บทที่ 15 ผลเกล็ดมรกต
หลังจากที่พักเสร็จแล้วขณะนี้ทั้งสองกำลังเดินทางไปโบราณสถานที่มีวิชาธาตุเพลิงกับธาตุเหมันต์อยู่น่าจะใช้เวลาในการเดินทาง 1-2 วันและได้สนิทสนมกันมากขึ้น
“ท่านเล่อเฉิง แล้วข้าควรทำเช่นไรในการยกระดับเส้นลมปราณของข้าละเจ้าคะ”
“เส้นลมปราณเหมันต์นิรันดร์ของเจ้าแค่หาที่ที่มีปราณน้ำแข็งหนาแน่นหรือไม่ก็ดูดซับแกนอสูรธาตุเหมันต์ก็ยกระดับได้ง่ายๆเลยหละไม่เหมือนของข้าเลย”หวังเล่อเฉิงคิดหนักกับการพัฒนาระดับกายาและเส้นลมปราณของตน
กายาก็ต้องใช้หินปราณจำนวนมหาศาล เส้นลมปราณก็ต้องใช้แกนอสูรจำนวนมากดูดซับปราณบริสุทธิ์เข้ามา
ถ้าเป็นคนอื่นคงใช้แกนอสูรในกาดูดซับโดยตรงได้ แต่ของชายหนุ่มมันกลับไปเพิ่มระดับเส้นลมปราณถ้าจะใช้แกนอสูรเพิ่มพลังปราณจะต้องนำไปหลอมเป็นโอสถเสียก่อน ดีที่หวังเล่อเฉิงสามารถหลอมแกนอสูรแล้วเพิ่มประสิทธิภาพมันได้
“อี้เฟยเจ้าต้องไม่สุภาพกับข้าขนาดนั้นก็ได้”หวังเล่อเฉิงยิ้มให้หญิงสาว
“คือว่า…..ข้าไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนเลยนะเจ้าค่ะ เพราะอยู่แต่ในห้องที่ทำจากวัสดุอย่างดีตั้งแต่เด็กทำเช่นไรก็หนีออกไปข้างนอกไม่ได้เพราะตัวข้าจะแผ่ไอความร้อนและเย็นออกมาทุกๆ 1 ชั่วยาม”เพราะเป็นเช่นนี้เจียงอี้เฟยจึงเหมือนหญิงสาวทั่วๆไปไม่ใช่คุณหนูผู้สูงศักดิ์
“แล้วเจ้ามาที่นี่ได้เช่นไรบิดาของเจ้าอนุญาตด้วยรึ”
“อะ….เอ่อออ ข้าหนีออกมานะเจ้าค่ะ เพราะช่วงนั้นคนอื่นกำลังยุ่งๆแล้วข้ารอเวลาที่คนรับใช้เอาอาหารมาให้หนีออกมา”
“เจ้านี่เป็นเด็กไม่ดีเลยนะ”หวังเล่อเฉิงยิ้มเยาะ
“แล้วระดับพลังของเจ้าอยู่ระดับใดงั้นรึ”หวังเล่อเฉิงมองไม่ออกถึงปราณแม้แต่นิดเดียวแต่เจียงอี้เฟยกลับตามตนทันได้ถึงแม้จะใช้พลังแค่ 20 ส่วน
“ข้าอยู่ที่ระดับก่อเสริมจิต ขั้นที่ 1 เจ้าค่ะท่าพ่อของข้าได้นำทรัพยากรจำนวนมากมายมาให้เลยมาถึงระดับนี้ได้….แต่ข้าใช้ไปมากมายจริงๆ”เจียงอี้เฟยเอ่ยอย่างเศร้าใจ
“มันไม่เสียประโยชน์หรอก ยังมีพลังปราณบางส่วนค้างอยู่ในร่างของเจ้าถ้าเจ้ายกระดับเส้นลมปราณได้เจ้าก็จะดูดซับพลังงานที่เหลือได้ถ้าไม่เกินระดับของเส้นลมปราณนั้นนะ”
“แต่ที่มิตินี้ก็ใหญ่จริงๆเลยนะน่าจะเล็กกว่าอาณาจักรครึ่งหนึ่งได้”หวังเล่อเฉิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
โฮกกกกกกกกกกกก
เสียงสัตว์อสูรคำรามดังกังวานออกมา
“เสียงคำรามที่ส่งมาน่าจะอยู่ระดับก่อตันเถียน!!!!”
