บทที่ 11 ออกเดินทางสู่งานประลอง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีก 3 วันก็จะถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว
ปุงงงงงงงงงงงงง
เสียงทะลวงระดับดังขึ้นในห้องห้องหนึ่งในตระกูลหวัง
“ในที่สุดข้าก็ทะลวงขั้นที่ 9 สักที”หวังเล่อเฉิงกล่าวออกมาอย่างดีใจ
การทะลวงระดับนั้นจะยิ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆตามระดับและตัวของชายหนุ่มเองก็คิดจะบรรลุระดับ 10 ด้วยแล้วจึงต้องเก็บสะสมปราณไว้ตั้งแต่ขั้นที่ 1 จึงทำให้ทะลวงได้ยากกว่าเดิม
หวังเล่อเฉิงใช้เวลา 17 วันในการสร้างวิชาใหม่โดยการใช้สมองเทพหาจุดเด่นจุดด้อยของวิชาต่างๆแล้วนำจุดเด่นของอีกวิชามากลบจุดด้อยของอีกวิชาหนึ่งเพื่อให้ได้วิชาใหม่ที่ไม่มีจุดด้อยและใช้ 10 วันในการทะลวงขั้นเข้าสู่ขั้นที่ 9 ระดับก่อเสริมจิต
“วันพรุ่งนี้ก็ต้องไปเตรียมตัวแล้ว วันนี้ทั้งวันข้าจะหลอมโอสถและลงอาคมรอไว้”หวังเล่อเฉิงหลอมโอสถระเบิดรุ่นใหม่ที่ใช้ทรัพยากรน้อยลงแต่ระเบิดระดับก่อตันเถียนให้เจ็บหนักได้เหมือนเดิม
ก่าจะเตรียมทุกอย่างเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว
“ได้มาเยอะพอสมควร ข้าจะต้องติด 1 ใน 5 ให้ได้”หวังเล่อเฉิงเอ่ยอย่างมุ่งมั่น
วันรุ่งขึ้นบิดาของเขาก็มาหาที่ห้อง
“เฉิงเอ๋อ เตรียมตัวเสร็จรึยัง”หวังหม่าเปาเอ่ยอย่างเป็นห่วง
“เตรียมเสร็จทุกอย่างแล้วขอรับ”หวังเล่อเฉิงเอ่ยแล้ววิ่งออกมาจากห้อง
“หวังฉิงมันเอาชนะหวังเว่ยจีแล้วได้ไปด้วยหน่ะ”หวังหม่าเป่าเอ่ยอย่างกังวล
“ท่านจะไปกังวลทำไมละ ข้าอัดมันได้สบายๆอยู่แล้ว”หวังเล่อเฉิงกล่าวอย่างมั่นใจ
“ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้นก็ดี”หวังหม่าเปาวิตกกังวลกับสองพ่อลูกคู่นี้เพราะตอนนี้บิดาของหวังฉิงเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลที่มีพลังเทียบเท่ากับตน
ช่วงนี้นั้นสองพ่อลูกคู่นี้ทะลวงระดับได้เร็วมากจากทรัพยากรไม่ทราบที่มา
ทั้งสองเตรียมขึ้นพร้อมเดินทางและรออีก 5 คนที่เหลือที่จะได้ไปด้วย
แกว้กกกกกกกกก
เสียงวิหคร้องออกมาและปรากฎอินทรีตัวขนาดมหึมาที่มีขาและหัวเป็นเสือค่อยๆกระพือปีกลงมามีชายชรานั่งบังคับอยู่บนตัวของมันด้วย
“โฮ่ โฮ่ ว่าไงหลานข้าพอเจ้าบ่มเพาะได้เจ้าก็แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”ชายชรายิ้มอย่างอบอุ่น
“ท่านปู่!!”หวังเล่อเฉิงเอ่ยอย่างดีใจ
ปู่ของเขานั้นอยู่ขอบเขตกำเนิดเสาค้ำปราณระดับสูง ขั้นสูงแล้วอีกไม่นานคงจะสามารถทะลวงขอบเขตกำเนิดวิถีเต๋าได้แล้ว เป็นเพราะปู่ของเขานี่เองที่ทำให้ตระกูลหวังขึ้นมาเป็นตระกูลใหญ่ได้
“ท่านพ่อ ท่านมาได้ยังไงท่านน่าจะอยู่ที่อาณาจักรอื่นสิ”หวังหม่าเปาถามด้วยความแปลกใจ
ปู่ของหวังเล่อเฉิงนั้นมีหน้าที่คอยสอดส่องอาณาจักรอื่นๆเพื่อความปลอดภัยของอาณาจักรต้าเจียงแห่งนี้
“โฮ่ โฮ่ ข้าจะทะลวงขอบเขตแล้วราชวงศ์เลยส่งคนอื่นไปแทนข้าให้ข้ากลับมาทะลวงอย่างปลอดภัยหน่ะ”ชายชรากล่าวด้วยความอารมณ์ดี
“ท่านปู่….ท่านมารับพวกเรางั้นหรือขอรับ”หวังเล่อเฉิงถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้วละข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าสามารถบ่มเพาะได้แล้ว แถมเป็นอัจฉริยะเสียด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ชายชราหัวเราะร่าแล้วคุยกับสองพ่อลูกคอยคนอื่นเตรียมตัว
