ตอนที่แล้วบทที่ 107 ของขวัญอันน่าทึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 109 เจ้าตำหนักกระบี่

บทที่ 108 สวรรค์มีตา!


นั่นก็เพราะว่า ทันทีที่พวกเขามาถึงเมืองซิงเยว่แห่งนี้ มันช่างดูแปลกตาแตกต่างไปจากเมื่อก่อน

ครั้นเลี้ยวซ้ายแลขวา ดูกี่คราก็ยังไม่คุ้น ทั้งคู่จึงหันมองหน้ากันแล้วสนทนาอยู่ครู่ หรือจะเป็นเพราะในเมือง อาจมีงานเลี้ยงรอตอนรับคนสำคัญเกิดขึ้นกระมัง อีกทั้งดูท่าน่าจะเป็นงานใหญ่ใช่น้อย ไฉนผู้คนจึงทยอยหลั่งไหลมุ่งหน้าไปแห่งหนใดกันหนอ

ว่าแล้วทั้งสองก็ต่างอยากรู้อยากเห็น จึงสะกิดคิดถามคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมา

“คุณชาย ในเมืองมีการจัดงานเลี้ยงอะไรกันหรือ ทำไมจึงดูตื่นตากันนัก”

“เจ้าสองคนไม่รู้ข่าวงั้นหรือ เช้าตรู่วันนี้ บรรดาคนใหญ่คนโตทั้งหมดจากเมืองซิงเยว่ เมืองติงเฟิง และเมืองเฮยเฟิง รวมถึงตระกูลน้อยใหญ่มากมาย กระทั่งสำนักหลักๆ โดยรอบ ต่างมาแสดงความยินดีกับใต้เท้าหยางเฉากันทั้งนั้น” ผู้สัญจรกล่าววาจาด้วยท่าทางตื่นเต้น

ใต้เท้าหยางเฉางั้นรึ?

หยางหมิงและหยางไห่หันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ไยคล้ายคลากับชื่อแซ่ที่พวกเขาคุ้นเคยนัก ทั้งคู่นิ่งนึกคิดอยู่สักพัก ก่อนจะทันนึกถึงว่าเป็นผู้ใด

“เหตุใดเจ้าเมืองใหญ่ๆ และตระกูลน้อยใหญ่รวมทั้งสำนักต่างๆ จึงต้องการแสดงความยินดีกับ หยางเฉา” หยางไห่เอ่ยถามออกไปอย่างอดสงสัยมิได้

“จากที่ข้าได้ยินมา หยางเสี่ยวเทียนบุตรชายของใต้เท้าหยางเฉา เป็นวิญญาจาย์ผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูง!” ผู้สัญจรแย้มยิ้มพร้อมกล่าวด้วยใบหน้าชื่นชม

“ว่ายังไงนะ หยางเสี่ยวเทียนน่ะหรือ เป็นผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูง” ทั้งสองอุทานเสียงหลง

“เป็นไปไม่ได้!” ในใจหยางไห่แทบอยากกรีดร้องออกมาด้วยอัดอั้น

แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงบันดาลโทสะนัยน์ตาพลางแดงก่ำ “เจ้าคนไร้ค่าหยางเสี่ยวเทียนนั่น มันจะเป็นผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงได้อย่างไรกัน!”

ผู้สัญจรรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงและใบหน้าเช่นนั้นของหยางไห่ ที่จู่ๆ อากัปกิริยาก็ผันเปลี่ยนไปเกรี้ยวโกรธ แตกต่างจากคนเมื่อครู่เป็นอย่างยิ่ง จึงต้องเร่งอธิบายว่า

“เรื่องนี้มีความน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย เพราะผู้อาวุโสของตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยน ได้ตรวจสอบวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนอีกครั้งด้วยตนเอง”

ผู้สัญจรหันแลใบหน้าของทั้งสองก่อนกล่าวเสริมอีกว่า “หากข้านั้นจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าจะเป็นวิญญาณยุทธ์เต่าสมุทรนิลกาฬ และอีกอย่างคืออสรพิษแห่งพิภพอเวจี ทั้งสองล้วนอยู่ในระดับสิบเอ็ด!”