“เราจะเข้าไปดูหรือไม่เจ้าค่ะ??”เพราะเสียงของมันอยู่ใกล้เป็นอย่างมากคงใช้เวลาครึ่งก้านธูปก็น่าจะไปถึง
“ไปดูกันเถอะเผื่อมีอะไรน่าสนใจ”
ตูมมมมมม ตูมมมม ตูมมมมมมมม
“จื่อชิว จื่อเหยา จื่อเย่ ไปดึงดูดความสนใจมันไว้ จื่อหยู จื่ออู๋ ตามข้าไปเอาผลเกล็ดมรกต”
โฮกกกกกกกกกกกกก
สัตว์อสูรรูปร่างเป็นสิงโตมีหาง 3 หางคำรามออกมาอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์ไปเอาผลเกล็ดมรกตที่มันดูแลมานาน
ฟุ่บบบ
“นั่นมันพวกตระกูลจื่อหนิ มันกำลังสู่อยู่กับสิงโตสามหางระดับก่อตันเถียนขั้นต่ำ เพื่ออะไรกันละ”หวังเล่อเฉิงที่มาถึงพึมพำออกมา
“ท่าเล่อเฉิงเข้าคะ มีคนกำลังไปเอาผลอะไรในรังสิงโตสามหางด้วยเจ้าค่ะ”
“หืมมมม นั่นเจ้าจื่อเทียนเฉินนิ”หวังเล่อเฉิงมองตามเข้าไปในถ้ำซึ่งเป็นรังของสิงโต
“เฮ้ย เฮ้ย นั่นมันผลเกล็ดมรกตวัตถุดิบหลอมโอสถระดับ 4!!!!!”
“ระดับ 4 หรอเจ้าคะ สิงโตสามหางนั่นคงรอสุกเป็นแน่เพราะถ้าเป็นผลเกล็ดมรกตดูเหมือนมันจะยังไม่เป็นสีเขียวทั้งลูก”
“เราต้องไปเอามันมาให้ได้ข้ามีวิธีทำให้มันสุก”หวังเล่อเฉิงเตรียมตัวที่จะออกไปชิงผลเกล็ดมรกต
“แล้วจะให้ข้าทำอดไรหรือไม่เจ้าค่ะ”
“เจ้าช่วยถือโอสถเม็ดนี้เตรียมไว้ถ้าข้าแย่งมาได้ให้ปาเข้าใส่สิงโตสามหางเลย”
หวังเล่อเฉิงหยิบกระบี่ออกมาเพราะชายหนุ่มถนัดใช้กระบี่มากที่สุดพร้อมปล่อยเจตจำนงกระบี่เคลือบดาบไว้
ฟุ่บ
หวังเล่อเฉิงทะยานตัวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยวิชาเหยียบนภาที่ตนสร้างขึ้นมา
“จื่ออู๋เจ้าไปเช็คดูว่าข้างในมีอะไรอันตรายหรือไม่”จื่อเทียนเฉินออกคำสั่งกับคนในตระกูล
เมื่อจื่ออู๋เดินเข้าไปสักพักก็เกิดเสียงการปะทะขึ้น
เคร้งงงง ตูมมมมม
“นายน้อย ถอยก่อนขอรับมันยังมีอีกตัวแต่มันอยู่ระดับก่อลมปราณขั้นสูง”จื่ออู๋วิ่งออกมาหน้าตั้งพร้อมกับสิงโตสามหางอีกตัวตามหลังมา
“ชิ ถอยกลับไปตั้งหลักก่อน”จื่อเทียนเฉินตะโกนออกมา
แต่ในถ้ำนั้นเอง
“หุหุ ต้องขอบคุณพวกเจ้าตระกูลจื่อมากที่ล่อตัวแม่ออกไปให้”หวังเล่อเฉิงใช้ปราณธรรมชาติปกคลุมร่างกายเพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติจึงสามารถย่องเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
“มี 3 ผลซะด้วยข้าจะได้หลอมให้อี้เฟยหนึ่งเม็ด”หวังเล่อเฉิงกำลังคิดถึงสีหน้าดีใจของหญิงสาวเมื่อตนมอบเม็ดโอสถให้
โฮกกกกกกกก
เสียงคำรามดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหยุดฝันหวานลงจึงเก็บผลเกล็ดมรกตทั้งสามลงแหวนมิติและหนีทันที
“ลาขาดละเจ้าสิงโตทั้งหลาย”แต่ในขณะที่กำลังถอยนั้นชายหนุ่มเหลือบไปเห็นลูกสิงโตน้อยกำลังนอนอยู่ในกองฟาง1ตัว
“โอ้กำไรแท้ ได้ลูกสัตว์อสูรระดับ4 มาอีกตัว”หวังเล่อเฉิงเข้าไปอุ้มเอาลูกสิงโตมาไว้ในอกแล้วพุ่งหนีต่อออกไปจากถ้ำ
“อี้เฟยเราหนีกันเถอะข้าได้มาหมดแล้ว”
“อื้อ แล้วมันคือตัวอะไรในแขนของท่านเจ้าค่ะ??”
