บทที่ 16 วิชาเทพเพลิงเหมันต์
ง้าววววววววววว
เสียงลูกสิงโตสามหางดังขึ้นขณะที่หลังเล่อเฉิงกำลังพักเพื่อเตรียนเดินทางต่อเนื่องจากเดินทางอีกหนึ่งเค่อ(15 นาที)ก็คงถึงแล้วเลยแวะพักเอาแรงก่อน
“หวาาาา มันน่ารักจริงๆ”เสียงของเจียงอี้เฟยดังขึ้นขณะกำลังเล่นกับลูกสิงโตสามหาง
“เจ้าก็เอาแต่เล่นกับเสี่ยวเฉินตลอดการเดินทางแล้วปล่อยให้มันพักบ้างเถอะ”
“ก็มันน่ารักดีนี่..แถมมันเป็นสัตว์อสูรของข้าด้วย”เจียงอี้เฟยทำหน้ามุ่ย
“ครับองค์หญิง มันเป็นสัตว์อสูรของท่านท่านจะทำอะไรกับมันก็ได้ครับ”หวังเล่อเฉิงกล่าวล้อเลียน
“ฮึ่ม…ใช่ๆมันเป็นของข้า”
‘เพราะคงเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกของเธอละมั้งถึงได้เป็นเช่นนี้’หวังเล่อเฉิงคิด
“เอาละออกเดินทางได้แล้วจะได้ไปถึงเร็วๆ”หวังเล่อเฉิงทำการลบร่องลอยภายในถ้ำทั้งหมด
ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งสองก็มาถึงโบราณสถานที่ว่าตามคำบอกของเจียงอี้เฟย
“ไม่เห็นจะมีอะไรเลย หรือว่าข่าวที่ได้ยินมามันจะผิด”เจียงอี้เฟยรู้สึกผิดที่ทำให้หวังเล่อเฉิงเสียเวลา
“เรามาถูกที่แล้วแต่มันมีค่ายกลลวงตาอยู่รอบๆเราเลยไม่เห็น”หวังเล่อเฉิงเดินตรงไปอีก 2 จั้งก็หายวับไป
“ท่านเล่อเฉิง!!!! ท่านหายไปไหน”ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อไม่มีเสียงตอบรับเจียงอี้เฟยก็ตะโกนอีกครั้ง
“ท่านเล่อเฉิงท่านอย่าทิ้งข้านะ ข้ากลัว”เจียงอี้เฟยพูดเสียงสั่นเครือใกล้จะร้องออกมา
ยังไม่มีใครตอบกลับมานางก็เตรียมจะร้องไห้แล้ว
หมับ
เจียงอี้เฟยโดนกอดจากข้างหลังนางก็หันหลังกลับมาดูทันที
“ทะ…ท่านเล่อเฉิง ฮือฮือออออออ”เมื่อเห็นว่าคนที่มากอดตนเป็นคนที่ตนกำลังหาเจียงอี้เฟยร้องออกมาและหันหลังกลับมากอดชายหนุ่ม
“ฮืออออออ ท่านเล่อเฉิงท่านจะไม่ถึงข้าใช่ไหม”เจียงอี้เฟยถามเสียงสั่น
“ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอกอย่าร้องสิ”หวังเล่อเฉิงกอดพร้อมลูบหัวนางเบาๆ
“อึก อึก อืมมข้าจะไม่ร้อง”เจียงอี้เฟยพยายามกลั้นไม่ให้ตนเองร้องออกมาอีก
“ง้าวววววววววว”เสียงเสี่ยวเฉินร้องออกมาเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าตนถูกหญิงสาวโยนทิ้งจากอ้อมกอด
“เห็นไหม เสี่ยวเฉินเรียกหาเจ้าแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็ไปอุ้มสิงโตน้อยขึ้นมา
“ไปกันเถอะข้างในมีคนเยอะพอสมควร”หวังเล่อเฉิงเอ่ยพร้อมกับจับมือพานางเข้าไป
วูบบบบบบ
ทั้งสองเดินเข้าไปดูรอบๆโบราณสถานก่อน
“อยู่ตรงไหนรึวิชาที่เจ้าบอก”
“กลางห้องโถงข้างในโบราณสถานเจ้าค่ะ”
