บทที่ 31 ผู้เชี่ยวชาญ (3)
บทที่ 31 ผู้เชี่ยวชาญ (3)
“ตกลงครับ ผมเข้าใจแล้ว ให้ปฏิเสธไปสินะครับ… หือ? เดี๋ยวก่อนนะ”
ซีอีโอชเวซองกุนหยุดชะงักไปกับคำตอบของคังวูจินแล้วกระซิบข้างหูเขา
"คุณคังวูจิน คุณจะให้บอกปฏิเสธเหรอครับ? ผมคงฟังผิดแน่ ๆ ใช่ไหม?"
เขาสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไหม หรือจะให้ปฏิเสธจริงๆ ? แต่เขาคงฟังผิดแน่ ๆ ทว่าคุณคังวูจินกลับดูมีใบหน้าเรียบเฉยมาก ไม่นะ? ซึ่งที่เขาฟังมามันไม่ผิดเลยสักคำเดียว คังวูจินพูดคำเดิมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเน้นย้ำ
"ขอให้ปฏิเสธไปด้วยครับ"
“···!!”
แวบหนึ่งนั้นเอง ดวงตาของซีอีโอชเวซองกุนหลังแว่นกรอบโลหะก็เบิกกว้าง คำตอบนั้นเหนือความคาดหมายเหลือเกิน แต่ตอนนี้คังวูจินกลับดูสงบมากอย่างยิ่ง แววตาของเขานิ่งเฉยมาก
"อ่า คือว่า..."
ซีอีโอชเวซองกุนตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อมองไปที่คังวูจิน แล้วทันใดนั้น เขาก็รู้สึกตัวขึ้นมา คนประหลาด ใช่เลย เหมือนกับที่ฮงฮเยยอนพูดไม่มีผิด คังวูจินเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้เลย ซีอีโอชเวซองกุนได้แต่ยิ้มกว้างให้หัวหน้าชเวโดมินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ฮ่าฮ่า คุณหัวหน้า ขอเวลาสักครู่นะครับ”
เขาโน้มตัวเข้าหาคังวูจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกระซิบอะไรบางอย่างอีกครั้ง
"ปฏิเสธเหรอครับ? แต่คุณอ่านเพียงไม่กี่ฉากจากบทภาพยนต์จริงไหมครับ? แต่เรื่องปฏิเสธนี่มันอะไรกันครับ?"
“ผมคิดว่าไม่ควรเข้าร่วมการการคัดเลือกนักแสดงครั้งนี้ครับ”
"ไม่เอาน่า ใจเย็น ๆ ก่อนสิครับคุณคังวูจิน"
"ผมใจเย็นแล้ว"
"ใจเย็น ๆ สิ ใจเย็นกว่านี้อีก นี่คุณเอาจริงเหรอครับ? คุณจะทิ้งโอกาสทองนี้ไปจริง ๆ เหรอ?? ทั้ง ๆ ที่หัวหน้าชเวโดมินกำลังผลักดันคุณขนาดนั้นเลยนะครับ?"
ซีอีโอชเวซองกุนพยายามโน้มน้าวคังวูจินอย่างสุดความสามารถ ไม่ให้ปฏิเสธบทบาทที่ได้รับการเสนอมา แต่คังวูจินแสดงท่าทีไม่สนใจและไม่เปลี่ยนใจเลย
"ครับ แต่ผมยังคงขอปฏิเสธอยู่ดี"
เขาแน่วแน่ สีหน้าไม่ใช่ของคนที่โน้มน้าวได้ง่าย ๆ เลย ไม่มีช่องว่างให้เจรจาต่อรองอีก ยิ่งมองดูคังวูจินก็ดูเลยว่าเขาดื้อรั้นสุด ๆ ซีอีโอชเวซองกุนถึงกับรู้สึกมึนไปชั่วขณะ แต่เขาก็พยายามควบคุมตัวเองไว้ให้มากที่สุด เพราะที่นี่ก็คือสำนักงานใหญ่ของบ็อกซ์มูฟวี่
การรักษาความสัมพันธ์ด้วยคำหวาน ๆ ไว้ก่อนย่อมดีกว่า
ดังนั้นซีอีโอชเวซองกุนจึง..
