บทที่ 19 ทะลวงระดับก่อเสริมจิตขั้นที่ 10
การฝืนหลอมโอสถในครั้งนี้ทำให้หวังเล่ิอเฉิงสามารถพัฒนาความสามารถด้านการหลอมโอสถไปมากเลยทีเดียวแต่การจะหลอมเพิ่มอีก 2 เม็ดนั้นคงต้องฝืนอีกซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเลยแม้แต่น้อย
“ข้ามีพลังปราณไม่พอใช้ในการหลอมโอสถระดับ 4 อย่างน้อยๆข้าต้องอยู่ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 6 ถึงจะหลอมได้แบบไม่มีปัญหาอะไร”ยิ่งโอสถระดับสูงก็ยิ่งใช่ปราณในการกลั่นมากขึ้นเท่านั้นแต่ยังดีทีหวังเล่อเฉิงมีปราณธรรมชาติทำให้มีโอกาสมากในการหลอมได้ขั้นสูงทุกเม็ด
หวังเล่อเฉิงคิดหาวิธีจากความทรงจำของตนที่ได้มาจากหอตำราดูก็พบว่ามีวิธีหนึ่งที่เหมาะกับตน
พรึ่บ
หวังเล่อเฉิงหยิบหินปราณระดับต่ำออกมาจากแหวนมิติ โดยปกติแล้วหินลมปราณจะใช้เพื่อขัดเกลาลมปราณเพื่อให้เพิ่มระดับได้รวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น…แต่หวังเล่ิอเฉิงมีเส้นลมปราณกลืนกินจึงสามารถดูดซับปราณในหินลมปราณโดยตรงได้
วูบบบบบบบบ
แกร๊กก แกร๊กกกกกก
หินปราณระดับต่ำที่ดูดซับเข้าไปได้สักครู่ก็แตกออกพร้อมกับมีพลังปราณธรรมชาติที่บริสุทธิ์อยู่รอบๆกายชายหนุ่มเพราะยังไม่ใช้เส้นลมปราณดูดซับเข้าไป
“ต้องใช้ประมาณร้อยก้อนต่อ 1 เม็ด แต่ข้ามีแค่ 42 ก้อนจากการขายโอสถก่อนเข้ามา”
“โอ้ เจียงฉางเทียนเป็นองค์ชายต้องมีติดตัวบ้างละน่า”เมื่อคิดได้ก็เรียกเจียงฉางเทียนที่เตรียมตัวบ่มเพาะอยู่
“ฉางเทียน เจ้ามีหินลมปราณระดับต่ำหรือไม่”
“มี มีสิ เอาไปหมดเลยก็ได้”เจียงฉางเทียนโยนแหวนมิติของตนไปให้ เขาที่กำลังดีใจอยู่กับโอสถเปิดชีพจรนั้นไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากโอสถที่อยู่ในมือเท่านั้น
“เจ้านี่รวยแฮะ”ในแหวนมิติมีหินลมปราณระดับต่ำอย่างน้อยก็ร้อยก้อนแล้ว
“อืมมม….มีประมาณ 167 ก้อนรวมกับของข้าก็ครบ 200 ก้อนพอดี”หวังเล่อเฉิงนำหินลมปราณระดับต่ำออกมา 199 ก้อนแล้วเริ่มดูดซับ 99 ก้อนเพื่อให้มีปราณเพียงพอต่อการหลอมโอสถ
“มาเริ่มหลอมกันเลย”
หวังเล่อเฉิงใช้เวลาหลอมโอสถเปิดชีพจรทั้ง 2 เม็ดสองชั่วยามแล้วเข้าฌานปรับสภาพลมปราณให้สมบูรณ์เตรียมพร้อมทะลวงระดับ 10
“ลมปราณที่อยู่ในร่างของข้าตอนนี้นั้นสามารถทะลวงระดับก่อลมปราณได้แล้ว 2 ครั้งด้วยซ้ำแต่มันยังไม่พอทะลวงขั้นที่ 10”หวังเล่อเฉิงต้องการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งจึงต้องใช้พลังปราณที่มากกว่านี้สัก 3 เท่า
“โอสถเปิดชีพจรน่าจะช่วยข้าได้”หวังเล่อเฉิงโยนเม็ดโอสถเข้าปากของตนแล้วดูดซับพลังปราณที่แผ่ออกมาแล้วกลั่นเป็นพลังธรรมชาติเข้าตัวอย่างรวดเร็วด้วยการประสานกันระหว่างกายากลั่นสวรรค์กับเส้นลมปราณกลืนกิน
วูบบบบบบบบบบบ
พลังลมปราณหมุนวนรอบๆตัวของหวังเล่อเฉิงจำนวนมากแล้วเก็บสะสมไว้
“ขาดอีกนิดหน่อย...หินลมปราณน่าจะช่วยได้”หวังเล่อเฉิงนำหินลมปราณที่เหลือออกมาแล้วดูดซับอย่างบ้าคลั่ง
ปุงงงงงงงงงงงง
ลมปราณระเบิดออกมารอบตัวของหวังเล่อเฉิงอย่างรุนแรง
“ในที่สุดก็มาถึงขั้นที่ 10 อีกครั้งน่าคิดถึงจริงๆ”ขั้นที่ 10 นั้นจะทรงพลังกว่าระดับต่อไปขั้นที่ 2 ตอนที่หวังเล่อเฉิงอยู่ที่ระดับก่อเสริมกายาขั้นที่ 10 นั้นมันทำให้กายาของหวังเล่อเฉิงแข็งแกร่งมากกว่านับ 5 เท่า ตอนนี้ก็เช่นกันพลังจิตของหวังเล่อเฉิงแข็งแกร่งกว่าคนปกติ 5 เท่าเลยทีเดียว
