ตอนที่แล้วบทที่ 17 เซียนเพลิงโลกันตร์ และ เซียนเหมันต์เยือกแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 ทะลวงระดับก่อเสริมจิตขั้นที่ 10

บทที่ 18 โอสถเปิดชีพจร


“ได้ข้ารับข้อเสนอของพวกท่าน เพราะสักวันข้าคิดว่าข้าคงต้องขึ้นไปดินแดนที่สูงกว่านี้พวกดินแดนราชันย์มันอาจเป็นจะปัญหากับข้าได้”

“ฮ่า ฮ่า ดีๆมีปีศาจน้อยเช่นเจ้าคงสู้กับพวกมันได้แน่”

“เก็บหนังสือที่ข้าใช้เข้ามาไปเลยใช่หรือไม่”

“ใช่ รักษามันดีๆด้วยละ”

“แล้วสมุนไพรกับแก่นวิถีละ”

“อยู่ในแหวนมิตินี้หมดแล้ว”หญิงกลางคนหยิบแหวนมิติออกมาแล้วผลักมาทางหวังเล่อเฉิง

“แหวนมิติเซียนระดับสูงนิ”หวังเล่อเฉิงตาเป็นประกายเพราะในดินแดนนี้ไม่น่าจะมีแหวนมิติระดับนี้

‘โว้ว มีพื้นที่ขนาดใหญ่จนเก็บภูเขาได้ทั้งลูกเลยแหะ แถมสมุนไพรที่ข้าต้องการในตอนนี้ก็มีเยอะมากมีสมุนไพรเซียนอีกนิดหน่อย’หวังเล่อเฉิงเมื่อได้เห็นข้างในก็รู้สึกดีเป็นอย่างมากแต่มันมีแค่สมุนไพรกับแก่นวิถี

“พวกท่านรอข้าได้เลยข้าจะไปหาพวกท่านให้ครบทุกคน...แล้วพวกท่านมองเห็นข้าข้างนอกหรือไม่?”

“ไม่เห็นหรอกนี่เป็นที่เก็บจิตวิญญาณระดับเซียน การที่จะอาศัยอยู่ในนี้และเห็นโลกภายนอกได้จะต้องเป็นระดับเทพเท่านั้น”

“งั้นพวกท่านรอข้าได้เลย ข้าสัญญาไม่เกิน 30 ปีข้าจะสร้างร่างให้พวกท่านได้”

“เอานี่ เข็มทิศนี้จะช่วยให้เจ้าหาพวกข้าได้”เซียนโลกันตร์โยนเข็มทิศมาให้

หวังเล่อเฉิงให้สัญญาแล้วรับเข็มทิศมาจึงดึงพลังจิตของตนกลับ

เวลาข้างนอกนั้นผ่านไปเกินหนึ่งเค่อแล้ว

“ท่านเล่อเฉิงท่านเป็นอะไรหรือไม่เจ้าค่ะ”เจียงอี้เฟยเอ่ยอย่างเป็นห่วง

แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

“ท่านพี่ ท่านเล่อเฉิงยืนเงียบไปนานตั้งแต่จับสมุดเล่มนั้นแล้วนะเจ้าคะ”

“เขาน่าจะกำลังทำอะไรอยู่สักอย่างรอก่อนเถอะ”

“ข้าได้ทุกอย่างมาแล้วละ กลับไปข้างนอกกันเถอะ”เสียงของหวังเล่อเฉิงดังขึ้นเมื่อผ่านไปสักพัก

“อะ….เอ่อ ได้กลับกันเถอะ เจียงฉางเทียนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรเพราะไม่เห็นสมบัติแม้แต่ชิ้นเดียว”

เมื่อออกมาจากโบราณสถานแล้วหวังเล่อเฉิงก็ลองถามเจียงอี้เฟยดูว่าจะไปกับตนหรือไม่

“อี้เฟยเจ้าจะไปกับข้าหรือจะไปกับพี่ชายของเจ้า”

“ข้าต้องไปกับท่านอยู่แล้วสิ”หญิงสาวพลันหน้าแดงแล้วเอ่ยอย่างมุ่งมั่น

“ถ้าน้องสาวข้าไปกับเจ้าด้วย งั้นข้าจะไปด้วย”เจียงฉางเทียนเอ่ย

“ถ้าองค์ชายต้องการไปกับข้าก็มาคนเดียวห้ามเอาผู้ติดตามมาด้วย”

