ตอนที่แล้วบทที่ 104 ผู้อาวุโสทั้งห้าแห่งตำหนักกระบี่ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 106 ละทิ้งความคิดนี้เสีย

บทที่ 105 ผู้อาวุโสเฉิน ได้ความเช่นไรบ้าง


หลังจากใช้เพลงกระบี่จันทราเยือกแข็ง ขั้นต่อไปคือเพลงกระบี่โลกธาตุ

หยางเสี่ยวเทียน กระโดดปราดทะยานเหินเวหา คว้ากระบี่ในมือกระชับแน่นแล้วฟันขึ้นไปในห้วงนภาอากาศ

ทันใดนั้น ปราณกระบี่ก็ก่อตัวขึ้นจากผืนดินเบื้องล่าง กลายเป็นภาพธรรมกระบี่ขนาดมหึมา เหวี่ยงสะบัดตัดผ่านอากาศราวกับมันกำลังจะสะบั้นฟ้าดินแยกเป็นสองส่วน ซึ่งได้ปรากฏชัดต่อสายตาอันกำลังเบิกกว้างทุกคู่

เมื่อปราณกระบี่จากกระบวนท่านี้ส่งผ่านออกไป ลำแสงแนวเส้นตรงขนาดใหญ่จะพุ่งออกมาจากกระบี่ราวจะตัดขาดระหว่างสองโลก สวรรค์และพิภพ

ถึงขั้นฉลาดล้ำเลิศอีกแล้ว!

ต่อจากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็ได้แสดงกระบวนท่า “เพลงกระบี่ชาตชีวา” (ชาตชีวา = กำเนิดชีวิต) แล้วต่อด้วย “เพลงกระบี่อัสนีคลั่ง” ทีละกระบวน ไม่ช้า เคล็ดวิชาจากศิลากระบี่ทั้งสิบก็ถูกร่ายรำออกมาจนครบ

ทว่า สิ่งที่ทำให้เฉินฉางชิงและเหอเล่อรู้สึกสบายใจขึ้น ก็คือเพลงกระบี่เจ็ดเล่มที่เหลือของหยางเสี่ยวเทียนยังไม่ถึงขั้นฉลาดล้ำเลิศ แต่เป็นเพียงขั้นสำเร็จเล็กน้อยเท่านั้น

เวลานี้เอง เมื่อหลินหยงเห็นใบหน้าผ่อนคลายของบรรดาผู้อาวุโส เขาก็พลันแสดงรอยยิ้มก่อนเผยปากกล่าวว่า “เพลงกระบี่เจ็ดเล่มเมื่อครู่ เสี่ยวเทียนเพิ่งหยั่งรู้วันนี้เท่านั้นขอรับ”

เฉินฉางชิง เหอเล่อ และอีกสามคนถึงกับสะดุ้งเฮือก

“จะ… เจ้าหมายถึง วันนี้เขาเพิ่งหยั่งรู้ศิลากระบี่ทั้งหมดเจ็ดเล่มงั้นเรอะ” หลังได้ยินดังนั้น ขาเหอเล่อก็พลางสั่นสะท้านแทบทรงตัวยืนไม่ไหว

“ขอรับ ตั้งแต่เช้ากระทั่งตอนนี้ ทุกๆ ครึ่งชั่วยามเขาจะหยั่งรู้ศิลากระบี่ได้หนึ่งเล่ม และทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนแตกฉานครบทั้งเจ็ด” เฉินหยวนรีบกล่าว เล่าถึงเหตุการณ์ที่ตนได้ประจักษ์มาอย่างตื่นเต้น และคงจะตราตรึงใจไปอีกนานแสนนาน

เฉินฉางชิงพร้อมคนทั้งสี่หันขวับมองหยางเสี่ยวเทียนเป็นตาเดียว เด็กน้อยผู้ยืนนิ่งมิไหวติงตรงหน้านี้ ทำพวกเขารู้สึกราวกับกำลังมองสุดยอดสัตว์ประหลาดมิมีผิด

แต่แล้วจู่ๆ ใบหน้าตะลึงงันเมื่อครู่นั้นก็พลันหาย กลายเป็นรอยยิ้มอันปิติยินดีด้วยตื่นเต้นยิ่ง

“สวรรค์ประทานพรแก่สำนักเสินเจี้ยนของข้าแล้ว!” เฉินฉางชิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางอ้าแขนทั้งสองข้างขณะแผดเสียงคำรามดังลั่น ประหนึ่งต้องการบอกกล่าวเรื่องนี้ให้ได้รับรู้กันทั่วทั้งสวรรค์ชั้นฟ้า

นั่นหาได้เป็นสิ่งพิกลแต่อย่าใด เพราะในฐานะปรมาจารย์ด้านกระบี่ เขารู้ดีว่าพรสวรรค์ด้านกระบี่ของคนๆ หนึ่ง นั้นมีความสำคัญมากเพียงใด

ด้วยพรสวรรค์ด้านกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียน มาตรว่าเขาจะกลายเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจมากที่สุดในพิภพนี้อย่างแน่นอน

ขณะเฉินฉางชิงกำลังส่งอารมณ์ภาคภูมิอย่างเต็มอก หลินหยงกลับมีท่าทีด้วยลังเล เกรงจะทำเขากลัดกลุ้มใจกับเรื่องที่เขาจะเอ่ยกล่าวตอนนี้นัก

