บทที่ 1056 (177) ศัตรูทั้งหลาย (ตอนฟรี)
บทที่ 1056 (177) ศัตรูทั้งหลาย
จี้เฟิงคิดอย่างรอบคอบและพบว่าคู่ต่อสู้ที่เขาต้องเผชิญในตอนนี้มีไม่มากนัก
ตัวอย่างเช่นตระกูลอู๋ และหรงเผิงกรุ๊ป หนึ่งในโลกการเมืองและอีกหนึ่งในวงการธุรกิจ พลังงานและอิทธิพลที่พวกเขาสามารถปลดปล่อยร่วมกันได้นั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
ในโลกของการเมือง ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของจี้เฟิงยังคงไม่สามารถจัดการกับตระกูลอู๋ได้ ท้ายที่สุดแล้วลำพังตัวของเขาเองยังไม่มีอำนาจเพียงพอในโลกการเมือง หากเขาต้องการจัดการกับตระกูลอู๋ เขาสามารถทำมันผ่านทางพ่อและอารองของเขาเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าพูดถึงพลังในแวดวงการเมือง พละกำลังของตระกูลจี้นั้นเพียงพอที่จะจัดการกับตระกูลอู๋ได้
ดังนั้นตระกูลอู๋จะต้องใช้ดาบอันคมกริบอย่างหรงเผิงกรุ๊ปออกมาใช้อย่างแน่นอน!
หรงเผิงกรุ๊ปโลดแล่นอยู่ในแวดวงธุรกิจมานาน กฎเกณฑ์ต่างๆภายในระบบไม่มีผลกระทบต่อมัน นี่คือยักษ์ใหญ่ของวงการธุรกิจที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับมัน ไหนจะมีตระกูลอู๋คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังอีก ตระกูลจี้ไม่ต้องการสูญเสียพลังงานไปกับการโจมตีหรงเผิงกรุ๊ปมากเกินไป!
ดังนั้น หากพูดกันตามความเป็นจริง หรงเผิงกรุ๊ปเป็นคู่ต่อสู้ที่จี้เฟิงต้องเผชิญหน้าด้วยตัวเองเท่านั้น และเป็นคู่ต่อสู้ยักษ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งมาก!
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงไม่ได้กังวลมากนัก ท้ายที่สุดแล้วหรงเผิงกรุ๊ปยังคงอยู่ในที่สว่าง ทุกการเคลื่อนไหวของหรงเผิงกรุ๊ปรวมถึงแนวโน้มทางการเงินของพวกเขาไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้อย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ก็สามารถค้นหาได้เสมอ
แม้ว่าหรงเผิงกรุ๊ปจะเป็นยักษ์ใหญ่ในแวดวงธุรกิจ แต่ก็มีกฎเกณฑ์บางประการที่พวกเขาต้องทำตาม ไม่เช่นนั้น หากพวกเขาสร้างปัญหามากเกินไป มันจะทำให้ทุกคนไม่พอใจ และเมื่อถึงเวลานั้นตระกูลจี้จะไม่ปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน
สำหรับสองพี่น้องอู๋จื้อเหอและอู๋จื้อหยาง ส่วนตัวแล้วจี้เฟิงก็ไม่ได้กลัวพวกเขาด้วยเช่นกัน แม้ตัวอู๋จื้อหยางจะมีความสามารถที่ไม่ควรมองข้ามก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็อยู่ในที่โล่ง ไม่จำเป็นต้องกลัว แค่อย่าประมาทพวกเขามากเกินไปก็พอแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบพวกเขากับหรงเผิงกรุ๊ป ศัตรูที่จี้เฟิงกังวลมากที่สุดคือหวางฉาว องค์กรลับที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด และยังมีหวางเยว่ที่อยู่ในความมืดด้วยเช่นกัน
จนถึงทุกวันนี้ จี้เฟิงยังคงจำคนที่โทรมาข่มขู่ตัวเองได้ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทนั้นดูเหมือนจะเป็นความเกลียดที่ฝังรากลึก เป็นความเกลียดชังราวกับว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทนอยู่ร่วมโลกกับเขาได้
สิ่งนี้ทำให้จี้เฟิงสับสนมาก เขาจำไม่ได้ว่าไปมีความแค้นฝังลึกเข้ากระดูกดำขนาดนี้กับใคร
ถ้าจะให้นึก คนหรือกลุ่มคนที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตระกูลเฉียว!
แต่จี้เฟิงก็รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลเฉียวเช่นกัน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเฉียวหรงไม่ได้ติดต่อกับหวางฉาวมานานนัก ส่วนหวังเหวินเกา สามีของเธอก็ไม่ได้มีสถานะที่สำคัญอะไรในตระกูลเฉียว แม้เขาจะมีเมียเล็กเมียน้อยนอกบ้านบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นการคบหาแบบเปิดเผย
แม้จี้เฟิงจะสงสัยอยู่บ้างเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ เพราะเนื่องจากเขามีความอดทนที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นคนไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ถึงสิ่งผิดปกติ
ส่วนเฉียวเจียไค...
จี้เฟิงยังไม่ตัดความเป็นไปได้ทิ้ง ว่าเขาอาจมีการติดต่อกับองค์กรหวางฉาวเหมือนกับแม่ของเขา?
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงไม่คิดว่าเฉียวเจียไคคือหวางเยว่ คุณชายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดคนนั้น
เหตุผลก็คือ ตามความเข้าใจของจี้เฟิง ตระกูลเฉียวไม่ได้เกี่ยวข้องกับหวางฉาวมานานมากพอ และถึงแม้ว่าตระกูลเฉียวจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับหวางฉาวในภายหลัง ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำเฉียวเจียไคมีบทบาทความสำคัญที่จะครอบครองตำแหน่งสูงในหวางฉาวได้
และในตอนที่จี้เฟิงไปช่วยเซียวหยงซานจากเกาะ เขาสามารถบอกได้จากน้ำเสียงของมนุษย์ดัดแปลงขั้นสูงสองคนว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘หวางเยว่’ จะต้องเป็นตำแหน่งหรือบุคคลที่มีสถานะสูงส่ง ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะระดมพลมากมายให้มาดำเนินการเช่นนั้นได้
ตัวอย่างเช่น มนุษย์ดัดแปลงขั้นสูงสองคน กองทัพและสายลับจำนวนมาก และแน่นอน รวมถึงกองกำลังทหารจากหลายประเทศที่อยู่โดยรอบด้วย
อย่าลืมว่าตอนที่จี้เฟิงกำลังไปช่วยเหลือเซียงหยงซาน มีเรือรบหลายลำแล่นอยู่รอบๆเกาะร้าง เขาและทีมไม่สามารถแม้แต่จะไปถึงเกาะร้างได้โดยตรงด้วยซ้ำ เหลือเพียงแต่ต้องขึ้นเรือดำน้ำไป
แม้ว่าส่วนหนึ่งที่จำเป็นจะต้องขึ้นเรือดำน้ำไปนั้นเป็นเพราะว่าต้องรักษาความลับ แต่ในทางกลับกัน เป็นเพราะเรือรบจากประเทศเพื่อนบ้านกำลังแล่นอยู่ใกล้ๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยด้วยอย่างแน่นอน
ดังนั้น ด้วยพลังของเฉียวเจียไค เขาจึงไม่อาจสามารถระดมพลได้มากขนาดนี้
นั่นเป็นเหตุผลที่จี้เฟิงเชื่อว่าเฉียวเจียไคไม่สามารถเป็นหวางเยว่ได้ หรืออย่างน้อย ความเป็นไปได้ก็มีน้อยมาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยจะดีกว่า!
แต่สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงปวดหัวก็คือหวางเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียงหยงซาน ที่สำคัญกว่านั้น ดูเหมือนว่าหวางเยว่จะรู้ถึงสถานการณ์สำคัญต่างๆภายในประเทศจีนด้วย!
“หวางเยว่...” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพำกับตัวเอง “แกเป็นใคร หวางเยว่อย่างงั้นเหรอ... แกจะบอกว่าแกเป็นองค์ชายจริงๆ หรือนี่เป็นเพียงแค่ชื่อตำแหน่งที่พวกแกตั้งขึ้นมาด้วยความหยิ่งยโสกันแน่?!”
จี้เฟิงไม่แน่ใจเลยจริงๆ ดังนั้นเขาจึงขีดเส้นใต้ชื่อหวางเยว่และเขียนเครื่องหมายคำถามไว้ตรงนั้น
คนๆนี้อันตรายมาก!
นี่คือคำจำกัดความที่จี้เฟิงมอบให้กับผู้ชายคนนี้ที่สถาปนาตัวเองว่าองค์ชาย!
ไม่จำเป็นต้องมีความสามารถอย่างอื่นเพิ่ม เพียงแค่หวางเยว่ผู้นี้เข้าใจสถานการณ์ของเขาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังหลบซ่อนตัวในความมืดและมีกำลังพลมากมาย เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกลายเป็นบุคคลที่อันตรายอย่างจริง!
เกรงว่าความอันตรายของเขาจะเทียบได้กับอันตรายของหวางฉาว!