โบราณสถานที่นี้มีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีเสาตั้งอยู่มากมายแล้วเดินลึกเข้าไปจะเป็นโถงที่มีตัวอักษรสลักอยู่บนกำแพง
แต่ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้องโถงเพื่อดูวิชานั้นก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
“โฮ่ นึกว่าใครขยะที่จู่ๆก็มีความสามารถของตระกูลหวังนี่น่า”ชายหนุ่มที่เดินนำหน้ากลุ่มเอ่ยออกมาพร้อมแสดงสีหน้าหื่นกามไปทางเจียงอี้เฟย
“เจ้ามีปัญหาอะไร เหล่ยจีเชียว”หวังเล่อเฉิงรังเกียจท่าทางเช่นนั้นจนอยากจะเข้าไปฆ่าทิ้งแต่อีกฝ่ายมี 6 คนไม่ควรที่จะวู่วามแถมแต่ละคนอย่างต่ำก็ระดับก่อลมปราณขั้นที่1 แล้ว
“เอางี้เป็นไงเจ้าส่งผู้หญิงข้างๆเจ้ามาให้ข้าแล้วข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้า”เหล่ยจีเชียวเอ่ยด้วยใบหน้าที่วิปริตเป็นอย่างมาก
หวังเล่อเฉิงพยายามอดทนต่อการยั่วยุของมันอยู่เพื่อที่จะได้ไม่เผลอไม่ฆ่ามันเพราะตอนนี้หวังเล่อเฉิงสามารถสู้กับระดับก่อลมปราณขั้นที่ 3 ซึ่งๆหน้าได้แล้วขั้นที่ 4 ต้องใช้อุบายสักหน่อยก็คงชนะได้
“ถ้าเจ้าไม่ส่งนางให้ข้าข้าจะกระทืบเจ้าตรงนี้เลยเป็นไงและจะไปกระทืบคนในตระกูลเจ้าต่ออีกด้วย”เหล่ยจีเชียวและหวังเล่อเฉิงเป็นนายน้อยตระกูลเหล่ยเลยไท่อาจจะฆ่าตรงที่มีคนอยู่เยอะได้ไม่งั้นเกิดสงครามระหว่างตระกูลแน่
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวังเล่อเฉิงก็สติขาดผึงทันทีและกำลังจะง้างหมัดเข้าไปต่อยแต่ในตอนนั้นก็มีคนมาห้ามไว้
“น้องอี้เฟย พวกข้าเป็นห่วงแทบแย่นึกว่าเจ้าโดนจับตัวไปแล้วเสียอีก”ชายหนุ่มที่ใส่ชุดสีทองอร่ามเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่ฉางเทียน เจ้าคนพวกนี้จะรังแกข้า”เจียงอี้เฟยเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็ฟ้องพี่ชายของนางอย่างเร็ว
ครื่นนนนนนนน
แรงกดดันทับใส่เข้ากลุ่มของเหล่ยจีเชียวจนคนที่มีระดับก่อลมปราณขั้นที่ 1 ทรุดลงส่วนตัวของเหล่ยจีเชียวที่อยู่ระดับ 2 ก็เหงื่อตกขาสั่น ซึ่งหวังเล่อเฉิงก็โดนไปด้วยแต่ไม่ส่งผลกระทบเลยสักนิด
“ระ…ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 5”เหล่ยจีเชียวเอ่ยเสียงสั่น
เมื่อหวังเล่อเฉิงเห็นคนที่น่าจะเป็นองค์ชายพี่ของเจียงอี้เฟยมาก็ไม่อดกลั้นอีกต่อไปซัดหมัดเข้าไปเต็มหน้าของเหล่ยจีเชียว
ผัวะ
ปังงงงงงงงงงงง
“อั่กกกก”เหล่ยจีเชียวโดนหมัดที่ใส่พลังเต็มสิบส่วนเข้าไปเต็มๆปลิวไปชนเสาหินขนาดยักษ์กระอักเลือดออกมาแล้วสลบไป
“จะ…เจ้า”คนที่เหลือในกลุ่มตระกูลเหล่ยตื่นกลัว
