บทที่ 33 การประลองทดสอบความสามารถ (2)
เจียงอี้เฟย และ หวังซิน นั้นได้ขึ้นไปบนลานประลองเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าส่งสายตาล่วงเกินนางเพราะดูแล้วนางนั้นได้เข้าสำนักแน่ๆจึงเป็นการดีที่จะไม่ทำให้คนเช่นนี้ขุ่นเคือง
“การประลอง กลุ่มที่ 2 เริ่มได้!!!!”เมื่อผู้อาวุโสผู้คุมการทดสอบประกาศเริ่มคนทั้งหมดบนลานประลองก็เร่งเร้าพลังปราณออกมาเพื่อต่อสู้กับคนรอบตัว
“ต้องอย่างนี้สิการแข่งขันตะลุมบอนอย่างแท้จริง”เจียงฉางเทียนที่อยู่ข้างๆเอ่ยออกมา
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ อี้เฟยตอนนี้อยู่ที่ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 8 สามารถสู้ข้ามขั้นได้ 5 ขั้นไม่รวมศาสตราพิเศษ แต่การข้ามระดับต่อไปนั้นจะต้องใช้ 2 ขั้นในการต่อสู้ข้ามระดับ 1 ขั้น แสดงว่าตอนนี้อี้เฟยมีพลังการต่อสู้อยู่ที่ระดับก่อตันเถียนขั้นที่ 2 น่าจะชนะได้ง่ายๆ”
“แล้วข้าจะทะลวงระดับ 10 อย่างไรรึ”เมื่อทะลวงระดับ 10 ได้นั้นจะสามารถเพิ่มพรสวรรค์ได้ แต่มันก็ยากมากเช่นกัน
“เจ้าแค่เก็บสะสมพลังปราณให้มากพอทะลวงขั้นที่ 5 ในระดับต่อไป ระหว่างนั้นก็ข่มพลังไม่ให้ทะลวงขั้น ถ้าเจ้าข่มพลังจนมีพลังเท่ากับขั้นที่ 5 ในระดับต่อไปได้ก็ทะลวงได้เลยแต่ให้ใช้ปราณที่เกินมาไปเพิ่มในส่วนที่ต้องการของระดับเช่น ระดับก่อเสริมกายา ก็ต้องใช้ปราณไปเพิ่มกายา”
“งั้นแสดงว่าข้าต้องนำปราณที่เกินมาเพิ่มไปที่ลมปราณให้หนาแน่นและมากขึ้นสินะ”
“ใช่แล้วละ”
บนลานประลองตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึง 20 คนแล้ว เจียงอี้เฟย กับ หวังซินยังมีสภาพที่สมบูรณ์แต่คนอื่นนั้นบ้างก็บาดเจ็บ บ้างก็ลมปราณแห้งเหือด
เจียงอี้เฟยนั้นตั้งแต่ที่ได้รับกระบี่มาจากหวังเล่อเฉิงนางก็ตั้งใจฝึกฝนกระบี่มากจนบรรลุเจตจำนงระดับ 2 ทำให้นางแค่รำกระบี่ก็แตะส่งคนออกจากลานประลองได้แล้ว
“เขตแดนเพลิงเหมันต์”เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมารอบๆตัวของเจียงอี้เฟยเปลี่นาเป็นพื้นที่ที่มีเพลิงลุกโชน และ น้ำแข็งเกาะไปทั่วพื้น
แกร๊กกก แกร๊กกกกกกกก
น้ำแข็งเริ่มไล่เกาะไปที่ขาของแต่ละคนบนลายประลองยกเว้นหวังซิน
“เพลิงเผาผลาญโลกันต์”เพลิงที่อยู่รอบๆตอนนี้ได้มารวมกันที่มือของนางเกิดเป็นประกายเพลิงสีส้มอมฟ้าอันงดงามแล้วปล่อยออกไป
“อ๊ากกกกกกกก”เสียงกรีดร้องของแต่ละคนดังออกจากการโดนเปลวเพลิงเหมันต์เผาผไปทั้งตัว
“ยะ….ยอมแพ้”เมื่อมีคนกล่าวยอมแพ้ออกมาคนอื่นก็เริ่มกล่าวยอมแพ้ออกมาด้วยเช่นกัน
ตอนนี้คนจากตระกูลหวังเหลือ 3 คนเท่านั้น 2 คนนั้นอยู่กลุ่ม 1 ทำให้แพ้อย่างรวดเร็ว กลุ่ม 2 ก็มีเช่นกัน 1 คนและคนจากราชวงศ์ด้วย แต่เจียงอี้เฟยไม่สนใจใครทั้งสิ้นเพราะหวังเล่อเฉิงได้บอกกับนางไว้แล้วว่าไม่ต้องปราณี
การยอมแพ้เกิดขึ้นเรื่อยๆจนเหลือ 4 คนในที่สุด
“ทั้งหมดที่ยืนอยู่บนลานประลองผ่าน!!!!”