ดวงตาของจี้เฟิงสว่างวาบด้วยแสงที่เย็นชา เขาต้องคลำทางไปถึงตัวหวางเยว่ผู้นี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายอาจออกมาโจมตีอีกครั้งในสักวันหนึ่ง
ผู้ชายคนนี้เทียบไม่ได้กับอู๋จื้อเหอและตระกูลของเขา ในความเห็นของจี้เฟิง วิธีการของอู๋จื้อเหอก็แค่เป็นการสร้างปัญหาน่าปวดหัว ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงได้ด้วยซ้ำ แต่หวางเยว่คนนั้นแตกต่างออกไป แค่ดูแผนผังการวางกำลังพลของชายผู้นั้น “ล้อมรอบจุดเรียกกำลังเสริม” บนเกาะร้างก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รู้สึกทึ่ง
เพียงแต่หวางเยว่ไม่ได้คาดคิดว่าจี้เฟิงจะทรงพลังขนาดนี้ เขาสามารถช่วยเหลือเซียงหยงซานได้อย่างหมดจด
ในความเป็นจริง ถ้าเปลี่ยนจากจี้เฟิงเป็นคนอื่นมาช่วยเซียงหยงซาน ผลลัพธ์จะกลายเป็นตายอย่างไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน แม้แต่กู่เฉาและคนอื่นๆก็ไม่สามารถรับมือกับมนุษย์ดัดแปลงขั้นสูงสองคนนั้นได้ กลับกัน พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่แทน นักรบธรรมดาไม่สามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นได้!
โชคดีที่จี้เฟิงมีพลังไฟฟ้าชีวภาพซึ่งสามารถยับยั้งมนุษย์ดัดแปลงได้ นี่อาจเป็นสิ่งที่หวางเยว่ไม่คาดคิด
อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี้ หวางเยว่ที่ได้บทเรียนจะเรียนรู้ถึงความผิดพลาดนี้อย่างแน่นอน ครั้งต่อไปเมื่อทั้งสองต้องปะทะกันอีกครั้ง ก็ยากที่จะบอกได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้
และนี่คือสิ่งที่จี้เฟิงกลัวมากที่สุด!
หลังจากทำเครื่องหมายไว้ที่ชื่อหวางเยว่แล้ว สายตาของจี้เฟิงก็เลื่อนไปที่ชื่อของเฉียวเจียไค
“นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวปัญหา!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่นอยู่ในใจ
เฉียวเจียไคมีความสามารถอะไรบ้าง? จนกระทั่งถึงตอนนี้จี้เฟิงยังรู้ไม่มากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะทุกครั้งที่เขาต่อสู้กับเฉียวเจียไค มักจะเป็นการปะทะกันที่รุนแรงเสมอ เรียกได้ว่าเขาและเฉียวเจียไคทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอกันจริงๆ
กลายเป็นว่าพวกเขาเอาแต่ตีกันแต่ไม่เคยทำความรู้จักกันดีๆเลยสักครั้ง
สิ่งที่ทำให้จี้เฟิงงุนงงและรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดคือเฉียวเจียไคฟื้นตัวขึ้นมาได้จริงๆแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตที่สุขสบายดีมากอีกด้วย เขาสามารถสร้างปัญหาให้กับต้วนเผิงได้ไกลถึงสหรัฐอเมริกา
“นี่มันน่ารำคาญจริงๆ!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยและพึมพำกับตัวเอง “ใครเป็นคนรักษาเขากันแน่ พวกหวางฉาวหรือปรมาจารย์จากสำนักซวนเหมิน? เป็นไปได้ไหมที่สำนักซวนเหมินและองค์กรหวางฉาวจะมีความเกี่ยวข้องกัน?”
“การที่สามารถรักษาเฉียวเจียไคได้ก็หมายความว่ามีคนสามารถถอดรหัสวิธีการของฉันได้สินะ...”
ขณะที่จี้เฟิงกำลังหมุนปากในมือของเขาโดยไม่รู้ตัว สมองของเขาก็แล่นอย่างรวดเร็ว “ความสามารถในการแยกกระแสไฟฟ้าชีวภาพของฉันได้นี่... มันเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ...”
เดิมที จี้เฟิงคิดมาตลอดว่าพลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพของเขานั้นเป็นสิ่งพิเศษ เป็นพลังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้ต่อสู้กับผู้คนจากสำนักซวนเหมิน เขาก็ยิ่งมั่นใจในแนวคิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทียนกั๋วถงหรือพี่น้องร่วมสำนักของเขา พวกเขาเหล่านั้นต่างมีท่าทีตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นจี้เฟิงใช้ไฟฟ้าชีวภาพ และพูดถึงพลังชี่โดยกำเนิดตอนนี้ต้องมาดูกันว่าพลังงานไฟฟ้าชีวภาพของเขาพิเศษจริงๆ หรือเป็นแค่พลังพิเศษอย่างหนึ่งที่ถูกแก้ทางได้ไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป!
จี้เฟิงขยี้ตา แต่ในใจกลับพลุ่งพล่านไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ “ไม่ว่าจะเป็นหวางเยว่ เฉียวเจียไค อู๋จื้อเหอและตระกูลของเขา ตราบใดที่พวกแกกล้ามา เราก็จะจัดการต้อนรับอย่างดีให้ กลัวก็แต่ว่าไม่กล้าโผล่หัวออกมา ทำได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและโชว์มาแต่หางเท่านั้น!”
จี้เฟิงมีความมุ่งมั่นและมั่นใจมาก
ตอนนี้เซียวหยูซวนกับถงเล่ย แฟนสาวทั้งสองคนของเขากำลังฝึกยิมนาสติกชุดที่สองอยู่ นอกจากนั้นจี้เฟิงยังคอยฝึกการต่อสู้ให้พวกเธอเป็นครั้งคราว แม้ว่าหญิงสาวทั้งสองจะยังไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นค่อนข้างดี
คุณรู้หรือไม่ว่า หลังจากที่จี้เฟิงฝึกยิมนาสติกชุดแรกได้ไม่นาน เขาก็สามารถต่อสู้กับนักเลงข้างถนนสามต่อหนึ่งได้แล้ว จนกระทั่งเมื่อเขาเริ่มฝึกยิมนาสติกชุดที่สอง เขาก็เก่งขึ้นมาก แม้แต่เทียนกั๋วถงและผู้อาวุโสทั้งสองจากสำนักซวนเหมินก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้โดยตรง
ดังนั้นแม้ว่าหญิงสาวทั้งสองจะมีฝีมือด้อยกว่าจี้เฟิงเล็กน้อย แต่พวกเธอก็พื้นฐานของยิมนาสติกบวกกับมีจี้เฟิงเคยชี้แนะอยู่ข้างๆ ดังนั้นฝีมือของพวกเธอจึงเรียกได้ว่าไม่เลวเลย
ยิ่งไปกว่านั้น สองสาวยังมีหานเซิ่นและเสี่ยวอิงคอยอยู่เคียงข้าง และตอนนี้ทั้งสี่คนก็กำลังฝึกยิมนาสติกอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว จี้เฟิงจึงไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเธอ ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่พวกเธอต้องเข้าสู่สนามรบ ในเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองพลุกพล่านไปด้วยผู้คนเช่นนี้ แม้แต่องค์กรหวางฉาวก็ต้องระมัดระวังหากคิดจะลงมือทำอะไร
ดังนั้น ถ้าไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย อย่างจู่ๆก็เกิดสงครามกลางเมือง เซียวหยูซวนและถงเล่ยจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้คือซูหยวน เธอยังไม่มีบอดี้การ์ดส่วนตัวอยู่เคียงข้าง
“แมงมุมขาว..”
เมื่อพูดถึงบอดี้การ์ดหญิงมากฝีมือ จี้เฟิงคิดถึงชื่อแมงมุมขาวเป็นอันอันดับแรก แต่เซียงหยงซานคงไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ ส่วนตัวแมงมุมขาวเองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่นัก หากต้องการให้เธอมาคอยปกป้องซูหยวน มันก็คงเป็นไปได้ยาก อย่างน้อยก็ในตอนนี้...
แน่นอนว่าจี้เฟิงยังไม่รู้ว่าแมงมุมขาวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่จากครั้งสุดท้ายที่จี้เฟิงได้พูดคุยกับแมงมุมขาว จากความหมายในน้ำเสียงของเธอ ดูเหมือนว่าเธอไม่เต็มใจที่จะมา
“ต้องเอาตัวมาให้ได้!” จี้เฟิงโยนปากกาลงบนโต๊ะแล้วพูดกับตัวเองว่า “ไม่ว่ายังไงก็ตาม! ฉันจะต้องหาทางไปเอาตัวแมงมุมขาวมา ถ้าเซียงหยงซานไม่ยอมปล่อยจริงๆ อย่างน้อยฉันจะต้องได้ทหารหญิงยอดฝีมือที่คล้ายกับหานเซิ่น!”
“ครืดด~~!!”
ในขณะที่จี้เฟิงกำลังคิดอย่างมุ่งมั่น โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็สั่น เขาหยิบมันออกมาและพบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเซียงหยงซาน
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ช่างบังเอิญจริงๆ แค่นึกถึงอีกฝ่ายก็โทรมา ดูเหมือนว่าโชคชะตากำลังบอกเขาว่าความต้องการของเขาอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้...
....จบบทที่ 1056~