ผ่านไป 1 ก้านธูปคนอื่นก็มากันครบแล้ว
“ท่านหวังหม่าเฉิน ท่านมารับพวกเราเองเลยงั้นรึ”ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลกล่าวกับปู่ของหวังเล่อเฉิงด้วยความแปลกใจ
“ฮ่า ฮ่า หวังเย่ เจ้ามาถึงขอบเขตกำเนิดเสาค้ำปราณระดับต่ำขั้นสูงแล้วงั้นรึ”หวังหม่าเฉินเอ่ย
“เป็นโชคมากกว่าขอรับ”หวังเย่กล่าวอย่างนอบน้อม
“ฮ่า ฮ่า เอาละเอาละ ขึ้นมาเจ้าพยัคฆ์อินทรีตัวนี้จะพาพวกเจ้าไปเอง”หวังหม่าเฉินเอ่ยพร้อมบังคับพยัคฆ์อินทรีลงจอดยังลานกว้างของตระกูล
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ทุกคนกระโดดขึ้นไปบนหลังของพยัคฆ์อินทรีที่มีขนาดตัวใหญ่มากมันสามารถพาทุกคนที่จะไปงานประลอง 12 คนได้อย่างสบายๆ
แกว้กกกกกกก
พยัคฆ์อินทรีร้อง แล้วบินออกไปด้วยรวดเร็ว
ผ่านไป 2 ชั่วยามทุกคนก็มาถึงเมืองหลวง
“เอาละ ข้าขอเอาเจ้านกยักษ์นี่ไปเก็บก่อนแล้วเจอกันที่โรงเตี๊ยม”หวังหม่าเฉินกล่าวพร้อมกับบังคับพยัคฆ์อินทรีบินลับไป
“ใครจะทำอะไรก็ไปทำได้ แล้วเจอกันที่โรงเตี๊ยมคืนนี้”หวังหม่าเปาเอ่ยแล้วหายไป
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
คนหายไปหมดเหลือเพียง หวังเล่อเฉิง หวังซวน และ หวังซิน
“พวกเจ้าไม่ไปเที่ยวในเมืองหลวงหน่อยงั้นรี”หวังเล่อเฉิงเอ่ยถามกับสองพี่น้องที่ไม่ยอมไปไหน
“คือว่า…..ข้าและน้องสาวไม่เคยมาเมืองหลวงหน่ะเลยไม่รู้ทาง”หวังซวนเอ่ยอย่างเขินอาย
“โฮ่ โฮ่ ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าพาพวกเจ้าเที่ยวเอง”หวังเล่อเฉิงเอ่ยพร้อมเดินนำไป
“พวกเจ้าอายุเท่าไร่กันงั้นรึ”หวังหม่าเฉิงเอ่ยด้วยความสงสัยในรูปลักษณ์ของตัวหวังซินที่ดูเด็ก
“ข้าอายุ 15 ส่วนน้องสาวข้าอายุ 13 หน่ะ”หวังซวนเอ่ย
เมื่อหวังเล่อเฉิงได้ยินก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อเพราะหวังซินดูเหมือนเด็กอายุ 7-8 ขวบมาก
“น้องสาวข้าเป็นเช่นนี้มา 5 ปีแล้วหน่ะไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”หวังซวนเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“พี่ชายไหนบอกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วไง”หวังซินเอ่ยพร้อมทำหน้ามุ่ย
“แต่พวกเจ้าก็อยู่ระดับก่อลมปราณขั้น 1 กันทั้งคู่ถือว่าเก่งกันมากเลยนะ”หวังเล่อเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เท่าไหร่หรอกต้องสาวข้าสิถึงจะเป็นอัจฉริยะ”หวังซวนเอ่ย เพราะหวังซินอายุน้อยกว่าตนตั้งสองปีแต่กลับอยู่ระดับเดียวกับตน
“ข้าขอลองดูอาการน้องสาวเจ้าได้หรือไม่”หวังเล่อเฉิงเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้เพราะสมองเทพของตนน่ารู้ได้
“ได้สิ แต่ข้าไปให้ปรมาจารย์หลอมโอสถหลายท่านดูก็ช่วยน้องสาวข้าไม่ได้”หวังซวนกล่าวด้วยความเศร้าสร้อย
“ยังไงข้าก็เป็นนักหลอมโอสถระดับ 3 นะเผื่อช่วยอะไรได้บ้าง”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมนำตรานักหลอมโอสถออกมา
“ท่านนี่ช่างเก่งกาจเสียจริง”หวังซวนเอ่ยอย่างแปลกใจ
“มา ข้าขอดูหน่อย”หวังเล่อเฉิงเดินมาหาหวังซินและเอ่ยขึ้น
หวังซินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยื่นมือส่งให้หวังเล่อเฉิงเพื่อตรวจดูชีพจร
วูบบบบบ
“นี่มัน!!!!!!!”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าตกตะลึง