“ข้าเก่งไหมเจ้าคะ ท่านพี่”นางถามหวังเล่อเฉิงแล้วทำตัวเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆทำให้หวังเล่อเฉิงอดที่จะลูกหัวนางไม่ได้
“เก่งมากๆ เจ้าใช้กระบี่ได้ดีขึ้นมากเลยนิ”
“คิๆ ขอบคุณเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นหวังเล่อเฉิงลูบหัวเจียงอี้เฟยนั้นเสี่ยวจิ้งที่ทำตัวเป็นผ้าพันคออยู่นั้นก็รู้สึกที่จะอิจฉาไม่ได้
‘นายท่าน ข้าอยากให้นายท่านลูบหัวข้าด้วยเจ้าค่ะ’เสี่ยวจิ้งส่งเสียงผ่านจิตให้หวังเล่อเฉิง
‘ถ้าจบการทดสอบเข้าสำนักแล้วเจ้าอยากทำอะไรข้าจะให้เจ้าทำเลยตอนนี้ช่วยปลอมเป็นผ้าพันคอไปก่อนนะ’
‘เจ้าค่ะ ข้าจะตามที่ท่านกล่าว’
“กลุ่มที่ 3 เตรียมตัวประลอง”เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวังเล่อก็ออกไปบนลานประลอง
หวังเล่อเฉิงไม่ใช่ประเภทชอบปกปิดความสามารถด้วยแต่เขานั้นก็ไม่ได้แสดงความสามารถของตัวเองทั้งหมดไม่งั้นศัตรูรู้ข้อมูลเขาหมดแน่
“การประลองกลุ่มที่ 3 เริ่มได้!!!”
เมื่อเริ่มการประลองหวังเล่อเฉิงก็ปล่อยเจตจำนงที่มีทั้งหมดของตนเองออกมาบนอากาศ
“จะ….เจตจำนง 9 ชนิด”เหล่าคนที่ดูการประลองตื่นตะลึงกับเจตจำนงของหวังเล่อเฉิง
“ไป!!”หวังเล่อเฉิงสั่งให้เจตจำนงของตนเองพุ่งออกไปใส่คนทั้งหมดบนลานประลอง
อ๊ากกกกกกๆๆๆๆๆๆ
คนทั้งหมดบนลานประลองโดนเจคจำนงของหวังเล่อเฉิงจนลงไปกองบนพื้นเกือบทั้งหมดคนที่ยืนอยู่นั้นล้วนบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
หวังเล่อเฉิงมองไปยังคนที่เหลือรอดจากเจตจำนงของเขา บาดแผลแต่ละคนนั้นไม่สามารถรักษาได้ถ้าไม่ขับเศษเสี้ยวเจตจำนงออกมาก่อน หวังเล่อเฉิงเลือกคนที่ดูดีมีความสามารถไว้ 3 คนแล้วที่เหลือก็ปล่อยเจตจำนงกระบี่เข้าไปแทงทั้งหมด
ถึงหวังเล่อเฉิงจะมีเจตจำนงดาบระดับสูงกว่าอันอื่นแต่เขานั้นชอบกระบี่มากกว่า หวังเล่อเฉิงคิดที่จะปกปิดเจตจำนงมิติของตนเอาไว้เพื่อแผนในอนาคต
“ทั้งหมดที่ยืนอยู่บนลานประลอง ผ่าน!!!!”
“ท่านพี่แข็งแกร่งมากเจ้าค่ะ”อี้เฟยเป็นคนแรกที่วิ่งมาหาหวังเล่อเฉิง
“รอบต่อไปเราอาจจะได้สู้กันนะ ข้าไม่ออมมือให้เจ้าแน่”
“เจ้าค่ะ ข้าก็จะสู้กับท่านอย่างเต็มที่เช่นกัน”
“ฉางเทียนตานายแล้ว ถ้าแพ้ข้าจะไม่ให้โอสถเจ้าอีก”
“ห๊ะ!!!!!! เอาจริงดิ กลุ่มข้ามีขั้น 8 อยู่ด้วยถึงจะน้อยกว่าข้าขั้นนึงแต่ก็อันตรายอยู่นะ”
“ท่านพี่ฉางเทียน ถ้าท่านแพ้ข้าจะไม่เรียกท่านว่าพี่อีก”เจียงอี้เฟยยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มขี้เล่น
“เอาละ ข้าต้องชนะให้ได้!!”
เจียงฉางเทียนเดินขึ้นไปบนลานประลองครั้งนี้เขาจะใช้พลังทั้งหมด
“การประลองกลุ่มที่ 3 เริ่มได้!!!!”
ฉึกก
“อักกก…”เจียงฉางเทียนโดนดาบแทงเข้าที่กลางหลังทันทีหลังจากเริ่มการประลอง
“เฮ้ออออ…เจ้านั่นไปยืนอยู่กลางวงล้อมของศัตรูตั้งแต่เริ่มเลยแทนที่จะไปยืนไกลกลุ่มคน”หวังเล่อเฉิงเอ่ยอย่างหน่ายใจ
“อ๊ากกกกกก พวกลูกไก่ลูกกาทั้งหลายพวกแกบังอาจแทงข้าผู้นี้”เจียงฉางเทียนเร่งเร้าปราณจากเส้นลมปราณของตนออกมา
ผิวกายของเจียงฉางเทียนตอนนี้ถูกห่อหุ้มไปด้วยทองคำทั้งตัว
เคร้งงงงงง
“เกิดอะไรขึ้น!!”อีกคนที่คิดจะฟันเจียงฉางเทียนนั้นฟันเข้าไปที่แขนของเขาแต่กลับเหมือนฟันโดนเหล็กกล้า
ปักกกกก
“อ๊ากกกกกก”ชายที่ฟันเจียงฉางเทียนปลิวกระเด็นออกไปนอกลานประลอง
“ฮ่า ฮ่า วิชากายาทองคำของข้านั้นป้องกันได้แม้กระทั่งศาสตราวุธระดับปฐพี”วิชานี้เขานั้นได้มาจากหวังเล่อเฉิงที่เข้าไปในห้องสมุดของราชวงศ์แล้วสร้างมันขึ้นมา
ปักกกกๆๆๆๆๆๆ
เจียงฉางเทียนซัดหมัดต่อยทุกคนที่ขวางหน้าเพียงหมัดเดียวก็ร่วงหมดทุกคน
“เจ้านั่นคงเสียเวลามากเป็นแน่ ข้าต้องกำจัดคนที่อ่อนแอให้หมด”คนที่มีระดับก่อลมปราณขั้นที่ 8 ที่เห็นตอนต้นนั้นกำลังส่งคนออกจากสนามประลองไปเรื่อยๆ เจียงฉางเทียนก็ทำเช่นกันเพื่อจบการประลองให้เร็วที่สุด
“หมัดทองคำทลายปฐพี”เจียงฉางเทียนปล่อยหมัดออกไปฉีกกระชากอากาศออกพร้อมกับส่งคนที่อยู่ในรัศมีปลิวออกไปนอกลานประลองทั้งหมด
“ทั้งหมดที่อยู่บนลานประลอง ผ่าน!!!!”
“ห๊ะ!!!!??”เจียงฉางเทียนมองไปรอบๆเพราะคนนั้นหายไปหมดแล้วเหลือแค่ 4 คน
“พลังของเรารุนแรงขนาดนั้นเลยหรอ”เจียงฉางเทียนตกตะลึงกับความสามารถของตัวเองทั้งๆที่จริงๆแล้วนั้นมันเกิดจากการวมพลังของสามคนที่มีระดับก่อลมปราณขั้นที่แปดขึ้นไป