เมื่องค์ชายเจียงฉางเทียนเห็นหวังเล่อเฉิงยังโจมตีต่อได้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“เจ้ามีนามว่าอะไรอย่างนั้นรึ”เจียงฉางเทียนถาม
“ข้ามีนามว่าหวังเล่อเฉิง”ชายหนุ่มกล่าวโดยไม่เคารพสักนิด
“สามหาว เห็นองค์ชายแล้วไม่เคารพงั้นรึ”คนที่ติดตามองค์ชายมาเอ่ย
ครื่นนนนนนนนน
แรงกดดันที่หนักหน่วงพอๆกับของเจียงฉางเทียนกระทบเข้าใส่ผู้ติดตามคนนั้นเพราะอารมณ์ยังไม่ดีอยู่ด้วย
“ท่านเล่อเฉิง ช่วยใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ”เจียงอี้เฟยเอ่ยออกมาทำให้ชายหนุ่มเย็นลงทันที
“เจ้าหนีออกมาอาการเจ้าไม่กำเริบรึอี้เฟย แล้วเจ้าโดนใครทำอะไรบ้างไหม”เจียงฉางเทียนเอ่ยอย่างเป็นห่วง
“อาการข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะท่านเล่อเฉิงช่วยรักษาข้าแล้ว แต่ที่ข้าเจอกับท่านเล่อเฉิงเพราะข้าเกือบจะโดนพวกองค์ชายจากอีกสามอาณาจักรจับไปแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็คิดไปถึงสภาพขององค์ชายทั้งสามที่ตนบังเอิญไปพบเข้าแล้วเกิดอาการเกรงกลัวต่อหวังเล่อเฉิง
“ขอบคุณท่านมากๆที่ช่วยรักษาอาการที่รักษาไม่หายของน้องข้าแล้วยังช่วยจากการโดนจับอีก”เจียงฉางเทียนเอ่ยอย่างขอบคุณ
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะเราไปดูวิชาที่เจ้าบอกกันเถอะ”หวังเล่อเฉิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจแล้วให้เจียงอี้เฟยนำทางไปดูวิชาทีีต้องการ
เดินมาสักพักก็เข้ามาในห้องโถงใหญ่ได้แล้ว มีคนมากมายพยายามทำความเข้าใจในตัวอักษรที่อยู่บนกำแพงขนาดยักษ์ไม่กี่ตัว
เมื่อมาถึงหวังเล่อเฉิงก็เดินมองออกไปทั่วกำแพงเพื่อให้สมองเทพประมวลผลความหมายตัวอักษร ทำให้เจียงอี้เฟยต้องรีบตามไป
“สุดยอด เป็นวิชาระดับเทวะทั้งคู่เลย วิชาเพลิงเทวะโลกันตร์ กับ วิชาเทวะเยือกแข็งสัมบูรณ์ คนสร้างได้นำความรู้มาใส่ไว้ในตัวอักษรแล้วแผ่กลิ่นอายของวิชาออกมาให้ทำความเข้าใจ”หวังเล่อเฉิงพึมพำพร้อมลองหลอมรวมวิชาดู
“ทั้งสองวิชามีความแข็งแกร่งในแบบของตัวเอง จุดอ่อนมีแค่ไม่กี่อย่างแพ้ทางธาตุตรงข้ามมากเกินไป ฝึกได้ยากเย็น และ ใช้ปราณมากเกินความจำเป็นเท่านั้น”ถ้าเป็นเซียนคนอื่นมาเห็นก็คงบอกว่าใช้ปราณจำนวนปกติแล้วแต่หวังเล่อเฉิงมีวิธีการเดินลมปราณฉบับที่ทรงพลังจากสมองเทพทำให้มันดูเป็นจุดอ่อน
“เอาละข้าได้วิชาบ่มเพาะที่แข็งแกร่งสุดๆ แถมยังเป็นวิชาระดับเทพวิชาแรกเสียด้วยมันจะแข็งแกร่งกว่านี้มากถ้าเข้าใจในเจตจำนงเพลิงและเหมันต์แล้วในวิชายังมีท่าโจมตีอยู่สามท่า”
“วิชาเทพเพลิงเหมันต์ มันจะทำให้อี้เฟยแข็งแกร่งขึ้นมากแน่ๆแต่ต้องหาวิธียกระดับเส้นลมปราณให้นางซะก่อน”