจิตเข้าไปหาเซียงเฟิงทันที

“ชิ ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนละกันเจ้าต้องเป็นของข้าเท่านั้น”เซียงเฟิงกล่าวพร้อมเร้าพลังของตัวเองออกมาให้กลายเป็นอสูรสีดำอยู่ข้างหลัง

“ดูเหมือนการที่ข้าจะเล่นเจ้านี่มันไม่ง่ายจริงๆแล้วซิ”หวังเล่อเฉิงสัมผัสได้ว่าเซียงเฟิงนั้นสามารถสู้ข้ามขั้นได้ 4 ระดับด้วยพลังจากเส้นลมปราณและกายาที่สร้างอสูรทมิฬขึ้นมายังไม่รวมกับอสรพิษสายเลือดมังกรที่น่าจะเป็นอสูรระดับ 4 ขั้นสูงด้วย

ถ้าสู้กันตอนนี้หวังเล่อเฉิงแพ้แน่นอนแต่ยังดีที่รอบชิงมีเวลาให้ 3 วันก่อนจะเริ่มถึงมันจะไม่มีของรางวัลที่เขาสนใจแต่เขาอยากจะกระทืบคนที่จะมาแย่งเจียงอี้เฟยไปจากเขา ถ้าใช้โอสถทั้งหมดใน 3 วันเขาคงขึ้นขั้นที่ 7-8 ได้หรืออาจจะอยู่ขั้นที่ 9 เลยด้วยซ้ำแต่กว่าจะขึ้นขั้นสิบได้นั้นเขาอาจจะใช้เวลาถึงครึ่งปี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด