บทที่ 29 อดีตของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
“เกิดอะไรขึ้น”หวังเล่อเฉิงหันไปมองรอบๆแต่มันก็ขาวไปหมดเหมือนครั้งที่พบเจอจิตวิญญาณคันฉ่องเทวะมิติ
“ว่าไง สหายน้อย”ปรากฎหญิงสาวที่งดงามราวกับเทพยดาที่ไม่อาจจับต้องได้ผิวพรรณงดงามราวหยกมีหูเป็นจิ้งจอกและมีหางเก้าหางที่ดูนุ่มฟูดูงดงามพอๆกับเจียงอี้เฟยเลยทีเดียวแต่งดงามคนละแบบ
“ท่านเป็นใครอย่างนั้นรึ”ถึงแม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับเสี่ยวจิ้งแน่
“ข้ามีนามว่า จิ่วลี่จิง เป็นแม่ของเสี่ยวจิ้งที่เจ้าเรียกนั่นแหละ”จิ่วลี่จิงยิ้มออกมาด้วยความเป็นมิตรกับหวังเล่อเฉิงมาก
“แล้วเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางสายเลือดบริสุทธิ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไรรึขอรับ”เมื่อจิ่วลี่จิงได้ยินก็แปลกใจที่ชายหนุ่มตรงหน้านางรูจักเผ่าของนางที่เกือบสูญพันธุ์ไปแล้วด้วยแถมยังรู้อีกว่าเป็นสายเลือดบริสุทธิ์
“เผ่าพันธุ์ของข้าโดนพวกสิงโตบัดซบกับนกปลานั่นโจมตีมันอยากได้สายเลือดของเราเลยรวมกับสำนักต่างๆมาทำลายเผ่าของข้าแล้วนำสายเลือดไปทดลอง”
“ท่ายคงมาจากดินแดนระดับสูงสินะขอรับ”
“ใช่ สายเลือดบริสุทธิ์ตอนนี้เหลือเพียงแค่ข้ากับลูกของข้าจิ้งจอกวายุข้างนอกเพียงแค่ได้รับเสี้ยวสายเลือดของข้าเท่านั้น”
ถึงหวังเล่อเฉิงจะตกใจอยู่บ้างที่จิ้งจอกวายุเพียงได้รับเศษเสี้ยวสายเลือดจิ้งจอกสวรรค์แล้วแข็งแกร่งมากเพียงนั้นแต่ก็ยังไม่รู้เหตุผลที่นางดึงเขามาเลย
“แล้วท่านดึงข้ามาในนี้ทำไมอย่างนั้นหรือขอรับ”
“ข้าขอฝากเจ้าดูแลลูกข้าด้วยถึงข้าจะยังไม่ได้ตั้งชื่อให้นางเพราะหนีมาก่อนแล้วโดนทำลายกายเนื้อไปแต่ข้าขอให้นางใช้ชื่อว่าจิ่วเฟิงจิ้งก็แล้วกัน”
“ยังไงข้าก็จะดูแลนางเป็นอย่างดีอยู่แล้วขอรับเพราะนางทำสัญญากับข้าแล้วด้วย”
“เผ่าพันธุ์อสูรจะได้รับสืบทอดความทรงจำมาจากบรรพบุรุษนางจะมีประโยชน์กับเจ้าแน่นอน แล้วก็ข้าอยากจะใช้วิญญาณของข้าที่อยู่ได้ไม่เกิน 100 ปีนี่เป็นพลังให้กับนาง”เมื่อพูดจบโดยไม่รอให้หวังเล่อเฉิงทำอะไรตัวของนางก็แปล่งแสงสีขาวออกมาแต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มกระบวนการก็มีแสงสีฟ้ามาขัดขวางนางไว้
“ท่านเป็นแม่ของเสี่ยวจิ้ง ข้าอาจช่วยท่านในการสร้างกายเนื้อและฟื้นฟูจิตวิญญาณใหม่ได้”
“มันเปล่าประโยชน์ ให้ข้าเปลี่ยนตัวเองเป็นพลังให้นางเถอะ”นางเสียใจไม่น้อยที่ต้องจากลูกไปโดยยังไม่ทันได้เห็นลูกของนางเติบโต
“ถ้าเสี่ยวจิ้งรู้ว่าพลังของตนมาจากการสละชีวิตของมารดานาง นางคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ข้าขอสัญญาเลยว่าจะพาท่านกับนางไปถล่มเผ่าที่มันมาทำลายเผ่าของท่าน”
“ได้!! ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูฝากดูแลนางด้วยและขอโทษด้วยที่ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนเจ้า มีเพียงกล่องไม้นี้เท่านั้นมันส่งต่อมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงขอรับ นางกับข้าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กข้าจะดูแลนางให้ดี”หวังเล่อเล่อเฉิงรับกล่องนั้นมาแล้วเอ่ยสัญญา
แวบบบบบบบบบบบ
แสงสีขาวคลุมรอบตัวหวังเล่อเฉิงแล้ววิญญาณของเขาก็กลับมา
‘ข้ามีวิญญาณคนที่เก่งกาจมากมายอยู่กับตัว 20 คนแล้วนะหรือข้าจะมีดวงในเรื่องนี้’หวังเล่อเฉิงคิดหนักกับเรื่องทรัพยากรในการสร้างให้เซียนทั้ง 20 คน
‘นายท่านเป็นอะไรไหมเจ้าค่ะ’เสียงเสี่ยวจิ้งดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอกข้าจะมารับเจ้าออกไปด้วยกันหน่ะ อยากไปหรือไม่”
‘อยากสิเจ้าคะ ข้าฝันว่าอยากออกไปมองโลกข้างนอกพร้อมกันท่านตลอด’
“แล้วตอนนี้เจ้ามีระดับพลังอยู่ที่ขั้นไหนงั้นรึ”
‘ตอนนี้ข้าเป็นสัตว์อสูรระดับ 2 เจ้าค่ะ เหมือนหางของข้าจะเพิ่มขึ้นตามระดับพลัง’
‘จากข้อมูลที่ได้มาจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมีสายเลือดที่ทำให้ควบคุมธาตุได้ทั้งหมด 9 ธาตุเลยทีเดียว มีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า มืด แสง ไม้ ทอง เป็นการควบคุมโดยตรงไม่ใช่การเปลี่ยนปราณให้เป็นธาตุแบบข้ามันทรงพลังกว่าแต่มีข้อเสียคือต้องมีธาตุอยู่บริเวณนั้น ซึ่งปกติก็สามารถใช้ได้เกือบทุกที่แต่ความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับปริมาณของธาตุบริเวณนั้นถือว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจนทำให้เข้าใจเลยว่าสัตว์อสูรเผ่าอื่นถึงมาทำลายเพื่อเอาสายเลือดแต่สายเลือดบริสุทธิ์นั้นมีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย’หวังเล่อเฉิงจึงคิดว่า 1 หางน่าจะสามารถควบคุมได้ 1 ธาตุ
“เจ้าควบคุมธาตุอะไรได้บ้างไหม”
‘อ๊ะ..ใช่แล้วเจ้าค่ะข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าควบคุมดินรอบๆ กับหยดน้ำในอากาศได้ด้วย’
“เอาละไปกันเถอะเจ้าทำสัญญากับข้าแล้วข้าก็ขอสัญญาว่าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
กิ้ววววววววววว
เสี่ยงจิ้งกระโดดขึ้นมาบนไหล่ของเขาแล้วมาพันรอบๆคอของหวังเล่อเฉิงจนดูเหมือนผ้าพันคอขนสัตว์สีขาว
“เอาละ..ต่อจากนี้เจ้าจะมีชื่อว่า จิ่วเฟิงจิ้ง”เมื่อหวังเล่อเฉิงสำรวจดูโบราณสถานนี้อีกครั้งก็พบว่าวิญญาณของจิ่วลี่จิงมารดาของเสี่ยวจิ้งนั้นอยู่ในรูปปั้นจิ้งจอกเก้าหางตัวใหญ่สุดก็เก็บมันเข้าแหวนมิติที่ตอนนี้มีเหลือเฟือที่ได้มาจากเหล่าเซียนทั้งหลายแล้วเดินออกมา
“ท่านพ่อตาข้าจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วกลับกันเถอะ”
“โอ้ได้สิ แต่จิ้งจอกพวกนี้จะไม่เป็นอันตรายจริงๆใช่ไหม”
“ไม่เป็นอันตรายแน่นอนข้าจะให้มันเป็นผู้พิทักษ์ราชวงค์นี้ด้วยเสี่ยวจิ้งช่วยข้าหน่อย”
กิ้ววววววววว
เสี่ยวจิ้งร้องออกมาแล้วจิ้งจอกวายุทั้งหมดก็มาหมอบลงข้างหน้าของเจียงเว่ย
“พวกมันตอนนี้จะเป็นผู้พิทักษ์ของราชวงศ์ หากเกิดอันตรายขึ้นท่านสามารถมาที่นี่แล้วใช้ค่ายกลนำพวกมันออกไปทำสงครามแต่ห้ามใช้ไปบุกอาณาจักรอื่น”
“แน่นอน!! ฮ่า ฮ่า ทีนี้ไอ่พวกสามราชวงศ์ที่เหลือก็ไม่เท่าไหร่แล้วจิ้งจอกที่มีมีระดับพลังสูงสุดอยู่ที่กำเนิดวิถีเต๋าขั้นสูงเสียด้วย”
“เอาละกลับกันเถอะขอรับ ข้าต้องเตรียมพร้อมการคัดเลือกเข้าสำนักในอีก 9 เดือนข้างหน้า”
