บทที่ 27 หมั้นหมาย
“ท่านพ่อข้าพาเขามาแล้วขอรับ”เมื่อมาถึงที่หน้าห้องขนาดใหญ่บนนาวานภาเจียงฉางเทียนก็เข้าไปรายงานแก่พระบิดาของตน
“เทียนเอ๋อ เจ้าออกไปก่อนให้ เฟยเอ๋อ กับ สหายน้อยคนนั้นเข้ามา”
“ได้ขอรับ”เจียงฉางเทียนจึงออกไปข้างนอกห้องแล้วให้ทั้งสองเข้ามา
เมื่อทั้งสองเข้ามาเจียงเว่ยก็ส่งพลังเข้าไปตรวจสอบดูทั่วทั้งตัวของเจียงอี้เฟยเพื่อเช็คดูอาการที่ป่วยมานานของลูกสาวตน
‘อาการทุกอย่างปกติดีแต่เหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป’เจียงเว่ยคิดถึงอาการแปลกๆของลูกสาวที่เชิญแพทย์ที่เก่งกาจแค่ไหนมาก็ไม่รู้อาการของลูกสาวตนได้
“ข้าขอขอบคุณสหายน้อยมากที่รักษาลูกสาวของข้าและทำให้ลูกทั้งสองของข้าแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้”
“ไม่เลยครับฝ่าบาทพวกเขาคิดจะติดตามข้าข้าก็ต้องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น”
“เจ้าไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นกับข้าก็ได้ แล้วลูกสาวข้าป่วยเป็นอะไรอย่างนั้นรึ”ถึงเจียงเว่ยจะตกใจที่ทั้งสองไปเป็นผู้ติดตามของชายหนุ่มคนนี้แต่มันก็ทำให้ทั้งสองแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจึงทำให้เขาไม่ว่าอะไร
“ถ้าเอาตรงๆก็ นางแข็งแกร่งเกินไปจนควบคุมไม่ได้”
“คือยังไงที่แข็งแกร่งเกินไป”
“นางมีกายาระดับเทวะ และ เส้นลมปราณแบบเดียวกับข้าขอรับ”
“กายาระดับเทวะ!!! ชนิดใดงั้นรึ แล้วเส้นลมปราณแบบเดียวกับเจ้าคืออะไร”
“เป็นกายาวิหคเพลิงเทวะ และเส้นลมปราณไร้ระดับขอรับ”เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจียงเว่ยก็คิดไปถึงข้อมูลในตำราเก่าแก่มากมายที่ส่งต่อมาจากบรรพบุรุษ
“เส้นลมปราณในตำนานที่พัฒนาได้ขึ้นเรื่อยๆ!! แล้วมันเกี่ยวกับอาการป่วยยังไง”
“เส้นลมปราณของนางคือเส้นลมปราณเหมันต์นิรันดร์ ส่วนกายาคือกายาวิหคเพลิงเทวะ คงเข้าใจใช่ไหมขอรับ”
“คงจะเป็นพลังสองขั้วไม่เข้ากันเลยเกิดการตีกลับส่งผลให้เกิดอาการร้อนจนละลายกับเย็นจนเป็นน้ำแข็งสินะ”
“ใช่แล้วขอรับ”
“แล้วเจ้าแก้ไขอย่างไรรึ”
“คราแรกข้าปิดผนึกกายาของนางไว้ แต่เมื่อไปเจอโบราณสถานที่มีวิชาธาตุเพลิงและเหมันต์ข้าเลยมอบให้นางไปขอรับ”
“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปเซ้าซี้เขามากสิ”เจียงอี้เฟยเมื่อเห็นพ่อของเธอถามเรื่อยๆก็เริ่มทำหน้าบึ้ง
“โอ้ ข้าขอโทษเจ้าด้วย แล้วเจ้ามีนามว่าอะไรงั้นรึ”
“ข้ามีนามว่า หวังเล่อเฉิง ขอรับ”เมื่อได้ยินชื่อเจียงเว้ยก็คิดชื่อนี้ว่าอยู่ที่ไหนตระกูลอะไร
‘ตระกูลหวังของหวังหม่าเฉินสินะตอนนี้เขาทะลวงระดับกำเนิดวิถีเต๋าแล้วด้วยมีพลังเทียบเท่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์เลยทีเดียวถ้าเชื่อมสัมพันธ์กับเขาก็ดีแถมยังได้ผูกสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่แข็งแกร่งจนยากจะหยั่งถึงได้อีกด้วย’
“งั้นข้าจะให้เจ้าหมั้นกับเฟยเอ๋อเป็นไง นางไม่เคยออกจากห้องด้วยข้าฝากเจ้าดูแลนางด้วยละ”เจียงเว่ยเอ่ยอย่างรวดเร็วแบบไม่ให้ปฏิเสธแม้แต่น้อย
“ปุงงงงง..”เสียงควันระเบิดออกหูของเจียงอี้เฟยหน้าของนางตอนนี้แดงยิ่งกว่ามะเขือเทศเสียอีก
“อะ...เอ่อออ”หวังเล่อเฉิงเลิ่กลั่กหันไปมองเจียงอี้เฟยที่ตอนนี้กำลังหลบหน้าเขาอยู่
“เจ้าจะยอมรับการหมั้นรึไม่”เจียงเว่ยเห็นโอกาสดีจึงรีบใช้โอกาสถามต่อทันที
“ถะ..ถ้านางไม่ขัด ข้าก็รอบรับขอรับ”ตอนนี้หวังเล่อเฉิงทำอะไรไม่ถูกเป็นอย่างมากต่างจากตอนสู้อยู่ในมิติลี้ลับอย่างมาก
“เฟยเอ๋อ เจ้าละจะหมั้นกับเขารึไม่”
“ข้ารับเจ้าค่ะ”นางเอ่ยแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
“แล้วเจ้ามีอะไรจะถามข้ารึไม่ลูกเขยของข้า”
“อะ…แล้วการแข่งขันระหว่างตระกูลละขอรับยังไม่ได้ประกาศผู้ชนะเลยนะขอรับ”
“ปู่ของเจ้าไม่ได้บอกงั้นรึว่ามันต้องรอเวลาหนึ่งวันเพื่อให้ตราที่ตกอยู่ในมิติกลับออกมาแล้วค่อยนับคะแนนของแต่ละตระกูลในวันพรุ่งนี้”
“แล้วปัญหาอีกสามราชวงศ์ละขอรับ”
“ราชวงศ์เรามีคนระดับกำเนิดวิถีเต๋ามากกว่าพวกมันหนึ่งราชวงศ์และมีกำเนิดวิถีเต๋าขั้นต่ำระดับสูงอยู่คนหนึ่งด้วยซึ่งทั้งสามราชวงศ์มีคนที่มีระดับสูงสุดแค่กำเนิดวิถีเต๋าขั้นต่ำระดับกลางเท่านั้นพวกมันไม่กล้าปะทะซึ่งหน้าหรอก”
“ขอรับ แล้วข้าเห็นท่านติดอยู่ขอบเขตกำเนิดเสาค้ำปราณระดับสูงขั้นสูงมานานแล้วด้วยข้ามีวิธีที่จะทำให้ท่านเลื่อนระดับเข้าสู่ขอบเขตกำเนิดวิถีเต๋าอยู่”ซึ่งข้อมูลนี้มาจากการสำรวจทั่วทั้งร่างกายของเจียงเว่ยแล้วพบว่าเส้นลมปราณและจุดชีพจรของเขานั้นมันอุดตันอยู่เกิดจากการรีบบ่มเพาะมากเกินไปถ้าสลายสิ่งอุดตันแล้วดูดซับพลังนั้นเข้ามาคงจะทะลวงระดับได้
“โอ้เจ้ามีวิธีอย่างนั้นรึ ข้าติดอยู่ขั้นนี้มานานแล้ว”
“ขอรับ ท่านช่วยถอดเสื้อแล้วหันหลังให้ข้าด้วย”
เจียงเว่ยจึงถอดชุดคลุมลายมังกรทองของตัวเองออกแล้วไปนั่งบนเตียงหันหลังให้หวังเล่อเฉิง
“จะเริ่มแล้วนะขอรับ”หวังเล่อเฉิงใช้เจตจำนงกระบี่ออกมากลายเป็นกระบี่ขนาดที่มีปราณธรรมชาติที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมากลอยออกมา 6 เล่ม
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก
เจตจำนงกระบี่แทงเข้าไปที่จุดต่างๆแล้วส่งปราณธรรมชาติเข้าไปสลายสิ่งอุดตันพร้อมช่วยให้พลังปราณบริสุทธิ์มากขึ้น
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วหวังเล่อเฉิงก็ไปนั่งที่อื่นเพื่อทำความเข้าใจในเจตจำนงแต่ละอย่างเพิ่มขึ้น
“เจตจำนงแต่ละอย่างของข้าก่อนจะเข้าสำนักข้าต้องการให้ทั้งหมดเป็นระดับ 3”
‘เจ้าเข้ามาฝึกในมิติของข้าสิในมิตินี้เจ้าจะสร้างอะไรก็ได้’เสียงคันฉ่องมิติเทวะดังขึ้นมาในหัว
‘งั้นดีเลยเดี๋ยวข้าเข้าไป’
หวังเล่อเฉิงหยิบคันฉ่องมิติเทวะออกมาแล้วปลดปล่อยเจตจำนงมิติออกมา
วูบบบบบบบบบบ
ทั่วร่างของหวังเล่อเฉิงโดนมิติที่เปิดออกขึ้นดูดเข้าไป
“ข้าจะสร้างอะไรก็ได้เลยใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วที่นี่คือโลกของเจ้า”เมื่อได้รับคำยืนยันหวังเล่อเฉิงหลับตาลองคิดถึงธรรมชาติที่สวยงามแล้วมีภูเขาล้อมรอบ
“ว้าว สุดยอดไปเลย”เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบเจอกับรอบๆที่กลายเป็นสถานที่แบบที่เขาคิด
“แล้วทำอย่างอื่นได้อีกรึไม่”
“ไม่ละข้าทำได้แค่สร้างภาพรอบๆให้ตรงกับที่เจ้าคิดมันไม่ได้ทีอยู่จริง”
หวังเล่อเฉิงได้ยินถึงวิธีสร้างก็รู้สึกว่ามันก็เป็นแค่ภาพให้เห็นเฉยๆใช้ฝึกอะไรก็ไม่ได้แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้จิตใจสงบมากขึ้นได้และไม่ถูกรบกวนด้วย
“ระดับเทวะสร้างภาพลวงตาให้เหมือนจริงได้ก็ดีแล้ว”หวังเล่อเฉิงจึงสร้างถ้ำน้ำตกสำหรับบ่มเพาะแล้วเดินเข้าไปทำความเข้าใจในเจตจำนงของตน
ผ่านไปได้ 1 ชั่วยามข้างนอกก็เกิดเสียงดังขึ้น
ปุงงงงงงงงงงงงงง
เสียงทะลวงระดับดังขึ้นพร้อมดูดซับลมปราณบริเวณรอบๆเข้ามาเพื่อปรับสภาพลมปราณสักครู่
“ฟู่วววววว ข้าทะลวงไปขอบเขตกำเนิดวิถีเต๋าขั้นต่ำระดับกลางเลย ขอบคุณมากลูกเขยข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แต่เมื่อเจียงเว่ยหันไปรอบๆแล้วไม่เจอเลยคิดว่าเขาคงออกไปแล้วแต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรก็มีเสียงมิติฉีกขาดขึ้นข้าง เจียงเว่ยจึงเร้าพลังออกมาเตรียมโจมตี
“ฝ่าบาทท่านใจเย็นก่อน”คนที่ออกมาก็คือหวังเล่อเฉิงนั่นเองที่เข้าไปฝึกอยู่ในมิติของคันฉ่องเทวะมิติ
“ข้านึกว่าใครที่ไหนซะอีก”เจียงเว่ยเองก็ตกใจเช่นกันที่หวังเล่อเฉิงสามารถฉีกมิติได้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วท่านช่วยไปส่งข้าที่ป่าแสงจันทร์ได้หรือไม่ขอรับ”
“ได้ ได้สิ เมื่อมาถึงระดับกำเนิดเต๋าจะมีปราณพอที่จะเหาะแล้วข้าก็อยากที่จะลองเหาะดู”
ทั้งสองคนเตรียมพร้อมทุกอย่างก่อนที่เจียงเว่ยจะยกตัวหวังเล่อเฉิงขึ้นมาแล้วเหาะออกไป