“ลูกสิงโตสามหางหน่ะ”หวังเล่อเฉิงยื่นสิงโตสามหางให้เจียงอี้เฟยอุ้มขณะกำลังหนี
“หวาาา น่ารักจังเลยข้าขอได้ไหมเจ้าคะ”หญิงสาวยิ้มแป้นออกมาดูแล้วน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าเอามาให้เจ้าอยู่แล้วเจ้าเอาไปเถอะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วข้าต้องทำอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”
“เจ้าต้องใช้ตราสัตว์อสูรหน่ะในการทำสัญญายิ่งระดับสูงกว่าระดับของสัตว์อสูรจะง่ายยิ่งขึ้น เดี๋ยวข้าทำให้รอสักครู่”หวังเล่อเฉิงนำตราอาคมออกมาซึ่งมันมีราคาแพงกว่าม้วนอาคมมากเพราะมันทนทานกว่า
วิ้งงงงงงงง
แสงสีม่วงสว่างออกมาจากมือของหวังเล่อเฉิงแล้วสร้างเป็นอักขระที่ได้มาจากหอตำราประจำเมือง
แวบบบบบบบ
ปรากฎตราไม้ที่มีอักขระอยู่บนตรา
“ท่านเป็นผู้ใช้ค่ายกลด้วยหรือเจ้าค่ะ ท่านช่างแก่งกาจยิ่งนักที่เป็นทั้งนักหลอมโอสถและผู้ใช้ค่ายกล”หญิงสาวเอ่ยชื่นชม
“เอ้านี่ เอาไปหยดเลือดของเจ้าลงหนึ่งหยดกับสิงโตสามหางอีกหนึ่งหยด”
หญิงสาวหยุดวิ่งแล้วหาที่นั่งแถวนั้นนำกริชออกมาแล้วกรีดนิ้วของตนและสิงโตสามหาง
แวบบบบบบบ
ปรากฎรูปของสิงโตสามหางขึ้นแทนที่อักขระอย่างดายเพราะยังเด็กอยู่ระดับจึงน่าจะประมาณก่อกายาขั้นต่ำ
“แค่นี้ก็ได้แล้วละเดี๋ยวข้าปิดแผลให้”หวังเล่อเฉิงใช้ปราณธรรมชาติห้อหุ้มนิ้วมือของเจียงอี้เฟยไว้ทำให้บาดแผลเริ่มสมานกันในพริบตา
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”เจียงอี้เฟยยิ้มออกมาทำให้หวังเล่อเฉิงอดที่จะเอามือไปลูบหัวไม่ได้
เมื่อโดนลูบหัวเจียงอี้เฟยก็หน้าแดงขึ้นทั้งหน้า
“อะแฮ่ม ข้าต้องหาสมุนไพรระดับสามไม่ก็สี่เพื่อมาหลอมโอสถเปิดชีพจร”หวังเล่อเฉิงกระเอมแก้เขินออกมา
โอสถเปิดชีพจรจะทำให้ไหลเวียนปราณในร่างได้ดีขึ้นและเพิ่มพลังปราณในร่างให้สูงขึ้นจนตนน่าจะทะลวงระดับ 10 ได้แล้วยังคงเหลือพลังปราณอีก สมุนไพรที่ต้องการก็คงมีในมิตินี้ให้เก็บเพราะชายหนุ่มเห็นสมุนไพรมากมายหลายชนิดในมิตินี้
“เอาหล่ะเดินทางกันต่ออีกหนึ่งวันก็คงถึงโบราณสถานนั่นแล้ว”หวังเล่อเฉิงเอ่ยกับเจียงอี้เฟยแล้วพุ่งทะยานต่อไป