"อ่า คือว่าหัวหน้าชเวโดมินครับ ฮ่าฮ่า"
เขาเหลียวสายตามองจากคังวูจิน ไปหาหัวหน้าชเวโดมินที่นั่งอยู่ตรงข้าม เสียงหัวเราะแบบเก้อเขิน
"ครับ คือคุณคังวูจินบอกว่าบทภาพยนตร์ดีมากเลย"
"จริงเหรอครับ? ฮ่าฮ่า แน่นอนอยู่แล้วครับ เป็นผลงานของผู้กำกับวูฮยอนกู แต่ทำไมคุณซีอีโอถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ?"
ในขณะเดียวกัน ซีอีโอชเวซองกุนก็กระทุ้งที่ซีโครงของคังวูจินเบา ๆ ‘โอ๊ย อะไรเนี่ย? อ๋อ ให้ตอบรับตามน้ำไปสินะ?' คำตอบประมาณนั้นคงพอแล้วสินะ เพราะต่อให้จะปฏิเสธ เขาก็จำเป็นต้องพูดออกไปหน่อยเพื่อรักษาภาพลักษณ์ ในไม่ช้า คังวูจินจึงพยักหน้าอย่างใจเย็น
"ผมอยากจะอ่านบทภาพยนตร์ต่อครับ"
“ได้เลยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ว่าการให้บทภาพยนตร์คุณในตอนนี้มันจะไม่ค่อยดีนะครับ เพราะถ้าผู้เข้าร่วมคัดเลือกรู้จักผลงานมาก่อน มันจะดูเหมือนลำเอียงเกินไป”
ที่นี้เอง ซีอีโอชเวซองกุนก็เอ่ยขึ้นมา
“แน่นอนสิครับ มันคงปวดหัวน่าดูถ้าข่าวลือหลุดออกไปว่าเราลำเอียง”
เขาเริ่มพูดออกนอกเรื่องต่อ
“จะว่าไปผู้กำกับวูฮยอนกูเขาสุดยอดจริง ๆ ไม่เคยเห็นเขาพักเลยนะครับ เดี๋ยวเขาคงจะเริ่มงานใหม่เร็ว ๆ นี้ใช่ไหมครับ?”
“นิสัยผู้กำกับเป็นแบบนั้นแหละครับว่าไหม? เขาไม่ค่อยพักเลย ซีอีโอชเวชองกุน คุณเคยเจอกับเขาสองสามครั้งใช่ไหมครับ? เพราะทางคุณฮงฮเยยอน”
"ครับ แน่นอนอยู่แล้ว"
การประชุมครั้งนี้เต็มไปด้วยการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นเลย เหมือนแค่เพื่อฆ่าเวลา สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะการออกไปหลังจากอ่านบทภาพยนตร์เลยคงจะแปลก รวมถึงคังวูจินตอนนี้ได้กลายเป็นสมาชิกของบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์แล้วด้วย ซึ่งหลังจากพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ ประมาณ 30 นาที ซีอีโอชเวซองกุนก็พูดว่า
"อ่า ใช่ครับ เอ่อคือว่า... เราจะประสานงานเรื่องตารางและติดต่อคุณโดยเร็วที่สุดเลยนะครับ”
เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าคังวูจินก็ลุกขึ้นตาม จากนั้นหัวหน้าชเวโดมินก็เช่นกัน
“ผมต้องรออีกเหรอครับเนี่ย?”
“คือ มันเป็นเพราะเรื่อง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ และการเตรียมงานอื่น ๆ น่ะครับ ตารางงานค่อนข้างแน่นเลย ไว้ผมจะติดต่อคุณเอง ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”
“กรุณาติดต่อผมเร็ว ๆ นี้ได้ไหมครับ? ผมจะโดนผู้กำกับด่าจริง ๆ”
“แน่นอนครับ แล้วก็ขอบคุณมากนะครับที่สนใจ”
ซีอีโอชเวซองกุนและคังวูจินเดินออกจากห้องประชุมหลังจากบอกลากันสั้น ๆ จากนั้นก็เดินไปตามทางเดิน ตามด้วยลิฟต์ พวกเขากดปุ่มชั้นใต้ดินเป็นอันดับแรก
จนถึงตอนนี้ ทั้งสองคนยังเงียบ
“······”
“······”
ไม่มีการสนทนา มีเพียงบรรยากาศที่แปลกเล็กน้อย ทว่า…
ปึก
ทันทีที่พวกเขาขึ้นรถตู้ ซีอีโอชเวซองกุนก็พุ่งเข้าหาคังวูจินที่นั่งอยู่บนที่นั่งผู้โดยสาร เขาน่าจะเห็นว่าที่นี่ปลอดภัยแล้วกระมัง
"คุณคังวูจิน! ทำไมกันครับ?!! ทำไมคุณถึงอยากปฏิเสธ? มันต้องมีเหตุผลใช่ไหมครับ??”
โอ้โห ตกใจเลยแฮะ เหตุผลงั้นเหรอ? ก็มีอยู่นะ คังวูจินถอยใบหน้ากลับไปเล็กน้อยเพราะซีอีโอชเวซองกุนอยู่ใกล้มาก และตอบในใจ
‘ไอ้นั้นไง? ผลงานมันคือระดับ F ’
อันที่จริงคังวูจินแอบไปที่มิติว่างเปล่าในระหว่างการประชุมเมื่อสักครู่ และเขายืนยันด้วยตนเองแล้ว
- [3/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: การเจรจาต่อรอง), ระดับ F]
- [* นี่เป็นบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์อย่างมาก สามารถอ่านได้ 100%]
ผลงานชิ้นต่อไปของผู้กำกับวูฮยอนกูเป็นระดับ F ทันทีที่เขาเห็นคังวูจินก็ตกใจมาก นั่นมันระดับ F ใช่ไหม? คือถ้าเป็นระดับ E ยังพอรับได้นะ แต่ระดับ F นี่สิ?? ระดับ F เหมือนกับบทภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาเคยอ่าน มันอยู่อันดับต่ำสุด ทำให้คังวูจินจึงไม่อยากรับมันไว้เลย
‘ถ้ามันไม่ใช่ระดับ E แต่เป็นระดับ F ทำไมฉันต้องไปแสดงด้วยล่ะ? หนังเรื่องนี้มันแย่ขนาดไหนกันนะถึงได้ F มาเลยแบบนี้?’
หนังเรื่องนี้จะประสบความล้มเหลวทางด้านรายได้หรือเปล่า? หรือมีเหตุผลอื่น? มีตัวอย่างมากมายที่โปรเจคหนังจะล้มเหลวตั้งแต่ก่อนสร้างด้วยซ้ำ ทำให้คังวูจินรู้สึกสับสนเล็กน้อย
'แต่ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการกำกับที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่เหรอ? แต่มันก็ยังล้มเหลวด้วยระดับ F งั้นเหรอ? ทำไมนะ?'
แต่คิดไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ไร้ประโยชน์ เพราะภาพยนตร์เรื่อง "การเจรจาต่อรอง" ดูจะไร้ค่ามากในสายตาของคังวูจิน คนอื่นอาจมองเขาเป็นคังวูจิน เป็นนักแสดงที่ฝึกฝนตัวเองมานานนม แต่คังวูจินตัวจริงเพิ่งเป็นนักแสดงมาได้แค่เดือนเดียวเอง
ถ้าเป็นไปได้ เขาควรเข้าร่วมแค่โปรเจคที่มันประสบความสำเร็จน่าจะดีกว่าไหม?
‘เขาว่ากันว่า ถึงงานจะล้มเหลว แต่ขอเพียงมีคุณค่าทางศิลปะ มันก็ดีมากแล้ว แต่เรื่องนั้นไว้เดี๋ยวค่อยว่ากันหลังเขาดังแล้วกัน’
คังวูจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาบอกซีอีโอชเวซองกุน คนที่เบิกตากว้างอยู่บนเบาะคนขับไม่ได้ว่า ‘หนังเรื่องนี้ระดับ F นะ คุณไม่รู้เหรอ?’ ซึ่งทันใดนั้นเอง คังวูจินก็นึกคำพูดสามัญที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์ขึ้นมาได้ คำนั้นที่ทั้งดูน่าเชื่อถือและฟังดูจริงจัง
'เออ นั่นแหละคำพูดเด็ดของฉัน'
เป็นคำพูดที่เขาเคยใช้กับ PDซงมันวูมาก่อน
“แค่ความรู้สึกน่ะครับ สัญชาตญาณของผมมันบอกมา”
คังวูจินตอบกลับอย่างใจเย็น โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง นี่คือภาพลักษณ์ของคนที่ไร้ยางอายอย่างแท้จริง ซีอีโอชเวซองกุนดูยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม
“...อะไรนะ? ความรู้สึก? สัญชาตญาณ? คุณบอกว่าสัญชาตญาณเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“แสดงว่า คุณปฏิเสธผู้กำกับวูฮยอนกู แค่เพราะคุณรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ว่าผมปฏิเสธ แต่ผมแค่ไม่อยากแสดงเรื่องนี้ครับ”
“ก็ความหมายเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ?”
ซีอีโอชเวซองกุนถามกลับ มองไปที่ใบหน้าเฉยเมยของคังวูจิน มีแวววิตกกังวลเล็กน้อยอยู่ในดวงตาของเขา
“คุณคังวูจิน ตอนนี้คุณไม่มีอาการป่วยอะไรใช่ไหมครับ? อย่างเช่นปวดหัวรุนแรงหรืออะไรทำนองนั้น?”
“ผมสบายดีครับ”
“แล้วสัญชาตญาณที่คุณเพ้อเจ้ออยู่นี่มันคืออะไรครับ?”
“ผมพูดจริงครับ”
“ถ้ามันเป็นความจริง มันยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่เลย”
ท่ามกลางสถานการณ์นี้ คังวูจินยังคงมั่นคง ตอนนี้เขาจึงกล่าวออกไปความหนักแน่น
“ยังไงก็รบกวนปฏิเสธการคัดเลือกด้วยนะครับ”
“······”
ซีอีโอชเวซองกุนแทบจะพูดไม่ออกและเกือบจะด่าคังวูจินที่ไม่สะทกสะท้าน อีกฝ่ายเป็นคนบ้าที่เหลือเชื่อจริง ๆ
'นี่มันเกินกว่าอวดดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับฉันเนี่ย?'
ฮงฮเยยอนก็อีกคน แต่คังวูจินเหนือกว่าเสียอีก เขาเกินกว่าสามัญสำนึกไปไกลแล้ว ไม่สิ บอกมาว่าเป็นสัญชาตญาณเนี่ยนะ? เขาเป็นพวกบ้าประเภทไหนกัน?
สมองของซีอีโอชเวซองกุนมึนงงไปหมด
'ไม่ใช่แค่เอาแต่ใจตัวเอง... นี่มันเป็นไอ้บ้าโรคจิตชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือไง??!’
จากนี้ไปเขาต้องช่วยไอ้บ้านี่สินะ....
ช่วงบ่ายแก่ ๆ
หลังจากเดินทางมาถึงบริษัทบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์จากบ็อกซ์มูฟวี่ คังวูจินที่ออกจากบริษัทมาเดินเล่นบนถนน เขาปฏิเสธข้อเสนอของซีอีโอชเวซองกุนที่จะขับรถไปส่งที่บ้าน เพราะเขาให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเอง เวลาส่วนตัวนี้จึงกลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับคังวูจินมาก
"เหนื่อยชะมัด"
คังวูจินพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วก็หัวเราะอย่างไม่ค่อยจะเต็มเสียง เขาตอนนี้กำลังพูดกับตนเองด้วยน้ำเสียงจริงจังอยู่ แม้ว่าจะอยู่คนเดียวก็เถอะ
‘ฉันบ้าไปแล้วเหรอเนี่ย? ทำไมถึงพูดคนเดียวกัน? จะว่าไป ฉันก็ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้วแฮะ"
คังวูจินตีท้ายทอยตัวเองราวกับตำหนิตัวเอง คนเดินผ่านไปมาต่างมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะมองหรือไม่ คังวูจินก็เดินลงบันไดไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปมา
ที่นี่เองที่คังวูจินรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ใจแบบใหม่
‘สักวันคนพวกนี้จะรู้จักฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?'
เขาแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เข้าร่วมสังกัด นอกจากนี้เขายังได้เงินก้อนโต 40 ล้านวอนและเงื่อนไขดี ๆ มากมาย แถมตอนนี้เขาได้ถ่ายทำ ‘สำนักงานนักสืบ’ และกำลังจะถ่ายทำ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' อีก
'นอกจากนี้ เขายังได้พบกับบริษัทภาพยนตร์ใหญ่ที่ร่วมกับผู้กำกับฝีมือดี'
ทุกอย่างมันเริ่มยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และก้อนหิมะแห่งความเข้าใจผิดก็ยังคงกลิ้งต่อไป ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวล แต่คังวูจินผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด กลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด
'เพราะมันรู้สึกเหมือนฝันหรือเปล่านะ?'
แล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้น...
- ตืด ตืด
โทรศัพท์ของคังวูจินที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหลังสั่นอย่างต่อเนื่อง ผู้โทรคือฮงฮเยยอนนักแสดงหญิงชั้นนำ คังวูจินหัวเราะอีกครั้ง
"ชีวิตฉันกลายเป็นแบบที่ฮงฮเยยอนโทรหาฉันเหมือนเพื่อนได้ยังไงกันนะ?"
จากนั้นเขาก็ไอเพื่อปรับเสียงตัวเอง
“ครับ”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะของฮงฮเยยอนผ่านทางโทรศัพท์
"ฉันได้ยินว่าคุณเซ็นสัญญากับเราแล้วนะ แสดงว่าคุณตัดสินใจเข้าร่วมกับพวกเราแล้วสินะคะ"
ซีอีโอทำงานเร็วแฮะ คังวูจินพิงกำแพงแล้วตอบ
"ครับ ผมรอคอยที่จะได้ร่วมงานกับคุณอยู่นะครับ"
“ฉันก็หวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณเช่นกัน ตอนนี้เราถือเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่ฉันแค่สงสัยนะคะ เหตุผลหลักที่คุณเลือกบริษัทของเราคืออะไรกันคะ?”
เหตุผล? คังวูจินคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่นึกอะไรไม่ออก เขาเริ่มคิดอย่างใจเย็น หากพูดแค่เรื่องเงื่อนไขและโบนัสการเซ็นสัญญา มันก็ดูเหมือนเขาจะเป็นพวกวัตถุนิยมเกินไปและไม่เข้ากับภาพลักษณ์ที่ดูเท่ของเขา
‘ฉันควรจะบอกว่ามันเป็นเพราะฮงฮเยยอนไหม? ยังไงมันก็เป็นเหตุผลจริง ๆ ที่ฉันมาเข้าร่วมอยู่แล้วนิ’
ในไม่ช้า คังวูจินก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ก็แบบว่า ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วยไงครับ คุณฮงเฮยอน”
“……”
ฮงฮเยยอนเงียบไปครู่หนึ่ง ปลายสายตอบกลับมาหลังจากนั้นไม่กี่วินาที
“คุณนี่เคยได้ยินคนอื่นเรียกตัวเองว่า ‘ซึนเดเระ’ บ่อยไหมคะ?”
ในขณะเดียวกัน ข่าวที่คังวูจินเซ็นสัญญากับบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์ไม่ได้มีแค่ฮงฮเยยอนที่รู้ ซีอีโอชเวซองกุนรีบติดต่อไปทุกที่ที่เกี่ยวข้องกับคังวูจิน
PDซงมันวูจากเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'
“บีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์ สังกัดของดาราฮงสินะ เอาเถอะ มันก็ไม่เลวเลย ประเด็นคือ ซีอีโอชเวซองกุนจะควบคุมคังวูจินยังไง”
แน่นอนสำหรับผู้กำกับชินดงชุนจากเรื่อง ‘สำนักงานนักสืบ’ ก็รับรู้แล้วเช่นกัน
"อ๋อ บีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์? ซีอีโอชเวซองกุนมีเส้นสายที่ดีเลยแฮะ อิทธิพลของเขามีมาก ว่าแต่คุณคังวูจินจะได้รับโบนัสเซ็นสัญญาไหมนะ?”
ผู้กำกับชินดงชุนขณะนี้อยู่ในห้องตัดต่อของบริษัทผลิตภาพยนตร์กับบรรณาธิการสองคน เขากำลังตัดต่อหลังถ่ายทำ 'สำนักงานนักสืบ' ซึ่งการตัดต่อเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
ดวงตาของชินดงชุนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
"เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยเถอะ! เราต้องเข้ารอบหลักของ 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' การตัดต่อของเราตอนนี้ไปได้ดีเลย เพราะงั้นเราต้องทำได้แน่นอน!"
ดูเหมือนเขาตั้งใจจะให้คังวูจินได้สวมชุดสูทออกงานจริง ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 17 ที่อพาร์ทเมนต์ของคังวูจิน
คังวูจินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกจากห้องน้ำพร้อมสลัดผมเปียก จากนั้นเขาก็รีบดื่มนมกล้วยจากตู้เย็น รู้สึกถึงความเย็นสบายไหลลงคอ ในไม่ช้าคังวูจินก็ส่งเสียงที่สดชื่นมาก
"ฮ่า ไม่มีอะไรรู้สึกดีเท่าดื่มนมกล้วยหลังจากอาบน้ำอุ่นแล้วล่ะ"
คังวูจินสวมเพียงชุดชั้นในและดื่มนมกล้วยลงไป มันแตกต่างจากตัวตนที่คังวูจินวางท่าไว้ 180 องศาเลย จากนั้นเขาก็เริ่มแต่งตัว อันที่จริงคังวูจินเพิ่งกลับมาจากวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า มันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับการถ่ายทำ ถึงแม้จะเป็นการวิ่งง่าย ๆ ก็เถอะ
'อย่าคิดว่าการออกกำลังกายไม่สำคัญเชียว การเริ่มต้นก็คือครึ่งทางของชัยชนะ'
วันนี้ก็ไม่มีตารางงานพิเศษอะไร ซีอีโอชเวซองกุนน่าจะมีอะไรให้เตรียมเยอะ แต่ทั้งหมดที่คังวูจินต้องทำคือรอ
ระหว่างนั้นเอง
"โอ้ จริงสิ"
บางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของคังวูจิน เขาหยิบบทเรื่องหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา: บทภาพยนตร์สำหรับ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ตอนที่ 3 เขากดสี่เหลี่ยมสีดำที่ติดอยู่ด้านข้างของบททันที
ฟึบ!
จากนั้นเขาก็เข้าไปในมิติว่างเปล่า ขณะที่มิติว่างเปล่าสีดำทึบอันไม่มีที่สิ้นสุดแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว คังวูจินก็รู้สึกสบายใจมากในพื้นที่แห่งนี้ที่เหมือนบ้านของเขาเอง เขาหันไปมองหาสี่เหลี่ยมสีขาวลอยอยู่ ซึ่งตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นสามอัน
- [1/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: สำนักงานนักสืบ), ระดับ B]
- [2/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล 1),ระดับ S]
- [3/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: การเจรจาต่อรอง), ระดับ F]
บทภาพยนตร์ ‘การเจรจาต่อรอง’ ถูกเพิ่มเข้ามาเมื่อวานนี้ เหตุผลที่คังวูจินเข้าไปในมิติว่างเปล่าเพื่อตรวจสอบ 'การเจรจาต่อรอง' อย่างกะทันหันนั้นก็เรียบง่ายมาก
"นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้อ่านบทภาพยนตร์เลย แถมยังเป็นของผู้กำกับฝีมือระดับอาจารย์อีก อ่านสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไรใช่ไหม?”
เขาอยากรู้อยากเห็นมาก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอ่านบทภาพยนตร์ทั้งหมดได้ แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก คังวูจินเพียงแค่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ของตัวละครชายทั้งหมดใน ‘การเจรจาต่อรอง’ อาจจะรู้สักทีว่าทำไมมันถึงได้ระดับ F
ในไม่ช้า คังวูจินก็เลือกสี่เหลี่ยมสีขาวของ 'การเจรจาต่อรอง' ทันที ข้อความอีกอันได้ปรากฏขึ้น
- เลือก [3/บทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: การเจรจาต่อรอง) แล้ว]
-[รายชื่อตัวละครที่สามารถอ่านได้]
-[A: ลีโดจุน B: ปาร์คแดฮยอน C:คิมวังวู …… G: เจมส์
คังวูจินผู้กำลังมองรายชื่อตัวละคร ก่อนจะเหลือบมองด้วยความสงสัย
"เจมส์? เป็นคนต่างชาติงั้นเหรอ?”
