บทที่ 32 การประลองทดสอบความสามารถ (1)
การประลองนั้นจะเริ่มในอีก 1 ชั่วยามหวังเล่อเฉิงคิดว่าตนนั้นสามารถสู้กับระดับก่อตันเถียนขั้นที่ 3 ได้ถ้าใส่เต็มที่เพราะวิชากายาอมตะนั้นช่วยเสริมกายของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นมากแต่เจียงอี้เฟยนั้นสู้ข้ามระดับในแค่ 5 ขั้นเท่านั้นเขาจึงเป็นห่วงนางเขาจึงไปหานางที่รอเขาในห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อี้เฟยข้ากลับมาแล้ว”เมื่อได้ยินหวังเล่อเฉิงเรียกนางก็ออกมาเปิดประตูทันที
“ท่านให้ข้ามารอต้องการอะไรรึเจ้าคะ”
“เจ้ามีกระบี่ดีๆใช้แล้วรึยัง”
“ข้าใช้กระบี่ที่ท่านให้ข้ามาอยู่เจ้าค่ะ”
“มันเป็นกระบี่ระดับต่ำข้าเปลี่ยนให้เจ้าใหม่ดีกว่า”หวังเล่อเฉิงกล่าวพร้อมนำกระบี่ระดับนภาออกมาให้นาง
“ข้าไม่อยากเปลี่ยนเจ้าค่ะ”
“ทำไมงั้นรึ”
“มันเป็นกระบี่เล่มแรกของข้าและท่านเป็นคนให้มาด้วย ถ้าท่านจะให้กระบี่เล่มใหม่มาข้าก็จะรับไว้เจ้าค่ะแต่ข้าขอเก็บกระบี่เล่มนี้ไว้นะเจ้าคะ”เจียงอี้เฟยเอ่ยด้วยสายตาที่ออดอ้อนมันทำให้หวังเล่อเฉิงไม่อยากปฎิเสธ
“ได้สิ…นี่คือกระบี่ระดับนภามีชื่อว่า กระบี่แช่แข็งนภา”มันเป็นกระบี่สีฟ้าดังท้องนภาและแผ่ความเย็นออกมาจากตัวกระบี่มันมีรูปร่างที่เหมาะกับหญิงสาวมาก หวังเล่อเฉิงได้มาจากแหวนมิติของเซียนเหมันต์เยือกแข็ง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“เอาโอสถพวกนี้ไปด้วยเผื่อมันช่วยเจ้าได้”หวังเล่อเฉิงนำโอสถฟื้นฟูร่างกายแบบใหม่ที่เขาปรับปรุงขึ้นมันเป็นโอสถระดับ 3 แต่เป็นขั้นสูงสุดทั้งหมดช่วยรักษาร่างกายและฟื้นฟูลมปราณ
หวังเล่อเฉิงนำของทั้งหมดมาให้เจียงอี้เฟยเสร็จแล้วเขาก็กลับไปห้องของตนเพื่อที่จะหลอมโอสถระเบิดต่อ
“หึ หึ กฎการแข่งบอกแค่ว่าห้ามกินโอสถสนระหว่างการประลองนั่นแสดงว่าข้าสามารถโยนโอสถใส่อีกฝ่ายได้”หวังเล่อเฉิงหัวเราะในใจพร้อมกับคิดว่าตนนั้นชั่งชั่วร้ายยิ่ง
“ให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบมายังลานประลองภายใน 1 เค่อ”เสียงประกาศจากเจ้าเมืองดังขึ้น
ขณะนี้หวังเล่อเฉิงหลอมโอสถที่สามารถสร้างความวอดวายให้แก่คนอื่นแบบใหม่ได้แล้ว โดยการนำสมุนไพรเหลวที่ยังไม่ควบเป็นเม็ดโอสถมาใช้ในการโยนใส่อีกฝ่าย
