บทที่ 25 คันฉ่องมิติเทวะยอมรับเป็นนาย
“ท่านเล่อเฉิง!!!”เมื่อเจียงอี้เฟยเห็นภาพที่หวังเล่อเฉิงโดนวิชาที่รุนแรงของแต่ละคนเข้าไปเต็มๆก็รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแหลกสลายออกมา
วิ้งงงงงงง วิ้งงงงงง
แสงสำน้ำเงินปรากฎออกมาจากกลุ่มควันนั้น เมื่อผ่านไปสักพักก็เห็นร่างของหวังเล่อเฉิงที่มีบาดแผลตามแขนและขา
“ข้าลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าท่านแม่ของข้าให้ตราที่มีอาคมสีน้ำเงินลงไว้”หวังเล่อเฉิงดึงลมปราณธรรมชาติรอบๆตัวมารักษาตัวเองพร้อมลงอักขระอาคมป้องกันและโจมตีขณะที่ม่านพลังสีน้ำเงินกำลังกางอยู่
“อย่าให้มันทำสำเร็จ”หนึ่งในตระกูลใหญ่เอ่ยขึ้นพร้อมเร่งโจมตีม่านพลังสีน้ำเงิน
ตูมมมมมมม!!! ตูมมมมมม!!! ตูมมมมมม!!!
เมื่อเห็นว่าหวังเล่อเฉิงยังปลอดภัยดีเจียงอี้เฟยก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจพร้อมรับมือกับคนที่เหลือต่อ
“อาคมป้องกันเสร็จแล้ว”เพียงไม่นานจากการคำนวณของสมองเทพก็กางม่านพลังเสร็จ
แวบบบบบบบบบ
หวังเล่อเฉิงกางอาคมป้องกันสีฟ้าทับกับม่านพลังสีน้ำเงินอีกทีเพราะพลังอาคมสีน้ำเงินนั้นมาจากมารดาของตนจึงไม่มีแหล่งพลังเพียงพอกางได้เรื่อยๆจึงต้องลงอาคมของตนเองที่ใส่พลังได้เรื่อยๆทับลงไปอีกขั้น
หวังเล่อเฉิงลงมือสร้างอาคมต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพื่อเตรียมตัวระลอกต่อไป
“เราโจมตีต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์รุมจับหนึ่งในพวกมันมาเป็นตัวประกันยังจะดีกว่า”เมื่อมีคนเอ่ยความคิดเช่นนี้ออกมาก็เร่งเร้าพลังออกมาพร้อมจับตัวเจียงอี้เฟยที่มีระดับพลังแค่่ก่อลมปราณขั้นที่ 2
คนทั้ง 40 คนรุมเข้าไปโจมตีเจียงอี้เฟยส่วนที่เหลือนั้นก็สู้อยู่กับจางฉางเทียน และ หวังซวนส่วนหวังซินนั้นนางกลมกลืนไปกับบ่อน้ำที่พึ่งขุดสร้างขึ้นมาก่อนเริ่มการปะทะอย่างแนบเนียนพร้อมเก็บสมบัตินี่เป็นหนึ่งในความสามารถของกายาหยดวารีสวรรค์ที่หวังเล่อเฉิงได้รู้มา
ปุงงงงงงงงง!!!! ปุงงงงงงง!! ปุงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!
เสียงปะทุอย่างรุนแรงดังขึ้นพร้อมกับปรากฎคันฉ่องตั้งโต๊ะอันเล็กๆลอยออกมาพร้อมส่งกลิ่นอายมิติอย่างเข้มข้น
“สมบัติ!! ไปเอามันมาให้ได้”องค์ชายทั้งสามที่เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเค่อผลของโอสถต้องห้ามก็จะหมดลงจึงต้องรีบนำสมบัติหนีไปโดยเร็ว
“ไปเอามันมา!!!!”ตระกูลน้อยใหญ่ที่เข้ามาในวิหารได้ก็ต่างกระโจนเข้าไปเพื่อหวังจะนำสมบัติชิ้นนั้นมา
ส่วนพวกตระกูลใหญ่ก็วางอาคมเตรียมดักรับผลประโยชน์จากผู้อื่น
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะเข้าไปจับคันฉ่องอันชิ้นนั้นได้ก็ได้มีหญิงสาวปรากฎขึ้นกลางอากาศพร้อมหยิบคันฉ่องชิ้นนั้นไป
“ท่าหวังเล่อเฉิง ข้าได้มันมาแล้ว”เป็นหวังซินนั่นเองที่ดักรออยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
“ดีมาก”หวังเล่อเฉิงเปิดมิติที่หลังของหวังซินแล้วส่งนางเข้ามาในค่ายกลที่ตนเองอยู่
“ทุกคนปล่อยสมบัติที่เหลือไปแล้วกลับมาหาข้า”หวังเล่อเฉิงตะโกนพร้อมใช้เจตจำนงแห่งมิติฉีกมิติคลุมร่างของเจียงอี้เฟยที่จะเพลี่ยงพล้ำแล้วย้ายนางเข้ามาในอาคมป้องกัน
“พวกเข้าทั้งสองรับนี่ไปซะ”หวังเล่อเฉิงฉีกมิติหน้าตนเองแล้วส่งม้วนอาคมสองอันเข้าไปในช่องว่างมิติแล้วไปโผล่ที่ข้างตัวของเจียงฉางเทียน และ หวังซวน
“สวยมาก!! เอาละพวกแกเตรียมตัวไปเที่ยวนรกได้แล้ว”ทั้งสองคนหยิบม้วนอาคมขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นอาคมเพลิงผลาญปฐพีระดับ 4
ทั้งสองอัดพลังลงไปในม้วนอาคมอย่างรุนแรงขณะที่หนีคนที่จะมาชิงสมบัติไปด้วย แต่ว่าทั้งหมดนั้นยังถูกกดดันอยู่ภายใต้อาคมที่หวังเล่อเฉิงวางไว้ตอนแรกอยู่ทำให้พวกมันนั้นเคลื่ิอนที่ช้ากว่าทั้งสองมาก
พรึ่บ!! ซู่ววววววววว
ปรากฎเปลวเพลิงขนาดเล็กมากมายข้างหน้าม้วนอาคมแล้วพุ่งไปที่กลุ่มคนที่ไล่ล่าพวกตนอยู่พร้อมเกิดไฟลุกขึ้น
“อ๊ากกกก!! ร้อนนน อ๊ากก!”ไฟลุกขึ้นมาเผากลุ่มคนทั้งหมดไม่ว่าจะพยายามดับเท่าไรมันก็จะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
“รีบเข้ามาในอาคมเร็ว”หวังเล่อเฉิงเรียกทั้งสองให้เข้ามาภายในอาคม
เมื่อทั้งสองเข้ามาในอาคมแล้วหวังเล่อเฉิงก็ให้หวังซินนำคันฉ่องมิติเทวะออกมา
“เอาละเริ่มกันเถอะ”หวังเล่อเฉิงหยดเลือดลงบนคันฉ่องมิติเทวะและส่งพลังจิตของตนเข้าไปตามที่สมองเทพส่งวิธีที่จะทำให้อาวุธตั้งแต่ระดับเทวะขึ้นไปยอมรับ
วูบบบบบบบบบบ
คันฉ่องมิติเทวะดูดจิตวิญญาณของหวังเล่อเฉิงเข้าไปภายในตัวของมันและมาโผล่ที่มิติที่ขาวโพลนไปหมดไม่มีสิ่งใดมีเพียงคันฉ่องลอยอยู่กลางอากาศนั้น
“เฮ้! เจ้าคันฉ่องมิติเจ้ามีบททดสอบอะไรให้ข้าหรือไม่”หวังเล่อเฉิงเรียกคันฉ่องที่ลอยอยู่กลางอากาศนั่นเป็นเพราะว่ามันมีจิตวิญญาณเป็นของตน
คันฉ่องเริ่มส่องแสงออกมาจนกลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าเบื่อหน่ายและงัวเงียเหมือนไม่อยากจะตื่น
“เจ้าสินะคนที่ปลุกข้าขึ้นมา”เด็กหนุ่มมองสำนวจหวังเล่อเฉิงก่อนที่จะขมวดคิ้ว
“เจ้ามีเจตจำนงแห่งมิติระดับ 5 แล้ว?”ที่เด็กหนุ่มสงสัยก็เพราะชายหนุ่มตรงหน้ามันดูจะอายุไม่เท่าไหร่แต่กลับบรรลุเจตจำนงที่ยากขนาดนี้โดยไม่มีสายเลือดที่เกี่ยวข้องด้วย
“ก็ใช่อยู่ แล้วมีบททดสอบอะไรหรือไม่ข้าจะได้รีบกลับออกไป”
“จริงๆข้าให้เจ้าเป็นนายของข้าเลยก็ได้แต่มันจะไม่สนุกหน่ะสิ”
‘ช่างเป็นจิตวิญญาณที่เอาแต่ใจจริงๆ’หวังเล่อเฉิงคิดขณะที่มันกำลังสำรวจพลังของหวังเล่อเฉิงเรื่อยๆ
“ใช้ได้เลยละ บททดสอบของข้าก็แค่ฉีกมิติในที่นี้ให้ได้สักเล็กน้อยก็พอแล้ว”
เมื่อหวังเล่อเฉิงได้ยินบททดสอบก็เริ่มปลดปล่อยเจตจำนงออกมาแล้วพยายามฉีกมิติออก แต่กลับพบว่าไม่ว่าจะใส่พลังลงไปแค่ไหนมิติก็ไม่สะเทือนเลยสักนิด
‘เจตจำนงแห่งมิติระดับ 5 ยังไม่พอให้ฉีกมิติที่นี่’หวังเล่อเฉิงมองไปรอบๆพร้อมสังเกตการรเคลื่อนที่ของมิติเพื่อทำความเข้าใจในมิติมากขึ้น
หวังเล่อเฉิงมองไปรอบๆพร้อมกับสมองเทพที่ประมวลผลข้อมูลที่ส่งมาอย่างรวดเร็วจนในที่สุดก็มีพลังมิติแผ่ออกมาจากตัวของหวังเล่อเฉิง
“เจตจำนงแห่งมิติระดับ 6..ที่ข้ามาถึงได้คงเพราะความเข้าใจในวิถีจากแก่นวิถีมิติที่ยังกลั่นไม่หมดทำให้เลื่อนระดับมาได้ แต่ก็ยังไม่สามารถฉีกมิติในที่นี้ได้
หวังเล่อเฉิงลองพยายามใส่พลังเจตจำนงแห่งมิติลงไปเรื่อยๆแต่คราวนี้ทำให้มิติสั่นไหวได้เล็กน้อย
“มารดามันเถอะ เพิ่มมาหนึ่งระดับแต่ทำให้แค่มิติสั่นไหวเล็กน้อย”หวังเล่อเฉิงเริ่มคิดหนักจนดูเหมืือนสมองเทพจะทนความน่าสมเพชของชายหนุ่มไม่ไหวเลยส่งวิธีมาให้
“ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้กันนะ”หวังเล่อเฉิงกล่าวอย่างดีใจเพราะวิธีที่สมองเทพส่งมาให้นั้นคือการผสานเจตจำนงเข้าด้วยกันเพื่อที่จะเพิ่มพลังให้สูงขึ้น
หวังเล่อเฉิงนำดาบสวรรค์ปราบมารออกมาแล้วแผ่เจตจำนงแห่งดาบระดับ 1 ที่ตนยังไม่เคยเพิ่มระดับมันสักนิดพร้อมกับแผ่พลังเจตจำนงแห่งมิติเคลือบไปที่ปราณดาบ
ซี่ ซี่ ซี่ ซี่