ความอยากรู้อยากเห็นของเขาถูกกระตุ้น เพราะมันเป็นตัวละครชาวต่างชาติตัวแรกของเขา ด้วยเหตุนี้คังวูจินจึงเลือกบทบาทของ ‘เจมส์’ ทันที ในเวลาเดียวกัน เสียงผู้หญิงคล้ายหุ่นยนต์ที่คุ้นเคยได้ดังขึ้น
["ตรวจพบภาษาใหม่นอกเหนือจากภาษาพื้นฐาน กำลังดึงข้อมูล 'ภาษาอังกฤษ' ก่อน"]
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเธอนั้นแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย
["เตรียมการอ่าน 'ภาษาอังกฤษ' ……"]
[“… การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ เริ่มต้นการอ่าน 'ภาษาอังกฤษ'”]
คังวูจินขมวดคิ้วขณะฟัง
"อะไรนะ? 'ภาษาอังกฤษ'? เฮ้ คุณผู้หญิง มันเกิดอะไรขึ้นอย่างกะทันหันกันเนี่ย?”
แต่...
“เอ๊ะ!”
แทนที่จะตอบกลับ หมอกสีเทาขนาดใหญ่ก็ปกคลุมคังวูจิน เมื่อเขาเปิดตา เขาไม่ได้อยู่ในมิติว่างเปล่า แต่ลอยอยู่กลางบริเวณสีเทาล้วน ๆ เขาสามารถรู้สึกถึงอุณหภูมิบนผิวหนังได้ ซึ่งมันค่อนข้างเย็น และความรู้สึกเหมือนกำลังลอยตัวอยู่นั้นชัดเจนยิ่ง
"นี่มันอะไรวะ? ทางออก"
คังวูจินตะโกนคำสั่งออกไปเพื่อออกจากช่องว่าง แต่สิ่งที่เขากลับได้ยินคือเสียงสะท้อนเท่านั้น ในขณะนั้นคังวูจินเริ่มรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นเอง
“ห๊ะ?”
มีบางอย่างกำลังเข้ามาจากระยะไกล ไม่สิ บินมา? มันเข้ามาใกล้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ และเร็วมาก ในไม่ช้า คังวูจินก็จำรูปร่างของมันได้
“···A?”
มันเป็นตัวอักษร 'A' มันเป็นสีขาวและมีขนาดเท่ากับคังวูจิน บินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เรื่องตลกก็คือ
“หือ?”
ขณะที่ตัว A ที่บินเร็วเกาะติดตัวคังวูจิน แต่นั่นมันยังไม่ใช่จุดจบ ตัว B ก็พุ่งเข้ามา ตามด้วย C ราวกับมันกำลังรอคอยต่อแถวกันมา
พยัญชนะทุกตัวพุ่งเข้าใส่คังวูจินอย่างไม่ขาดสาย
และสุดท้ายถึง ‘Z’ แต่ว่าปัญหาคือนี่ไม่ใช่จุดจบ มันยังไม่จบแค่นั้น
"นั่นมันอะไรกันอีกเนี่ย?"
เบื้องหน้าคังวูจิน มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษสีขาวนับร้อยนับพันคำกำลังพุ่งเข้าใส่เขา
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว? คังวูจินหมดแรงข้าวต้มไปแล้ว
[“สิ้นสุดการอ่านภาษาใหม่ ‘อังกฤษ '”]
พริบตาเดียว คังวูจินก็กลับมาอยู่ในอพาร์ทเมนต์ของเขาอีกครั้ง ถึงกระนั้น ความรู้สึกเย็นยะเยือกของตัวอักษรและคำศัพท์ที่ซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาก็ยังคงชัดเจน
อึก มันชวนขนลุกคล้ายกับตอนที่เขาอ่านบทบาทเพื่อการแสดงไม่มีผิด
นอกจากนั้น ยังมีอีกสิ่งที่คังวูจินผู้มึนงงเล็กน้อยรู้สึกอย่างชัดเจน นั่นคือภาษาอังกฤษ ภาษาที่เขาไม่เคยเรียนรู้เกินพื้นฐานมาตลอดชีวิต...
“What happened? (เกิดอะไรขึ้น?)”
มันแจ่มชัดในหัวของเขาเกินไป ราวกับว่าเขาเรียนมานานหลายสิบปี
"Oh My goodness… (โอ้ พระเจ้าช่วย...)"
สำเนียงของเขาคล่องแคล่วมาก
"···ฉันเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า? นี่มันเรื่องจริงงั้นเหรอ?"
'ภาษาอังกฤษ' คล้ายถูกประทับลงบนตัวตนของคังวูจิน