“เจ้า!!! เจ้าชักจะเหิมเกริมมากเกินไปแล้วนะ”ผู้ติดตามคนหนึ่งเอ่ยอย่างหัวเสีย

“หยุด!! ข้าตัดสินใจแล้วข้าจะไปด้วย”

“ได้เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”หวังเล่อเฉิงเข้าไปอุ้มเจียงอี้เฟยแล้วออกวิ่งด้วยวิชาเหยียบนภาเต็มที่

เมื่อเจียงฉางเทียนเห็นเช่นนั้นก็รีบใช้วิชาท่าเท้าของตนตามไป

‘อยู่ระดับก่อเสริมจิตขั้นที่ 9 แท้ๆแต่กลับเร็วพอๆกับข้าเลย’เจียงฉางเทียนคิดอย่างหวั่นใจ

ผ่านไปชั่วครู่ก็สลัดกลุ่มผู้ติดตามที่มีระดับพลังเพียงก่อเสริมลมปราณขั้นที่ 1-2 ได้

“เอาละองค์ชายท่านต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่”หวังเล่อเฉิงถามโดยไม่ให้ตั้งตัว

“เช่นไรรึ”

“น้องสาวของท่านอีกไม่นานจะแข็งแกร่งมากๆ ทวีปนี้จึงไม่ควรให้นางอยู่ต่อเพราะจะเป็นการตัดอนาคตของนาง ข้าจึงคิดจะพานางไปกับข้าตอนออกจากทวีปด้วย”

“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร”

“เพราะนางคล้ายกับข้ายังไงละเป็นคนที่มีเส้นลมปราณที่พัฒนาได้เรื่อยๆ ที่นางป่วยเป็นเช่นนั้นก็เพราะพลังของนางแข็งแกร่งเกินไป”

“แล้วเจ้าจะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นยังไง”เจียงฉางเทียนเองก็อยากแข็งแกร่งขึ้นเพราะตนเป็นองค์ชายที่เป็นอัจฉริยะลำดับ2 เลยทีเดียวแต่องค์รัชทายาทนั้นมีอะไรไม่ชอบมาพากลเพราะแข็งแกร่งไวเกินไปจึงต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว

“ข้าพัฒนาเส้นลมปราณให้ท่านได้ รวมถึงมีทรัพยากรมากมายให้ใช้ ถ้าสนใจเจ้าสาบานต่อสวรรค์ว่าจะไม่ทรยศข้าแค่นี้เอง”

เจียงฉางเทียนชั่งใจว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่แต่ความสามารถแต่ละอย่างของคนตรงหน้านั้นเป็นของจริง

“ได้ ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่าจะไม่ทรยศหวังเล่อเฉิง”

วิ้งงงงงง

แสงสีทองอร่ามปรากฎขึ้นบนหน้าผากเป็นการยืนยันคำสาบาน ถ้าผิดคำสาบานจะตายทันที

“ดีมากหาที่พักก่อนเถอะ”

หวังเล่อเฉิงเดินทางต่ออีกก็เจอน้ำตกที่มีถ้ำอยู่ก็เข้าไปทันที

“เอาละ องค์ชายช่วยปกป้องข้าขณะหลอมโอสถด้วย”

“เจ้าเรียกข้าว่าฉางเทียนก็ได้”

“ได้ ฉางเทียนดูต้นทางดีๆด้วยอย่าให้ใครหรือตัวอะไรมารบกวนข้าเป็นอันขาด”

“ส่วนอี้เฟยนี่ข้าให้เจ้า ดูดซับพลังและบรรลุความรู้ที่มีอยู่ในนั้นให้ได้ละ”หวังเล่อเฉิงหยิบแก่นวิถีเพลิงกับเหมันต์ออกมา

แก่นวิถีจะช่วยให้เข้าใจในวิถีซึ่งเป็นระดับที่เหนือกว่าเจตจำนงแต่เจียงอี้เฟยยังไม่มีเจตจำนงเลยด้วยซ้ำมันคงช่วยให้นางสร้างเจตจำนงเพลิงและเหมันต์ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

“เจ้านี่ก็ให้แต่อี้เฟย ทีข้ายังไม่ได้อะไรเลย”เจียงฉางเทียนเอ่ยอย่างน้อยใจ

“รอข้าสักครู่เดี๋ยวข้าหลอมโอสถที่สุดยอดมากๆให้เจ้าเอง”

หวังเล่อเฉิงหยิบเตาหลอมโอสถออกมาจากแหวนมิติระดับสูงที่ตนย้ายของทั้งหมดไปแล้ว

พรึ่บ ชายหนุ่มจุดเพลิงธรรมชาติขึ้นมาครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งก่อนมากเพราะตนได้บรรลุวิชาเทพเพลิงเหมันต์ด้วยแม้ว่าหวังเล่อเฉิงไม่ได้ฝึกแต่วิชาปราณเทพบริสุทธิ์ของตนนั้นมันผสานวิชาที่ข้าบรรลุได้มันถือว่าเป็นวิชาที่เข้าขั้นโกงเลยทีเดียว

หวังเล่อเฉิงได้สมุนไพรในการหลอมโอสถเปิดชีพจรมาครบจากแหวนมิติที่เซียนทั้งสองท่านให้มา

“ที่ผลเกล็ดมรกตสุกแล้วเพราะข้าดึงปราณธรรมชาติมาเร่งผลให้สุขเร็วขึ้นจึงมีปราณธรรมชาติที่บริสุทธิ์หลงเหลืออยู่คงจะเป็นผลดีต่อทั้งสองเป็นแน่”หวังเล่อเฉิงค่อยๆกลั่นผลเกล็ดมรกตอย่างช้าๆเพื่อให้บริสุทธิ์ได้มากที่สุด

ฟู่ววววววว…มันกินปราณเยอะเอาเรื่องเนื่องจากเป็นโอสถระดับ 5 จึงเกินตัวชายหนุ่มไปมากแต่ยังดีที่ชายหนุ่มมีเส้นลมปราณกลืนกินจึงสามารถดูดซับพลังปราณรอบๆตัวมาเพิ่มได้เรื่อยๆ

เมื่อกลั่นสมุนไพรทั้งหมดเสร็จชายหนุ่มก็คิดที่จะทำโอสถระดับสูงสุดจึงหลอมรวมกลุ่มก้อนพลังงานทั้งหมดเข้าด้วยกัน

“อึกกก...พรวด!! ข้าทำเกินตัวไปคงต้องฝืนอีกสักหน่อยแล้ว”ชายหนุ่มกระอักเลือดโอสถระดับ5 ก็เกินตัวชายหนุ่มแล้วแต่นี่ยังจะทำขั้นสูงสุดอีกจึงฝืนใช้เส้นลมปราณกลืนกินดูดซับปราณรอบๆเข้ามามากขึ้นจนเกิดเป็นน้ำวนที่มีพลังปราณหนาแน่น

“หวังเล่อเฉิงกำลังทำอะไรกันแน่ถึงได้เกิดน้ำวนพลังปราณเช่นนี้”เจียงฉางเทียนเอ่ยอย่างตกตะลึง

ปังงงงงงงงงงงงงงงงงงง

“ในที่สุดข้าก็หลอมโอสถเปิดชีพจรเสร็จสักที”มีเม็ดโอสถสีเขียวใสเหมือนหยกอยู่ในเตาหลอม มันส่งคลื่นพลังปราณออกมารุนแรงเป็นอย่างมาก

‘ข้าทำได้เม็ดก็เดียวหมดแรงแล้ว ยังเหลือผลเกล็ดมรกตอีกสองผลข้าคงต้องพักก่อน’หวังเล่อเฉิงคิดและนั่งดูดปราณธรรมชาติเข้ามากลั่นด้วยกายากลั่นสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง

ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อก็ฟื้นฟูเต็มที่แล้ว

“ฉางเทียน รับเอาไปบ่มเพาะซะ”หวังเล่อเฉิงโยนโอสถเปิดชีพจรขั้นสูงสุดไปให้เจียงฉางเทียน

“อะ…โอสถระดับที่4 แถมเป็นขั้นสูงสุดในตำนานอีกด้วย”เจียงฉางเทียนรู้สึกคิดถูกแล้วที่มาติดตามชายหนุ่มมากความสามารถคนนี้เพียงอายุเท่านี้ก็มีพลังจิตสีม่วงกับหลอมโอสถระดับ4 ได้แล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด