บทที่ 20 ตามหาเหล่าเซียน
หลังจากที่เจียงอี้เฟยดูดซับพลังจากโอสถเปิดชีพจรหมดสิ้นแล้วก็ทำให้ทะลวงไปที่ขัั้น 9 ขอบเขตเสริมจิตด้วยผลจากโอสถและพลังที่ค้างอยู่ในร่างเพราะ เส้นลมปราณของนางยกระดับเป็นปฐพีแล้ว
ทั้งหมดจึงเริ่มออกเดินทางไปตามเข็มทิศที่เซียนทั้งสองให้มา
“เจ้านี่ช่างบ่มเพาะได้ช้ายิ่งนักดูน้องสาวเจ้าสิแค่โอสถเม็ดเดียวก็ทะลวงได้ 8 ขั้นแล้ว แต่เจ้านี่สิทะลวงได้แค่ขั้นเดียวเอง”หวังเล่อเฉิงเอ่ยด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ทีเจ้าละไม่เห็นเพิ่มมาสักขั้นเลยนิ”
“โฮ่ เจ้าไม่เห็นว่าข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหรอ”
“ก็จริงที่แข็งแกร่งขึ้นสู้กับขั้น 5-6 ได้ง่ายๆเลย”
“ฮ่า ฮ่า นั่นก็เพราะข้าบรรลุขั้นที่เหนือกว่ามนุษย์ปกติจะทำได้อย่างไรเล่า”
“ฮะ มันมีด้วยงั้นเรอะ”
“มีสิ ขั้นที่ 10 หน่ะ แต่ต้องใช้ปราณที่เก็บไว้เป็นจำนวนมหาศาลแล้วยังต้องข่มไม่ให้ทะลวงระดับด้วย”
“แล้วมันช่วยอะไรรึ”
“รากฐานจะแข็งแกร่งมากจนสามารถสู้กับผู้ที่มีระดับพลังมากกว่าได้ง่ายๆแถมยังมีประโยชน์ในอนาคตมากด้วย”
“อี้เฟยเจ้าอย่าเพิ่งทะลวงระดับนะข้าอยากให้เจ้าทะลวงขั้นที่ 10 ด้วยถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ทะลวงขั้นที่ 10 ของระดับกายาแต่ข้าก็มีวิธีทำให้กายหยาบเจ้าแข็งแกร่งขึ้นอยู่”
“อื้อ ข้าจะเชื่อฟังท่าน”
“แหวะ แหวะ เหม็นกลิ่นคู่รักแถวนี้ เห้อออช่างน่าเศร้าจริงๆที่ข้าไม่มีคู่”เจียวฉางเทียนบ่นออกมา
“ขะ…ข้ากับท่านเล่อเฉิงไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”เจียงอี้เฟยหน้าแดงจนถึงหู
“เอาละ เอาละ ใกล้ถึงแล้วระวังตัวให้ดีมันเป็นโบราณสถานอาจมีคนอื่นอยู่ได้”หวังเล่อเฉิงกระจายพลังจิตไปรอบๆ
เนื่องจากเพิ่งยกระดับมามันจึงทรงพลังเป็นอย่างมากระยะตรวจสอบไกลถึง 2 ลี้เลยทีเดียว
“ไม่มีคนแหะ หรือว่าโบราณสถานที่นี้ยังไม่เคยมีใครหาพบ”หวังเล่อเฉิงระมัดระวังตัวมากขึ้นเพื่อเตรียมตัวรับมือกับเรื่องไม่คาดฝัน
เดินไปได้อีก 2 เค่อก็เข้ามาได้อย่างปลอดภัยไม่มีอันตรายเลย
“ไม่มีอันตรายใดเลยเป็นไปได้อย่างไร”หวังเล่อเฉิงคิดและเดินเข้าไปในโบราณสถาน
มองไปรอบๆก็ไม่มีอะไรให้เก็บก็มองหาห้องลับแล้วทำลายอาคมลวงตาทิ้งแล้วเดินเข้าไปทันที
“ครั้งนี้เป็นระฆังอย่างนั้นรึ”หวังเล่อเฉิงส่งพลังจิตเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“โฮ่ โฮ่ ข้าไม่ได้เจอใครมาหลายร้อยปีแล้ว”ชายกลางคนที่ยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าเอ่ย
‘ครั้งนี้เป็นทุ่งหญ้าแฮะ’หวังเล่อเฉิงมองไปรอบๆเพื่อสำรวจแต่ไม่มีอะไรแล้วเป็นแค่ทุ่งหญ้าแล้วสวนโล่งๆ
“ท่านมีนามว่าอะไรอย่างนั้นรึ”
“ผู้คนเรียกข้าว่า เซียนดาบเทวะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวังเล่อเฉิงก็ตาเป็นประกายเพราะอีกฝ่ายอาจมีดาบดีๆที่ไม่ใช้แล้วก็ได้
“ข้าได้พบกับเซียนเพลิงโลกันตร์ และ เซียนเหมันต์เยือกแข็งแล้ว ข้าได้รับคำไหว้วานให้มาช่วยรวบรวมพวกท่านแล้วสร้างกายใหม่ให้”
“โฮ่ เจ้าจะทำได้รึ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวังเล่อเฉิงก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดพร้อมเจตจำนงออกมาด้วย
เมื่อเซียนดาบเทวะเห็นพลังที่ชายหนุ่มตรงหน้าปลดปล่อยออกมาก็ตกตะลึงเหมือนเห็นผี
“ผะ...ผู้ก้าวย่างระดับ 2”เซียนดาบเทวะตกใจกับระดับที่ 10 สองขั้นแรกของชายหนุ่มเพราะคนปกติจะเริ่มขั้นสูงสุดที่ขอบเขตเหนือมนุษย์
นั่นเพราะว่าทัณฑ์สายฟ้าตอนเลื่อนไปขอบเขตเหนือมนุษย์จะรุนแรงมากจนไม่มีใครกล้าทำ
“เจ้ามั่นใจว่าจะรอดจากทัณฑ์สายฟ้างั้นรึ”
“แน่นอน ถ้าข้าไม่มั่นใจแล้วจะทะลวงขั้น 10 ทำไม แล้วท่านมีของที่ไม่ได้ใช้หรือไม่เพราะเซียนเพลิงโลกันตร์กับเซียนเหมันต์เยือกแข็งให้ทั้งแหวนมิติเซียนมาเลยทีเดียว”
เมื่อเซียนดาบเทวะได้ยินก็รู้สึกหนักใจเพราะถ้าไม่ให้ก็เหมือนโดนหยามแต่ถ้าให้ไปตนก็จะหมดตัวแน่
“ชิ รับไปซะ มีดาบระดับสวรรค์อยู่กับหินลมปราณนิดหน่อย”
เมื่อหวังเล่อเฉิงได้ยินคำว่าหินลมปราณก็ตาเป็นประกายอีกครั้งเพราะคำว่านิดหน่อยสำหรับเหล่าเซียนอาจมากมายต่อตนเป็นได้
เมื่อรับมาหวังเล่อเฉิงก็ส่งพลังจิตเข้าไปสำรวจทันที
“บัดซบ!! นี่มันนิดหน่อยจริงๆด้วยแต่ก็ยังดีที่ข้าได้หินลมปราณระดับกลางมา 26 ก้อน”
การจะเพิ่มระดับกายากลั่นสวรรค์ระดับนภานั้นต้องใช้หินลมปราณระดับกลางร้อยก้อนเลยทีเดียว แต่ก็ยังดีที่มีอาวุธระดับสวรรค์มาให้
หวังเล่อเฉิงนำดาบระดับสวรรค์ออกมาแล้วหยดเลือดของตนลงไป
แวบบบบบบบ
ดาบพุ่งเข้าไปในห้วงวิญญาณของชายหนุ่มแล้วส่งความทรงจำไปให้
“ดาบสวรรค์ปราบมาร เอาไว้ใช้ต่อกรกับพลังมารหนือปีศาจมากกว่าแต่ก็เป็นระดับสวรรค์ ใช้ได้อยู่”แหวนมิติที่เซียนดาบเทวะให้มาเป็นแหวนมิติระดับสูง
“ถ้าเช่นนั้นข้าไปก่อนนะครับ”หวังเล่อเฉิงถอนพลังจิตออกมาแล้วเดินทางต่อทันที
หวังเล่อเฉิงใช้เวลาไป 1 เดือนแล้วในการตามหาเหล่าเซียน ซึ่งตอนนี้ตามหาได้ 17 คนแล้วขาดอีก 2 คนเท่านั้น
“ระดับพลังจิตของข้าใกล้จะเลื่อนระดับแล้ว และอี้เฟยก็ใกล้ทะลวงเข้าขั้นที่ 10 แล้ว ส่วนฉางเทียนก็บรรลุระดับก่อลมปราณ ขั้นที่ 7 แล้วด้วยจากพลังคงเหลือในโอสถ”หวังเล่อเฉิงพึมพำออกมาขณะเดินทางใกล้ถึงที่หมายแล้ว
1 เดือนที่ผ่านมากลุ่มของหวังเล่อเฉิงหลีกเลี่ยงคนอื่นๆมาโดยตลอดเพราะไม่อยากเสียเวลา
“ช่วยด้วยย!!!!!!!!!”เสียงร้องเรียกดังจนมาถึงที่กลุ่มของหวังเล่อเฉิง
“เสียงคุ้นๆแฮะ”หวังเล่อเฉิงคิดจะไปดูถึงแม้จะไกลอยู่บ้างก็ตาม
“พวกเราไปดูกันเถอะ”
“อื้ม/เจ้าค่ะ”
หวังเล่อเฉิงเร่งความเร็วขึ้นอีกโดยใช้วิชาเหยียบนภาเต็มที่ 1 เดือนที่ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและเจียงอี้เฟยนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมากและดูเหมือนพี่ชายนางจะไม่ขัดเสียด้วย
เนื่องจากอยากให้คนของตนพัฒนาไวขึ้นหวังเล่อเฉิงจึงมอบวิชาต่างๆที่ตนสร้างมาขึ้นเป็นวิชาระดับนภาทั้งหมด
ซึ่งถ้าระดับมากกว่านี้อาจใช้ไม่ได้และหวังเล่อเฉิงก็หาวิชาที่มากกว่าระดับนภาไม่เจอนอกมิติด้วย แต่ก็ได้รับวิชา ทรัพยากร มาจากเซียนอีก 14 คนพอสมควร
“อีกประมาณครึ่งเค่อก็คงจะถึงแล้วถ้ายังไหวกันอยู่ก็เร่งอีกหน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวไม่ทันการ”
ตูมมมมมมม ตูมมมมมมมมมม
“ฮ่า ฮ่า ส่งหยดน้ำนั่นมาซะ แล้วข้าจะไม่เอาเรื่องพวกเจ้า”ชายหนุ่มที่ใส่ชุดของตระกูลชิงเอ่ย
“ชิงเจียง เจ้ามันไร้ยางอายใช้คนจำนวนมากรังแกพวกเรา”ชายหนุ่มที่กำลังหนีการโจมตีจากคนตระกูลชิงอีก 5 คนเอ่ยอย่างโกรธแค้น
“ฮ่า ฮ่า แล้วไงเล่าใครจะช่วยเจ้าได้”ชิงเจียงเร่งเร้าพลังปราณของตนออกมาแล้วปล่อยวิชาที่แข็งแกร่งออกมา
ตูมมมมมมมมมมมม
ฝุ่นควันลอยกระจายออกไปรอบๆ แต่มันยังเห็นงาของชายหญิงคู่นั้นที่ตนตามล่าลางๆ
“เฮอะ!!! รังแกคู่ค้าของข้าเจ้าต้องตาย”หวังเล่อเฉิงโผล่ออกมาจากควันแล้วนำดาบสวรรค์ปราบมารออกมาลองใช้และเร้าเจตจำนงไปที่ดาบ
วิ้งงงงงงงงงง
แสงสีดำคลุมดาบเอาไว้แล้วพุ่งเข้าไปหาชิงเจียง
“วิชาดาบตัดนภาผ่าสวรรค์ ขั้นที่ 1 แยกนภา”หวังเล่อเฉิงง้างดาบขึ้นเหนือหัวตนแล้วใส่พลังปราณธรรมชาติที่ดูดมาลงไปที่ดาบเรื่อยๆ
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ท้องนภาถูกแหวกออกก้อนเมฆหายไปเป็นทางยาวตามคลื่นดาบที่ผ่าน