พลังจิตจะช่วยให้ควบคุมทักษะและการไหลเวียนของลมปราณในร่างได้เร็วยิ่งขึ้นและสำหรับคนมีพลังจิตที่สามารถแสดงออกมาได้แบบหวังเล่อเฉิงนั้นมีประโยชน์มากมายทำให้หวังเล่อเฉิงเกือบจะทะลวงระดับพลังจิตเข้าสู่สีฟ้าแล้ว
หวังเล่อเฉิงต้องการลมปราณในการเพิ่มระดับพลังจิตให้ทะลวงเข้าสู่สีฟ้าแล้วค่อยทะลวงไประดับก่อลมปราณ
“ข้าไปดูอี้เฟยดีกว่า ถ้าบรรลุเจตจำนงได้ส่วนหนึ่งแล้วข้าจะได้ให้โอสถเปิดชีพจรแก่นาง อาจทำให้นางทะลวงสู่ขั้นปลายเลยทีเดียวแถมยังยกระดับเส้นลมปราณได้สักหน่อยด้วย”เพราะหวังเล่อเฉิงใส่สมุนไพรเหมันต์ระดับ 4 ที่ได้มาจากเซียนเหมันต์เยือกแข็งลงไปด้วย
เมื่อมาถึงถ้ำที่เพิ่งขุดมาใหม่ๆแล้วมีหญิงสาวที่งดงามมากๆคนหนึ่งนั่งอยู่
หวังเล่อเฉิงยืนรอมองดูนางทำความเข้าใจเจตจำนงอย่างสบายตาไปเรื่อยๆ
ผ่านไปอีก 1 ชั่วยามนางก็ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหวังเล่อเฉิงจ้องมองมาที่ตนอยู่
“อ๊ะ…ท่านเล่อเฉิงขอโทษที่ให้รอเจ้าค่ะ”นางงุดหน้าที่แดงซ่านของนางลงจาการโดนจ้อง
“โอะ…โอ้ ไม่เป็นไรหรอกข้ารอได้ แล้วเจ้าบรรลุถึงขั้นไหนงั้นรึ”
“ขั้น 4 ทั้งสองเลยเจ้าคะ”เจียงอี้เฟยเอ้ยด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก
เจียงฉางเทียนที่เพิ่งฝึกเสร็จและเดินผ่านมาพอดีก็ได้ยินเข้า
“หะ!!! เจ้าบรรลุเจตจำนงระดับ 4 สองอย่างงั้นรึ”ที่เจียงฉางเทียนตกใจเพราะคนที่บรรลุเจตจำนงส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์หลักของสำนักหรือไม่ก็ชายชราที่อยู่มานานแถมเป็นขั้นที่ 4-5 ซะส่วนใหญ่ แต่นี่นางอายุแค่ 12 ปีกลับบรรลุสองเจตจำนงแถมขั้น 4 เสียด้วย
“ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว”
“ทำได้ดีบ้าอะไรละ นี่มันสุดยอดอัจฉริยะชัดๆ”เจียงฉางเทียนเถียง
“เพราะนางใช้แก่นวิถีช่วยเลยทำให้บรรลุได้เร็ว”
“เหอะเหมือนเจ้าใช้ได้แหละ”
“ข้าใช้ได้แต่แค่ระดับ 1 เท่านั้น”
“เห็นไหมละ น้องข้าคือสุดยอดอัจฉริยะ”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
9 เจตจำนงโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า
ที่มีเพิ่มมาอีก 2 นั้นมาจากขณะทำการหลอมรวมวิชาเพลิงเทวะโลกันตร์ และ วิชาเทวะเยือกแข็งสมบูรณ์ แล้วบรรลุเจตจำนงขึ้นมา
“จะ...เจ้า!!! เจ้านี่มันสัตว์ประหลาดแล้วที่บรรลุเจตจำนงเยอะขนาดนี้”
“ว้าวววว ท่านเล่อเฉิงท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก”เจียงอี้เฟยเอ่ยด้วยเสียงที่น่ารักเป็นอย่างมาก
“เออใช่ อี้เฟยเจ้าได้รับอะไรมาจากหวังเล่อเฉิงในโบราณสถานอย่างงั้นรึ”
“อะ….เอ่ออออ คือว่าาาา มันเป็นวิชาระดับเทพหน่ะเจ้าค่ะ”
“ระดับเทพ?? คืออะไรงั้นรึ”
“ถ้าเจ้าคิดว่าเทวะ คืิอจุดสูงสุดแล้วละก็เจ้าคิดผิด ระดับที่สูงกว่าเทวะ คือระดับเทพยังไงละ”หวังเล่อเฉิงเอ่ย
“ระดับที่สูงกว่าเทวะ!!!! ถ้าคนอื่นได้ยินราชวงศ์ข้าโดนตามล่าแน่”
“มันเป็นของอี้เฟย ไม่ใช่ของราชวงศ์เจ้า”
“อะ...อึก”เจียงฉางเทียนใบ้กินเมื่อเถียงไม่ได้
“อี้เฟย นี่คือโอสถเปิดชีพจรมันจะทำให้เจ้าเพิ่มระดับได้เร็วมาก และ ยกระดับเส้นลมปราณของเจ้าได้ด้วย”
“อื้ม ขอบคุณท่านมาก”เจียงอี้เฟยรับโอสถมาแล้วเริ่มการบ่มเพาะต่อทันที
“เอาละเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปหาสมบัติกัน”
หวังเล่อเฉิงเก็บกวาดถ้ำและรอเจียงอี้เฟยบ่มเพาะเสร็จแล้วจึงจะออกเดินทางเพื่อตามหาเหล่าเซียน