เสียงกระทบของปราณดาบกับมิติดังขึ้นจนเกิดเป็นเสียง
หวังเล่อเฉิงออกแรงอย่างหนักพยายามที่จะใช้พละกำลังของตนฟันมิติให้เปิดออก
“แฮก แฮก ตั้งแต่ออกจากป่าแสงจันทร์มาข้าก็ไม่ได้ฝึกกายเพิ่มอีกเลยแต่วิชากายาที่ข้ามีนั้นมันเป็นระดับปฐพีเท่านั้นคงช่วยอะไรไม่ได้”หวังเล่อเฉิงเร้าลมปราณไปเสริมบริเวณแขนของตนจนมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา
แควกกกกกก
เสียงฉีกขาดดังขึ้นพร้อมกับปรากฎรอยแยกมิติขึ้นเล็กน้อย แต่ขณะที่ฟันลงไปนั้นก็เกิดแสงแผ่ปราณดาบที่หนาแน่นขึ้นมารอบๆตัว
“การที่ข้าลงทุนลงแรงฟันมิติทำให้เจตจำนงดาบของข้าเพิ่มระดับมาอีกขั้น”ตอนนี้เจตจำนงแห่งดาบของหวังเล่อเฉิงอยู่ขั้นที่ 2 แล้ว
“ยินดีด้วยที่ทำสำเร็จ”เมื่อเกิดรอยแยกมิติขึ้นเด็กหนุ่มก็ปรากฎตรงหน้าเขาอีกครั้ง
“แค่นี้ใช่ไหม”
“ใช่แล้วแค่นี้แหละ”เด็กหนุ่มคนนั้นก็แผ่พลังมิติออกมาคลุมหวังเล่อเฉิงแล้วส่งออกไปจากมิติของคันฉ่องมิติเทวะ
วูบบบบบบบบบบ
วิญญาณของหวังเล่อเฉิงกลับเข้ามาที่ร่างพร้อมกับคันฉ่องมิติเทวะที่พุ่งเข้ามาในตัวของหวังเล่อเฉิง
แต่หวังเล่อเฉิงมิได้ตกใจแม้แต่น้อยเพราะรู้อยู่แล้วว่าศาสตราระดับเซียนขึ้นไปสามารถเก็บไว้ในห้วงจิตวิญญาณได้จากสมองเทพ
“เละเอาเรื่องเลยแฮะ”หวังเล่อเฉิงมองไปรอบๆที่มีสภาพพังยับเยินพร้อมทั้งมีศพของมนุษย์อยู่ด้วย
“ท่านเล่อเฉิงท่านทำสำเร็จไหม”เจียงอี้เฟยถามเพราะก่อนหน้าที่วางแผนหวังเล่อเฉิงได้บอกว่าต้องทำให้คันฉ่องมิติเทวะยอมรับเขา
หวังเล่อเฉิงเรียกคันฉ่องมิติเทวะออกมาบนมือ
“นี่ไง ข้าสามารถใช้มันได้อย่างสมบูรณ์แล้วแต่ข้าดึงพลังของมันออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งในหมื่นเลยด้วยซ้ำ”
“หนีกันเถอะสมบัติระลอกที่สิบมันกระจายออกมาเยอะมากเราก็ได้มาเพียงพอแล้วที่เหลือก็แค่ขยะเท่านั้น”หวังซวนกล่าวแนะออกมา
“ข้าก็คิดจะหนีอยู่แล้วจะได้ลองของใหม่ด้วย”หวังเล่อเฉิงส่งพลังเข้าไปที่คันฉ่องมิติเทวะพร้อมตั้งพิกัดที่ตนต้องการไป
แวบบบบบบบบบ
แสงห่อหุ้มร่างของทั้งหมดที่อยู่ภายในอาคมป้องกันแล้วหายไปจากตรงนั้น
“เฮ้ย ไอ่พวกที่เอาสมบัติไปเยอะๆมันหายไปแล้ว”เมื่อมีคนสังเกตเห็นแล้วตะโกนขึ้นคนอื่นๆที่กำลังแย่งสมบัติก็หันมาสนใจในอาคมทันที
“บัดซบ!!! พวกมันได้สมบัติไปเยอะที่สุดแล้วปล่อยให้มันหนีไปได้อย่างไร”ชายหนุ่มจากตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งเอ่ยอย่างหัวเสีย