“ได้กลับกันเถอะ”เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากต้นไม้นั้นแล้วหวังเล่อเฉิงก็ใช้พลังจิตสีฟ้าของตนอำพรางไว้อีกชั้นซึ่งมันทำให้เจียงเว่ยประหลาดใจมากขึ้นไปอีกที่หวังเล่อเฉิงสามารถใช้พลังจิตแถมยังเป็นระดับสีฟ้าที่มีน้อยด้วย
เมื่อวางอาคมลวงตาเสร็จแล้วเจียงเว่ยก็แบกหวังเล่อเฉิงไปเหมือนเดิมแต่คราวนี้หวังเลีอเฉิงต้องอุ้มจิ้งจอกน้อยไปด้วยเพราะเขาไม่อยากให้มันเข้าไปในตรามิติที่ไม่มีอะไรสักเท่าไหร่
“ฟ้าววววววววววว”การเหาะครั้งนี้นั้นรวดเร็วกว่าเดิมนิดหน่อยเพราะเจียงเว่ยคุ้นเคยกับระดับพลังมากขึ้นและเข้าใจในวิชาเหยียบนภาเพิ่มขึ้นแล้วทำให้ใช้เวลาเพียง 3 เค่อก็มาถึงพระราชวังของราชวงศ์เจียง
“เอาละ ลูกเขยของข้าตรานี้จะช่วยให้เจ้าไปที่ไหนก็ได้เสมือนว่าข้ามาเองถ้าต้องการอะไรบอกข้ามาได้ยังไงเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วก็ข้าจะมห้คนมานำทางเจ้าไปยังห้องพัก”เจียงเว่ยยื่นตราสีทองดำที่มีอักษรคำว่าเจียงติดอยู่แล้วไปทำธุระของกษัตริย์ต่อทันที
“ข้ากลับไปยังห้องแล้วสำรวจกล่องนั้นก่อนดีกว่า”อีกสักพักก็มีคนมานำทางหวังเล่อเฉิงไปยังห้องพักที่เจียงเว่ยจัดเตรียมไว้ให้
พระราชวังนี้มีขนาดที่ใหญ่โตมากห้องพักในพระราชวังมีประมาณ 30 ห้องซึ่งน่าจะเป็นที่พักของเชื้อพระวงศ์เท่านั้นหวังเล่อเฉิงเดินตามคนนำทางมาเรื่อยๆจนมาถึงห้องๆหนึ่งที่อยู่ในเขตขององค์ชายและองค์หญิงต่างๆ
‘ดูเหมือนเขาจะให้ความสำคัญกับเราเหมือนองค์ชายเลยแฮะ’เมื่อเปิดเข้าไปก็พบกับห้องที่ยังไม่ได้ตกแต่งอะไรมากและเหมือนจะไม่เคยมีใครใช้มาก่อน
หวังเล่อเฉิงจึงเข้าไปนั่งบนเตียงขนาดใหญ่แล้วนำกล่องที่จิ่วลี่จิงมารดาของเสี่ยวจิ้งบอกว่ามันส่งต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มันดูเหมือนกล่องไม้ธรรมดาทั่วไปแต่ไม่ว่าหวังเล่อเฉิงจะออกแรงขนาดไหนมันก็ไม่แตกพอลองส่งพลังจิตเข้าไปตรวจสอบดูก็พบว่ามีอาคมลงไว้อยู่ซึ่งดูเหมือนจะต้องใช้เลือดของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะเปิดออกได้
“เสี่ยวจิ้งข้าขอเลือดเจ้าหนึ่งหยดได้หรือไม่”
‘ได้สิเจ้าคะเรื่องแค่นี้เอง’เสี่ยวจิ้งกระโดดจากไหล่ของเขาลงมาบนเตียงแล้วกัดไปที่มือของตนเบาๆจนมีเลือดออกมา
หวังเล่อเฉิงใช้พลังปราณดึงเลือดขึ้นมาหนึ่งหยดแล้วส่งปราณธรรมชาตไปรักษานางจนทำให้บาดแผลปิดสนิทในชั่วพริบตา
“แกร๊กกก”กล่องเริ่มเปิดออกมาแล้วเผยเศษกระดาษแผ่นหนึ่ง
“กระดาษเผ่นเดียวนี่นะ!!”แต่เมื่อหยิบมันขึ้นมาดูก็ปรากฎอักขระเทพโบราณขึ้นมาแล้วส่องแสงสีดำแดงออกมาพร้อมกับมิติฉีกขาดออกแล้วมีแผ่นกระดาษอีกแผ่นที่ซื้อมาจากชายขอทานพุ่งออกมาจากมิติแล้วประกบติดกัน
“ดูเหมือนมันจะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ มันประกอบกันดูสมบูรณ์มากขึ้นและดูเหมือนจะขาดอีก3แผ่นเท่านั้นแต่คงหาไม่ได้ง่ายๆแน่”แต่ในขณะที่หวังเล่อเฉิงกำลังใช้สมาธิในการอ่านอักขระเทพอยู่นั้นก็มีคนเปิดประตูห้องเข้ามา
“อ๊ะ!! ท่านเล่อเฉิง..ท่านมาอยู่ในห้องของข้าได้อย่างไรกัน”เป็นเจียงอี้เฟยนั่นเองที่เปิดประตูเข้ามา