เขานั้นเรียกสมุนไพรเหลวที่มีควันจากพลังสายเลือดเขาว่า กรดหายนะ มันสามารถละลายได้เกือบทุกสิ่งเขาทดลองมากับศาสตราวุธระดับนภาแล้วพบว่ามันสามารถกัดกร่อนได้แต่ถ้าจะทำให้มันสลายไปทั้งหมดก็ต้องใช้เยอะหน่อย ส่วนศาสตราวุธระดับสวรรค์ยังไม่สามารถสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วน
หวังเล่อเฉิงและพรรคพวกของเขานั้นผ่านรอบแรกทั้งหมด ทั้งหมดนั้นเดินมายังลานประลองเพื่อรอการจับฉลากสู้เป็นกลุ่ม
“ทุกคนรับโอสถไปชนิดละขวดเผื่อใช้ในยามคับขัน”หวังเล่อเฉิงให้โอสถฟื้นฟูร่างกายและโอสถระเบิดกับทุกคนมันเป็นระดับ 3 ทั้งหมด ตอนนี้หวังเล่อเฉิงใช้พลังสายเลือดได้แค่นี้โอสถระเบิดตอนนี้มันสามารถทำให้ระดับกำเนิดเสาค้ำปราณบาดเจ็บได้บ้างแล้ว
ในรอบที่ 2 นั้นจะเป็นการประลองแบบตะลุมบอนกันโดยการจับฉลาก จากคนที่มาทดสอบ 1247 ตอนนี้เหลือ 824 คนจัดทั้งหมด 8 กลุ่มให้สู้กันจนเหลือกลุ่มละ 4 คน
16 คนที่ผ่านเข้าไปในรอบต่อไปนั้นจะสามารถเลือกสำนักที่จะอยู่ได้ และเหล่าผู้อาวุโสจะหารุ่นเยาว์อีก 64 คนที่ดูมีฝีมือเข้าไปในสำนักตัวเองจากรอบที่ 2
เหตุผลที่ต้องจัดรอบที่ 3 ขึ้นมาทั้งๆที่ก็สามารถเข้าไปในสำนักได้อยู่แล้วก็เพราะสำนักต่างๆอยากเห็นพลังของรุ่นเยาว์ที่ต้องการเข้าร่วมสำนักของตนและมีรางวัลสำหรับคนที่ได้ 3 อันดับแรกด้วยซึ่งปีนี้ของรางวัลคือ
อันดับ 1 หินลมปราณระดับกลาง 10 ก้อน ศาสตราวุธระดับปฐพี 1 ชิ้น โอสถสร้างตันเถียน 1 เม็ด รากแก่นปฐพีระดับต่ำ
อันดับ 2 หินลมปราณระดับกลาง 5 ก้อน ศาสตราวุธระดับมนุษย์ 1 ชิ้น โอสถเสริมลมปราณ 3 เม็ด
อันดับ 3 หินลมปราณระดับต่ำ 1 ก้อน โอสถเสริมลมปราณ 1 เม็ด
ทั้งหมดนี้ของที่หวังเล่อเฉิงสนใจมีเพียงแค่รากแก่นปฐพีเท่านั้น และเป็นเรื่องน่าเสียดายที่หวังซวนอายุ 16 ปีแล้วทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าร่วมการทดสอบได้
ใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อเท่านั้นในการจับฉลากทั้งหมด หวังเล่อเฉิงนั้นอยู่กลุ่ม 3 เจียงอี้เฟยอยู่กลุ่ม 2 หวังซินอยู่กลุ่ม 2 เจียงฉางเทียนอยู่กลุ่ม 4
“อี้เฟยถ้าเกิดอันตรายก็ถอนตัวออกมาเลยนะไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เข้าสำนัก”หวังเล่อเฉิงลูบหัวแล้วกล่าวเตือนนาง ภาพที่เห็นนั้นมันทำให้เหล่าชายหนุ่มที่อยู่รอบๆเกิดความอิจฉา
“การประลองรอบที่ 1 เริ่มได้!!”