“ไม่เพียงเท่านั้น พรสวรรค์ด้านกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนนับว่าสูงส่งยากจะหาผู้ใดเทียบ เนื่องจากไม่มีศิษย์คนใดของสำนักเสินเจี้ยน ที่สามารถหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้เช่นนั้นมาหลายปีแล้ว”

เขาพักสูดหายใจผ่อนปรนความรีบอยู่ครู่ “แต่ยิ่งกว่านั้น หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ ยังหยั่งรู้ศิลากระบี่ถึงเจ็ดเล่มได้ในวันเดียว!”

“นั่นคือเหตุผล ที่เขาได้รับความสนใจจากผู้อาวุโสทั้งห้าของตำหนักกระบี่แห่งสำนักเสินเจี้ยน!”

“ซึ่งตอนนี้ เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นบุตรแห่งตำหนักกระบี่! ทั้งยังได้เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปอีกต่างหาก”

“หยางเสี่ยวเทียนคนนี้ เป็นผู้มีความสามารถน่าทึ่งเลยทีเดียว กระทั่งมีหลายคนบอกว่าเขาจะกลายเป็นวิญญาจารย์อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเสินไห่ด้วย!”

ผู้สัญจรพล่ามเป็นฉากๆ ไม่หยุดจนแทบน้ำลายฟูมปาก ด้วยปลาบปลื้มแลชื่นชมกับพรสวรรค์อันน่าทึ่ง ราวกับประสบพบเจอเหตุการณ์นั้นเองกับตัว

เมื่อหยางหมิงและหยางไห่ได้ฟัง ในห้วงจิตนึกคิดก็เต็มไปด้วยเสียงคำราม ดังแน่นอยู่ในอกจนสำแดงออกทางใบหน้าที่ทั้งรู้สึกชา ปากก็สั่นไม่หยุด

ความโกรธเกรี้ยวนั้น ทำพวกเขาถึงกับหน้าแดงลมออกหู มากเสียจนทั้งคู่ไม่ได้ยินสิ่งใดจากผู้สัญจรกล่าวอีกต่อไป

กลายเป็นวิญญาจารย์อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเสินไห่งั้นหรือ!

หยั่งรู้ศิลากระบี่ทั้งเจ็ดในวันเดียวงั้นรึ!

ทั้งยังเป็นผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูงระดับสิบเอ็ดอีกต่างหาก!

พวกเขาทั้งสอง ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวถูกแช่แข็งมิต่างจากคนโง่เขลา ประหนึ่งสูญเสียวิญญาณไปแล้ว และในหัวก็ขาวโพลนไม่คิดถึงสิ่งใดเป็นเวลานาน

อีกด้านหนึ่ง จางเถี้ยนเจ้าเมืองซิงเยว่ และคนอื่นๆ ต่างได้พากันชี้แจงแถลงไขให้หยางเฉาเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของหยางเสี่ยวเทียนในตอนนี้

คราได้ทราบเหตุผลทั้งหมด หยางเฉาและหวงอิ๋ง กลับนิ่งอึ้งประหนึ่งร่างกายจมดิ่งอยู่ในห้วงความฝันอันน่าเหลือเชื่อ ทั้งคู่เหม่อลอยไปครู่ก่อนหยางเฉาจะพลางรู้สึกถึงหยดน้ำที่เอ่อล้นออกจากดวงตาของตน อย่างมิอาจควบคุมได้

“อิ๋งเอ๋อร์ บุตรชายของเราเสี่ยวเทียน เขาเป็นผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูง เจ้าได้ยินใช่หรือไม่” หยางเฉาถึงกับหลั่งน้ำตาไหลเป็นทางด้วยอัดอั้นตันใจ

เขาอ้าแขนทั้งสองออกกว้าง พลางแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วแผดเสียงร้องตะโกนดังลั่น ราวจะให้เสียงนั้นส่งไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า

“สวรรค์มีตา! บุตรชายข้าหยางเฉาผู้นี้ เขาเป็นผู้มีสองวิญญาณยุทธ์ และยังเป็นวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูง! เขามิใช่วิญญาณยุทธ์เต่าขยะระดับสองที่ใครๆ ต่างมิให้ค่า! ขอบคุณสวรรค์ที่มีเมตตาต่อครอบครัวของข้า”

หวงอิ๋งผู้เป็นภรรยาก็หลั่งน้ำตาด้วยภูมิใจเช่นกัน หยางเสี่ยวเทียนห่างจากอกนางไปไกลและนานกว่าทุกครั้ง ไม่มีวันไหนที่นางมิคอยเป็นห่วงหรือพะวงว่าบุตรชายจะอยู่สุขสบายหรือไม่ จะมีใครรังแกแลหาเรื่องรังควานเขา ที่เป็นเพียงผู้มีวิญญาณยุทธ์เต่าระดับสองหรือเปล่า

แต่ตอนนี้ จิตใจพวกเขาประดุจได้รับการเยียวยาจากบุตรชายผู้อยู่ไกล บุตรชายคนเดียวที่ตอนนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตาให้ความนับถือแก่เขา เช่นนั้น หยางเสี่ยวเทียนที่อยู่ที่นั่น เขาก็คงไม่ต้องลำบากหรือกังวลกลัวจะมีใครรังแกบุตรชายพวกเขาได้แล้ว

ณ เมืองเสินเจี้ยน

หลังจากฝึกฝนมาทั้งคืน หยางเสี่ยวเทียนก็กลับมายังหอคัมภีร์ของสำนักอีกครั้ง แต่คราวนี้เขานำคัมภีร์มาคืน ยังไม่คิดจะแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์

วันนี้ เขาไม่มีความรีบร้อนที่จะไปยังจัตุรัสร้อยกระบี่เพื่อหยั่งรู้ศิลา แต่ขลุกตัวอยู่ในหอคัมภีร์เพื่อค้นหาเคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์ชั้นยอดอื่นๆ มานั่งอ่านแทน

เพราะสำหรับเขา มันเสียเวลามากเกินไปหากจะเปลี่ยนคัมภีร์แล้วนำกลับจวน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอ่านเคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์ชั้นยอดเหล่านี้ ให้จบในคราวเดียวแล้วจดจำกลับไปฝึกฝนอีกครั้งก็ยังไม่สาย

เป็นเวลาสองวันติด ที่หยางเสี่ยวเทียนฝังตัวอยู่ในหอคัมภีร์ และแล้วเขาก็อ่านคัมภีร์เคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์ชั้นยอดที่เหลืออยู่ในหอคัมภีร์เกือบร้อยเล่มจบสมบูรณ์

หลังจากอ่านแลจดจำได้อย่างถ่องแท้ หยางเสี่ยวเทียนก็นั่งขัดสมาธิบนพื้นชั้นบนสุดของหอคัมภีร์ หลับตาระลึกถึงเคล็ดวิชาทั้งหมดตลอดสองวันที่ผ่านมา และฝึกฝนเคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์ชั้นยอดเหล่านี้ในห้วงจิตวิญญาณของเขา

เมื่อยืนยันแล้วว่าตนแตกฉานอย่างถ่องแท้ หยางเสี่ยวเทียนก็ออกจากหอคัมภีร์ รุดหน้าไปยังจัตุรัสร้อยกระบี่ เพื่อหยั่งรู้โดยเร็ว

หากครั้งนี้ เขาหยั่งรู้ศิลากระบี่ถึงสามสิบเล่มเมื่อใด ก็เท่ากับเขาจะได้รับตำแหน่งของไฟศักดิ์สิทธิ์จากเฉินฉางชิงแล้วเช่นกัน นั่นจึงเป็นเป้าหมายสูงสุดในตอนนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด