บทที่ 17 เซียนเพลิงโลกันตร์ และ เซียนเหมันต์เยือกแข็ง
“อี้เฟย มาหาข้าหน่อย”หลังจากหลอมรวมได้วิชาใหม่มาหวังเล่อเฉิงต้องการที่จะให้เจียงอี้เฟยบ่มเพาะมาก
“อ้ืมได้สิ”
หวังเล่อเฉิงปลดปล่อยพลังจิตสีม่วงออกมาแล้วคัดลอกความทรงจำเข้าไปใส่ในกลุ่มก้อนสีม่วง
“แฮก แฮก กินแรงเอาเรื่องเลยนะเนี่ย”นี่เป็นวิธีที่สมองเทพมอบให้ ต้องใช้พลังจิตเป็นสื่อกลางทางความคิดแล้วคิดถึงวิธีฝึกวิชาในหัวมันจะส่งต่อไปที่ก้อนพลังจิต
หวังเล่อเฉิงนำนิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของหญิงสาว
วูบบบบบบบก้อนพลังจิตสีม่วงไหลเข้าไปภายในหัว
“นี่เจ้าทำอะไรน้องสาวข้า”เจียงฉางเทียนวิ่งเข้ามาขวางเมื่อเห็นหวังเล่อเฉิงส่งแสงสีม่วงๆแปลกเข้าหัวน้องสาวของตน
“ข้ากำลังช่วยน้องสาวเจ้าอยู่ไง”
“ช่วยยังไง??”
“น่า เจ้ารอไปเถอะเสร็จแล้วเดี๋ยวนางก็บอกเจ้าเองแหละ”
วิ้งงงงงงงงง
แสงสีม่วงส่องประกายจากตัวเจียงอี้เฟยแล้วความทรงจำของหวังเล่อเฉิงก็ไหลเข้าไปในหัวของนาง
“ทะ…ท่านเล่อเฉิงให้วิชานี้แก่ข้าจะดีหรือเจ้าคะ”
“เอาน่าข้าสร้งมันขึ้นมาก็ถือว่าข้าเป็นเจ้าของข้าจะให้เจ้าก็ไม่ผิดอะไรนิ”
“แต่มันล้ำค่ามากเกินไป ขะ..ข้ารับไว้ไม่ได้”
“รับไว้เถอะ ถือว่าเป็นของขวัญอีกอย่างของข้าก็แล้วกัน”หวังเล่อเฉิงลูบหัวเจียงอี้เฟยอย่างเอ็นดู
“น้องข้าเจ้าได้อะไรมางั้นรึ”
“อะ..เอ่อ คือว่าพูดที่นี่คงไม่เหมาะนะเจ้าคะ”เจียงอี้เฟยหันไปมองหวังเล่อเฉิงเพื่อขออนุญาติ
“ข้าให้เจ้าไปแล้วเจ้าจะทำเช่นไรก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”
หวังเล่อเฉิงมองไปรอบๆโถงเพื่อเช็คดูว่ามีอะไรอีกหรือไม่ตนไปสะดุดตากับกำแพงที่มีลวดลายสวยงามแปลกๆ
หวังเล่อเฉิงเดินเข้าไปตรวจสอบดูรอบๆกำแพง
“อืมมมม…อาคมที่ต้องแก้ไขก่อนจึงจะเข้าไปได้ น่าสนใจแหะ”
“องค์ชายมาคนของท่านมาตรงนี้ที”หวังเล่อเฉิงตะโกนบอกองค์ชายให้มาช่วยเหลือตนอย่างไม่เกรงใจ
“อะ…อืม ได้สิ”เจียงฉางเทียนที่กำลังคิดว่าน้องสาวตนได้อะไรมานั้นก็ตื่นจากภวังด้วยเสียงเรียกของหวังเล่อเฉิง
เมื่อจัดวางล้อมรอบกำแพงไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้แล้วนั้นหวังเล่อเฉิงก็นำม้วนอาคมออกมาและลงอาคมลวงตา
“ผู้ใช้อาคมระดับ 3”องค์ชายพึมพำอย่างตกใจ เพราะหวังเล่อเฉิงเพิ่งจะอายุได้ประมาณ 12-13 ปีเท่านั้นเอง
แวบบบบบบบ
“เอาละเสร็จแล้วข้าเจอห้องลับองค์ชายข้าอยากให้คนของท่านเฝ้าอยู่ข้างนอกด้วยเพราะอาคมลวงตาของข้าไม่ได้ปลอดภัยเต็มร้อย”
เมื่อจัดวางกำลังคนและหวังเล่อเฉิงศึกษาอาคมบนกำแพงเสร็จแล้วนั้นก็เริ่มสลายอักขระบนกำแพงทิ้งทันที
เพล้งงง
เสียงอาคมแตกกระจายเผยให้เห็นทางเดินลงไปใต้ดินเป็นทางยาว
“เอาละไปกันเถอะ”หวังเล่อเฉิงเดินนำหน้าเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวเพราะชายหนุ่มรู้สึกว่าข้างในมีอะไรดีๆรอตนอยู่เป็นแน่
ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงก้าวลงบันไดดังขึ้นมาเรื่อยๆไม่มีหยุดจนผ่านไปประมาณ 1 เค่อก็ลงมาถึงข้างล่างซึ่งเป็นห้องโล่งที่มีสมุดเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆ
“ไม่เห็นมีอะไรเลยนิ”เจียงฉางเทียนเอ่ยออกมา
หวังเลอเฉิงเดินเข้าไปดูหนังสือแล้วพลิกไปมา
‘สมุดเล่มนี้เป็นที่เก็บจิตวิญญาณ แสดงว่าเขาต้องการให้เราเข้าไปหาสินะ’หวังเล่อเฉิงคิดแล้วส่งพลังจิตของตนเข้าไปในสมุด
แวบบบบบบบบบบบ
“โอ้เจ้ามาแล้วงั้นรึสหายน้อย”
รอบๆตัวตอนนี้ของหวังเล่อเฉิงเป็นแม่น้ำและธรรมชาติที่สวยงามมีศาลาตั้งอยู่ตรงกลางและมีชายกลางคนและหญิงกลางคนนั่งอยู่
“พวกท่านเป็นใครงั้นรึ”ตั้งแต่ที่ได้สมองเทพมามันทำให้การคิดการอ่านของหวังเล่อเฉิงสุขุมและมีสติมากขึ้น
“ข้าคือ เซียนเพลิงโลกันตร์ ส่วนนี่คือภรรยาข้า เซียนเหมันต์เยือกแข็ง เป็นผู้สร้างโบราณสถานแห่งนี้”
“คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง”หวังเล่อเฉิงคารวะเพราะเซียนทั้งสองท่านนี้คงเป็นเจ้าของวิชาทั้งสองบนกำแพงเป็นแน่
“พวกท่านรู้อย่างนั้นรึว่าข้าจะมาหา”
“โฮ่ โฮ่ ข้าเห็นทุกอย่างในโบราณสถานนี้ เจ้าคงบรรลุวิชาบนกำแพงสักวิชาแล้วสินะ”
“ก็ประมาณนั้นแหละแต่วิชาของพวกท่านยังไม่สมบูรณ์พอให้ข้าฝึก”หวังเล่อเฉิงกล่าวออกไปตรงๆ
“ไม่สมบูรณ์เช่นไรงั้นรึ”เซียนเพลิงโลกันตร์มิได้โกรธเลยแม้แต่น้อยดูจะสนใจเสียมากกว่า
“อย่างแรกวิชาของพวกท่านทั้งสองต้องฝึกเป็นคู่เพื่อลดความแรงของเปลวงเพลิงและความหนาวเหน็บสุดขั้ว ข้อสอง มันแพ้ทางธาตุตรงข้ามมากเกินไป ข้อสาม ใช้ปราณไหลเวียนเกินความจำเป็น ข้อสี่ถ้าฝึกแล้วจะใช้พลังธาตุอื่นได้ยาก ข้อห้า ถ้ามีเจตจำนงไม่แข็งแกร่งพอจะสำแดงวิชาไม่ได้เต็มที่”หวังเล่อเฉิงร่ายยาวออกมา
“อืมมมม มันก็ใช่แต่ใช้ปราณเกินความจำเป็นนี่ข้าไม่เข้าใจ ข้าคิดว่ามันใช้ปราณไหลเวียนในการสำแดงน้อยแล้วนะ”
“งั้นข้าจะแสดงให้ท่านดู”หวังเล่อเฉิงสำแดงวิชาเทพเพลิงเหมันต์ที่ตนสร้างมาแล้วไหลเวียนไปทั่วร่างโดยผ่านบางจุดไปแล้วไหลเข้าจุดชีพจรเรียงไปเรื่อยๆ
บูมมมมมมมมม
เกิดเพลิงที่ร้อนแรงออกมาจากร่างทางขวาของชายหนุ่มและทางซ้ายเป็นน้ำแข็งเกาะทั่วแผ่ความหนาวเย็นออกมา
“นี่คือวิชาที่ข้าสร้างมาจากการนำวิชาทั้งสองของพวกท่านเป็นต้นแบบ”
“ฮ่า ฮ่า เจ้านี่เป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อยจริงๆสามารถแก้ไขและนำไปสร้างวิชาใหม่ได้ แล้วมันอยู่ระดับใดงั้นรึ”
“เป็นวิชาระดับเทพ”เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนเสียงมีฟ้าผ่าในหัวของเซียนทั้งสอง
“ระ…ระดับเทพนั้นรึ มันสร้างง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอาน่า พวกท่านมีของอะไรจะให้ข้ารึไม่”หวังเล่อเฉิงต้องการทรัพยากรในการเสริมพลังของตนเป็นอย่างมากเพื่อจะทวงเข้าสู่ขั้นที่ 10 ระดับก่อเสริมจิต
“พวกข้าเหลืออยู่ไม่มากแล้วมีแค่สมุนไพรไม่กี่ชนิดกับแก่นแท้วิถีเพลิงกับเหมันต์ของพวกเรา”คราวนี้เป็นหญิงกลางคนที่ตอบ
“แล้วพวกท่านมีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วยรึไม่”
“ถ้าได้ก็ดีข้าอยากให้หาพวกเราทุกคนในมิตินี้แล้วสร้างร่างให้พวกข้าใหม่”
“ทำไมงั้นรี แล้วทำไมเซีนนระดับสูงถึงมาอยู่ดินแดนนี้ได้ ดินแดนนี้น่าจะรับได้แค่เซียนระดับต่ำมากๆนิ”
“โอ้ความรู้เจ้าเยอะมากถึงได้รู้ว่ามีดินแดนอื่นอีกแถมยังรู้กฎของดินแดนด้วย”ชายชราเอ่ย
“พวกเราแพ้สงครามมาหน่ะ ดินแดนที่พวกข้าอยู่คือดินแดนเซียน ที่อยู่อย่างสงบไม่ระรานใครแต่แล้วก็มีพวกบัดซบจากดินแดนราชันย์เข้ามาเพื่อจะเอาศาสตราวุธคันฉ่องมิติเทวะไป”
“แล้วพวกมันได้ไปรึไม่”
“ไม่ได้ ท่านเซียนสวรรค์เหลียนจิวได้นำมาไว้ที่มิตินี้แล้วใช้พลังทั้งหมดที่มีรวมทั้งผลาญวิญญาณของตนสร้างมิตินี้เพื่อรอคนที่จะสามารถไปสู้กับพวกมันได้”
“ที่นี่มีเซียนทั้งหมดกี่คนรึ”
“ทั้งหมดรวมข้ากับภรรยามีทั้งหมด 19 คน พวกเราคือเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดรองมาจากท่านเหลียนจิว”
“ถ้าข้าช่วยพวกท่าน พวกท่านแต่ละคนคงมีทรัพยากรเยอะแยะให้ข้าสินะ”
“เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ได้ ถ้าเจ้าทำให้คันฉ่องมิติเทวะยอมรับเป็นนายได้เจ้าจะได้รับประโยชน์มากมายจากมัน”