บทที่ 30 การทดสอบเข้าสำนัก (1)
ตั้งแต่กลับมาจากป่าแสงจันทร์เวลาก็ได้ผ่านพ้นมาจะ 9 เดือนแล้วซึ่งอีกสามวันจะเป็นการทดสอบเข้าสำนัก สำนักทั้ง 6 จะส่งผู้อาวุโสระดับสูงมาดูเองเพราะเป็นราชวงศ์ทั้งสี่ที่อยู่ใต้การปกครองโดยตรง
การประลองระหว่างตระกูลก็ประกาศผลขึ้นแล้วด้วยแต่ครั้งนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจมากนักเพราะคนที่แข็งแกร่งจริงๆนั้นไม่ได้มาด้วย ตระกูลที่ชนะเลยได้แค่ทรัพยากรไปแต่ไม่ได้อันดับ
ตอนนี้หวังเล่อเฉิงอาศัยอยู่กับเจียงอี้เฟยเนื่องจากพ่อตาตัวดีของเขาจัดห้องให้พักอยู่กับลูกสาวของตนและที่ห้องมันดูเหมือนไม่มีคนใช้นั่นก็เพราะว่าหวังเล่อเฉิงลืมไปว่าเมื่อก่อนนางนั้นป่วยทำให้ต้องไปอยู่อีกที่เลยไม่มีคนใช้ห้องนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนามากขึ้นไปอีกเหลือแค่ยังไม่ได้ทำอะไรกันเพราะหวังเล่อเฉิงมัวแต่ฝึกวิชาใหม่ที่แม้แต่สมองเทพยังมองข้อผิดพลาดของมันไม่ออก
“วิชานี้มันบัดซบแท้ ฝึกโดยให้ร่างกายของตัวเองได้รับบาดเจ็บเนี่ยนะ”หวังเล่อเฉิงกำลังฝึกทักษะที่ได้มาจากเศษกระดาษที่มีอักขระเทพโบราณอยู่ มันคือวิชากายาอมตะนี่เป็นแค่ส่วนแรกเท่านั้นมันจะฝึกให้กายหยาบนั้นทนทานและฟื้นฟูได้เรื่อยๆเสมือนว่าไม่มีวันแตกดับแต่วิธีฝึกมันนั้นจะต้องรับการโจมตีจากสิ่งอื่นที่ทำให้กายของตนนั้นแตกออกแล้วมันจะผลัดเปลี่ยนใหม่เรื่อยๆ
“ฮ่า ฮ่า เจ้าลูกเขยดูเหมือนเจ้าจะชอบให้ข้าอัดเจ้ามากเลยสินะ”ถึงแม้จะโดนอัดอยู่แต่หวังเล่อเฉิงก็ยิ้มออกมาเพราะว่าตอนนี้กายของตนนั้นแข็งแกร่งจนสามารถสู้กับขั้นก่อตันเถียนขั้นที่ 1 ได้เลยทีเดียว
วิชากายาอมตะนั้นจะผลัดเปลี่ยนกายาทั้งหมด 4 ขั้น ขั้นแรกจะมีพลังกายเทียบเท่ากับระดับกำเนิดเสาค้ำปราณซึ่งการจะมาถึงขั้นนี้นั้นจะต้องมีการสละกายหยาบเดิมทิ้งเพื่อนสร้างเป็นกายาอมตะขั้นที่ 1 ซึ่งจะฟื้นฟูได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นแต่ตอนนี้กายหยาบของเขายังแข็งแกร่งไม่พอสำหรับการผลัดเปลี่ยนขั้นที่ 1
“ท่านพ่อตาวันนี้พอแค่นี้ก่อนข้าต้องไปเตรียมตัวเพื่อเข้าสำนัก”ตอนนี้เจียงเว่ยนั้นอยู่ขอบเขตกำเนิดวิถีเต๋าขั้นต่ำระดับสูงแล้ว หวังเล่อเฉิงกล่าวลาเส็จก็รีบกลับห้องทันที
หวังเล่อเฉิงนั้นยังอยู่ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 3 เหมือนเดิมเพราะเขานั้นหลอมโอสถมากมายเพื่อช่วยให้เสี่ยวจิ้งและเจียงอี้เฟยทะลวงระดับได้เร็วขึ้น ทำให้ตอนนี้เสี่ยวจิ้งเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ขั้นกลางแล้ว ส่วนเจียงอี้เฟยจากระดับก่อลมปราณขั้นที่ 2 ได้เพิ่มเป็นระดับก่อลมปราณขั้นที่ 8 เพิ่มมาหกระดับเลยทีเดียว
แถมยังสร้างวิชาใหม่ๆอีกมากด้วยจากห้องสมุดของราชวงศ์ทำให้เขาไม่มีค่อยมีเวลาในการบ่มเพาะแต่มันทำให้ราชวงศ์เจียงแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมจนอีก 3 ราชวงค์ไม่กล้าทำอะไรแล้ว
“ได้เวลาเพิ่มระดับเสียทีข้าติดอยู่ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 3 มาเก้าเดือนแล้วมีพลังปราณพอที่จะทะลวงแน่นอน”หวังเล่อเฉิงนั่งปรับลมปราณสักพักก่อนที่จะดูดซับพลังปราณรอบๆตัวด้วยเส้นลมปราณกลืนกินแล้วเปลี่ยนเป็นปราณธรรมชาติด้วยกายากลั่นสวรรค์ส่งเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว
ปุงงงงงงงงงงง
ผ่านไปไม่นานก็เกิดเสียงทะลวงระดับขึ้นตอนนี้เขานั้นอยู่ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 4 แล้ว
“ข้าต้องแสดงความสามารถเยอะๆจะได้มีคนหนุนหลัง”หวังเล่อเฉิงตั้งใจจะแสดงพลังทั้งหมดในอีก 3 วันข้างหน้า
“แอ๊ดดด”เสียงเปิดประตูดังขึ้นหลังจากที่เขานั้นเลื่อนระดับเสร็จพอดี
“ท่านพี่ อีกสามวันข้างหน้าข้าจะเข้าทดสอบด้วย ข้าได้ยินมาว่าพวกเขามีหินที่วัดระดับพรสวรรค์ต่างๆได้ด้วยข้าควรทำอย่างไรดี”เนื่องจากอยู่ด้วยกันมานานแล้วนางเลยเรียกเขาเสมือนว่าหวังเล่อเฉิงกลายเป็นสามีนางไปแล้ว หวังเล่อเฉิงเองก็รู้สึกแปลกที่ตนเพิ่งจะอายุ 12 ปีแต่ดันมีคู่หมั้นที่พร้อมแต่งแล้วด้วย
“ข้าจะผนึกกายาของเจ้าให้มันเพิ่มระดับตามเส้นลมปราณของเจ้ามันจะแสดงให้เห็นว่าเป็นกายาระดับนั้นไม่ใช่ไร้ระดับ ถ้าที่ใช้ตรวจสอบเป็นแท่นหินวิถีสวรรค์นะ”ความรู้นี้ก็ต้องขอบคุณสมองเทพเหมือนเดิม
หวังเล่อเฉิงส่งปราณธรรมชาติเข้าไปปิดผนึกกายาของนางที่ผ่านมานางไม่ได้ใช้กายาวิหคเพลิงเทวะของนางเลยไม่งั้นมันจะเกิดความไม่สมดุลอีกแน่แม้จะมีวิชาเทพเพลิงเหมันต์มาถ่วงเอาไว้เพราะระดับต่างกันมากเกินไป
“เอาละ เสร็จแล้วแล้วเจ้าคิดจะเข้าสำนักไหนรึ”
“ข้าจะตามท่านพี่ไปทุกที่”
“ได้สิ แต่ข้ายังไม่เลือกหรอกข้าจะไปดูว่ามีสำนักไหนมีคนดีน่าเข้าบ้าง”
“กิ้ววววววววววว”เสี่ยวจิ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงพอดีแล้วกระโดดเข้าไปหาเจียงอี้เฟย
“เสี่ยวจิ้งวันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวอีกนะ”
กิ้ววววววว
ทั้งสองนั้นสนิทสนมกันมากหวังเล่อเฉิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปสนิทกันได้ยังไงแต่เสี่ยวจิ้งนั้นมันน่ารักมากจนตอนนี้สิงโตสามหางที่เขาให้ไปมันถูกปล่อยอยู่ในสวนของราชวังอย่างไม่ใยดี
สามวันผ่านไปวันที่จะทดสอบเข้าสำนักก็มาถึงมีรุ่นเยาว์ที่อายุไม่เกิน 15 ปีมากมายมารวมกันที่เมือง 6 สำนักซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างกลางทั้ง 4 ราชวงศ์เพื่อรอเวลาที่จะมีผู้อาวุโสระดับสูงของแต่ละสำนักมารวมกันเพื่อเริ่มการทดสอบ
หวังเล่อเฉิงนั้นมาถึงนานแล้วกำลังนั่งชมทิวทัศน์รอบๆบนนาวานภาและกำลังรอบิดาและปู่ของตนพารุ่นเยาว์ในตระกูลมา
“อี้เฟย ข้าจะพาเจ้าไปแนะนำบิดากับมารดาและปู่ของข้านะ”
“เจ้าค่ะ ข้าก็อยากพบท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยเจ้าค่ะ”ตอนนี้หวังเล่อเฉิงรู้สึกเหมือนกำลังนำภรรยาที่แต่งแล้วไปแนะนำกับบิดามารดาของตน
กิ้ววววววววว
‘นายท่าน ข้าก็อยากเจอท่านพ่อกับท่านแม่เหมือนกันเจ้าค่ะ’เสี่ยวจิ้งเอ่ยอย่างตื่นเต้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกๆที่เสี่ยวจิ้งก็เรียกบิดามารดาของเขาว่าท่านพ่อกับท่านแม่ก็เถอะแต่เขายังไม่ได้คิดอะไรมาก
“แกว๊กกกกกกกกก”พยัคฆ์อินทรีตัวมหึมากำลังบินมาทางนี้ด้วยความเร็วสูงจนมาถึงบริเวณหน้านาวานภาก๊ได้มีคนเดินลงมา 4 คน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่ พวกท่านมากันแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ข้าต้องมาอยู่แล้วสิลูกข้าจะมาแนะนำคู่หมั้นทั้งที”
“อี้เฟย คารวะท่านพ่อ ท่านแม่ เจ้าค่ะ”
“องค์หญิงท่านงดงามมากเลย”หยูอี้ผิงมารดาของหวังเล่อเฉิงเอ่ยอย่างเอ็นดู
“ท่านแม่เรียกข้าว่าอี้เฟยเฉยๆก็ได้เจ้าค่ะ”
“เอาละ เอาละ อีกไม่นานผู้อาวุโสจากสำนักทั้งหลายคงจะเดินทางมาถึงกันแล้วเตรียมพร้อมกันก่อนเถอะ”
“นายน้อยหวัง ข้าอยู่ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 9 แล้วเจ้าค่ะ”หวังซินเอ่ย
“ข้าก็ระดับขั้นที่ 9 แล้วเช่นกัน”หวังซวนเอ่ยตาม
“ดีๆ เตรียมปรับสภาพลมปราณให้พร้อมทะลวงขั้นที่ 10 ไว้ซะ”
หวังเล่อเฉิงเอ่ยกับทั้งสองแล้วไปบอกปู่ของตนว่าให้นำรุ่นเยาว์ภายในตระกูลมาพักบนนาวานภาเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จจึงพูดคุยเรื่องราวที่ผ่านมาต่างๆกันจดกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วยามก็ทีนาวานภาขนาดใหญ่กว่าของราชวงศ์ทั้งสี่ ลอยมา 6 ลำแล้วลงจอด
“การทดสอบเข้าสำนักทั้ง 6 เริ่มได้”เสียงเจ้าเมืองที่ดูแลเมือง 6 สำนักประกาศออกมา
“ข้าไปก่อนนะขอรับ”หวังเล่อเฉิงเอ่ยบอกบิดามารดาและปู่ของตน
“การทดสอบจะมี 2 ขั้นตอน ขั้นแรกทดสอบระดับพลัง และ พรสวรรค์ ต้องเกินระดับก่อลมปราณขึ้นไปเท่านั้น ขั้นที่ 2 ประลองกันเพื่อให้เหลือคนเพียง 60 คนเราจะรับเข้าสำนัก สำนักละ 10 คนเท่านั้น เริ่มการทดสอบได้!!!!”ผู้อาวุโสที่ออกมาจากเรือนภาเอ่ยขึ้นพร้อมนำแท่นหินวิถีสวรรค์ออกมาตั้ง
‘แท่นหินวิถีสวรรค์จริงด้วย อย่างนี้ก็ปกปิดระดับกายาของอี้เฟยได้แน่’หวังเล่อคิดอย่างดีใจ
เมื่อแตะไปที่แท่นหินแล้วส่งพลังปราณเข้าไปมันจะส่องแสงขึ้นมาแล้วปรากฎตัวอักษรบอกอายุ ระดับพลัง ระดับกายา และ ระดับเส้นลมปราณขึ้นมา หวังเล่อเฉิงนั้นอยู่คนท้ายๆกับเจียงอี้เฟยเพราะเขาไม่อยากตกเป็นที่สนใจตั้งแต่เริ่ม ครั้งนี้องค์ชายเจียงฉางเทียนและองค์ชายของแต่ละอาณาจักรที่มีอายุไม่เกิน 15 ปีก็มาด้วย
การทดสอบดำเนินมาเรื่อยๆจนมาถึงพวกองค์ชายของแต่ละอาณาจักร
“อายุ 15 ปี ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 6 กายาไม่มี เส้นลมปราณระดับนภา ผ่าน!!”เป็นองค์ชายหมิงฟ่านั่นเอง
“อายุ 15 ปี ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 7 กายาระดับมนุษย์ เส้นลมปราณระดับนภา ผ่าน!!!”ครั้งนี้ก็เป็นองค์ชายอีกคนเช่นกัน องค์ชายทั้งสามอาณาจักรนั้นมีระดับก่อลมปราณขั้นที่ 6-7 ทุกคนและมีเส้นลมปราณระดับนภาทั้งหมดทำให้เข้ารอบต่อไปได้อย่างง่ายดาย
สักพักหนึ่งก็มาถึงรอบขององค์ชายอาณาจักรเซียงคนหนึ่ง
วิ้งงงงงงงงงงงง
“อายุ 14 ปี ระดับก่อตันเถียนขั้นที่ 1 กายาระดับนภา เส้นลมปราณระดับสวรรค์ ผ่าน!!!!”
“ดูเหมือนจะเจองานช้างซะแล้วสิ”หวังเล่อเฉิงพึมพำออกมาเมื่อมองไปที่องค์ชายคนนั้นเพราะเขานั้นสัมผัสได้ถึงพลังแปลกประหลาดขุมหนึ่งจากองค์ชายราชวงศ์เซียง