ในรอบที่ 1 มีองค์ชายจากราชวงศ์เซียงที่มีระดับก่อตันเถียนขั้นที่ 1 อยู่ด้วยและในกลุ่มนี้คนที่มีพลังสูงสุดนอกจากองค์ชายจากราชวงศ์เจียงนั้นมีระดับแค่ก่อลมปราณขั้นที่ 7 เท่านั้นและยังเป็นอัจฉริยะที่มีทั่วไปเท่านั้น
“พวกเรารุมมันก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน”คนหนึ่งในกลุ่มที่ 1 เอ่ยขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนกำจัดตัวปัญหาก่อน
องค์ชายราชวงศ์เซียงนั้นยังยืนนิ่งและใจเย็นอยู่เหมือนไม่เห็นพวกเขานั้นอยู่ในสายตา
แต่ละคนนั้นปล่อยพลังที่รุนแรงที่สุดของตนเองมาใส่ชายที่ยืนนิ่งอยู่
ตู้มมมมมมมมมมมม
เกิดควันขโมงขึ้นมารอบๆ มันเป็นควันที่เยอะกว่าปกติในการระเบิด
“อ๊ากกกกกกกก”เสียงร้องอันน่าเวทนาดังออกมาจากคนกลุ่มนั้น
ฉึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงคล้ายมีดปักทะลุเข้าไปข้างในเนื้อดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อควันหายไปก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่กับที่โดยที่ตามตัวไม่มีบาดแผลเลยสักนิด
แต่บนพื้นสนามประลองมีคนนอนอยู่ 39 คน นั่นทำให้คนอื่นๆเริ่มหวาดกลัวชายหนุ่มคนนั้น
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึเจ้าคะ”เจียงอี้เฟยนั้นเห็นเพียงแค่ควันเท่านั้นเมื่อส่งปราณเข้าไปตรวจสอบก็โดนทำลายทันทีจากบางคน
“ดูเหมือนไอ่ความรู้สึกแปลกๆของข้ามันจะเกี่ยวข้องกับพวกสำนักอสูรทมิฬนั่นสินะ”
“ทำไมหรือเจ้าคะ??”
“เจ้าองค์ชายนั่นมันจะต้องเข้าร่วมกับสำนักอสูรทมิฬแน่นอนเพราะแล้วข้าเห็นมันเรียกอสูรทมิฬออกมา เป็นสายเลือดมังกรเสียด้วย”หวังเล่อเฉิงนั้นเห็นทุกอย่างเพราะใช้พลังจิตตรวจสอบซึ่งแถวนี้คงไม่มีผู้ใช้อาคมสีน้ำเงินเป็นแน่ยกเว้นมารดาของตนที่เพิ่งมาถึง
การต่อสู้นั้นเหมือนการรังแกอยู่ฝ่ายเดียว ระดับก่อลมปราณธรรมดาๆนั้นเหมือนกับมดเมื่ออยู่ต่อหน้าระดับก่อตันเถียนที่สามารถสร้างปราณในร่างกายและใช้ออกมาได้โดยตรง ไม่ต้องดูดซับปราณมาก่อนแล้วโจมตีมันเสียเวลามาก
“พายุเพลิงทำลาย”องค์ชายจากราชวงศ์เซียงพึมพำออกมาแล้วปรากฎพายุหมุนที่มีเปลวเพลิงอยู่ในนั้นเผาคนที่อยู่บนลานประลองเกือบทั้งหมด
จนในที่สุดบนลานประลองก็เหลือ 4 คน มีคนตระกูลเซียง 3 ใน 4 ส่วนอีกคนนั้นรอดมาได้โดยตามตัวมีรอบไหม้
“ทั้งหมดที่ยืนอยู่บนลานประลอง ผ่าน!!”
เมื่อจบรอบแรกการประลองรอบสองก็เริ่มให้คนที่อยู่ในกลุ่มนี้ขึ้นไปบนลานประลอง
“ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”
“อืม อย่าฝืนมากละถ้าไม่ไหว แล้วยังมีหวังซินคอยช่วยอยู่ด้วยพวกเจ้าต้องเข้ารอบต่อไปได้แน่”
หวังเล่อเฉิงให้กำลังใจเสร็จทั้งสองก็ขึ้นไปบนลานประลองเพื่อต่อสู้ในรอบต่อไป