“ผู้อาวุโสเฉิน ที่เราสองคนพาเสี่ยวเทียนมาพบพวกท่านถึงที่นี่วันนี้ เพราะต้องการให้ท่านช่วยเราตรวจสอบวิญญาณยุทธ์ของเสี่ยวเทียนด้วยอีกอย่าง”

“เป็นเช่นนั้นเอง” เฉินฉางชิงเปลี่ยนท่าที หยุดตั้งใจฟังสิ่งที่หลินหยงกล่าวด้วยสงสัยทันใด

จากนั้นเขาได้พลันถามขึ้น “วิญญาณยุทธ์ของเสี่ยวเทียน มีสิ่งใดผิดแผลกแปลกไปกระนั้นหรือ”

“ขอรับ แม้ข้าจะใช้เนตรฮวงเทียนตรวจสอบ แต่ก็มิอาจกระจ่างได้ เลยดั้นด้นพาเสี่ยวเทียนมาพบพวกท่าน หวังว่าผู้อาวุโสจะช่วยเหลือ” หลินหยงพยักหน้าแล้วอธิบายต่อเฉินฉางชิงและสี่ผู้อาวุโส เกี่ยวกับปัญหาที่พบเจอในวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียน

หลังได้ฟังคำบอกเล่าจากหลินหยง เฉินฉางชิงและอีกสี่คนต่างพากันรู้สึกฉงนใจเป็นที่สุด

อย่างไรก็ตาม ทั้งห้าคนกลับมิอาจเชื่อในสิ่งที่หลิงหยงกล่าวได้ ว่าวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนจะเป็นเพียงระดับสอง

หาไม่แล้ว ไฉนวิญญาณยุทธ์ระดับสองจะมีพรสวรรค์ด้านกระบี่ที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้

“เด็กน้อย ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของเจ้าออกมา แสดงให้ข้าได้ประจักษ์ที” เฉินฉางชิงแย้มยิ้มให้หยางเสี่ยวเทียนอย่างเอ็นดู

หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้ารับทราบ แล้วเยื้องย่างไปยังลานกว้างเบื้องหน้า

ไม่ช้า เขาก็โคจรลมปราณมังกรแรกเริ่มไปทั่วร่าง แล้วปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมา

ทันใดนั้น กลิ่นอายดำมืดแผ่กระจายจากทั่วสรรพางค์กาย แล้วทะยานขึ้นสูงเหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว

ท้องนภาแลผืนพิภพโดยรอบอันเคยสว่างใส พลันมืดครึมจากอายทะมึนนั้น ทำบรรยากาศทั่วทั้งตำหนักกระบี่ที่กว้างใหญ่ไพศาล ดูมิต่างตกลงสู่หุบเหวลึกนับพันลี้

ปราณอันน่าประหลาดจากเสวียนอู่และอสรพิษนิลกาฬกวาดออกไปเป็นวงกว้าง

แม้แต่ผู้อาวุโสอย่างเฉินฉางชิงและอีกสี่คนที่ต่างได้สัมผัสกับแรงกดดันมหาศาลนี้ ยังรับรู้ถึงความสะพรั่นพรึงของมันจนหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนหลินหยงและเฉินหยวนยามนี้ ก็ตกตะลึงเช่นกันเมื่อได้เห็นวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียน ครั้นเทียบกับเดือนที่แล้ว วิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนกลับดูเปลี่ยนไปมาก อีกทั้งยังพบว่าเจ้าอสรพิษดำตัวนั้น มิได้พันรอบกระดองเต่าอีกต่อไป

แยกตัวออกจากเต่ายักษ์ได้งั้นรึ!

“วิญญาณยุทธ์คู่!” หลินหยงกับเฉินหยวน อุทานขึ้นพร้อมกันจนเสียงหลงขณะในหัวพวกเขาพลางนึกคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง

เฉินฉางชิงและคนทั้งสี่ กลับดูจะเพิกเฉยต่อเสียงอุทานของหลินหยงแลเฉินหยวน พวกเขาต่างก้าวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง เพื่อพินิจดูวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนให้ถนัดชัดตากว่านี้

ยิ่งทั้งห้าคนมองมันมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น

หลังผ่านไปเนิ่นนาน ทั้งห้าคนก็หยุดเดินเวียนรอบกายหยางเสี่ยวเทียน แล้วถอยกลับไปยืนมองเด็กน้อยผู้อยู่เบื้องอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสเฉิน ได้ความเช่นไรบ้าง” หลินหยงเร่งถามอย่างกังวลใจ ซึ่งเฉินหยวนเองก็มิแพ้กัน

เฉินฉางชิงเห็นกิริยาแลสีหน้าดูกังวลจากทั้งสองแล้ว ก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวลไป วิญญาณยุทธ์ของเสี่ยวเทียนมิได้อยู่ในระดับสอง”

เขาสูดหายใจลึก จากนั้นกล่าวต่อ “หากข้าคาดมิผิด เต่ายักษ์ของเขาคือ เต่าสมุทรนิลกาฬศักดิ์สิทธิ์เป็นวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงระดับสิบเอ็ด ส่วนเจ้าอสรพิษสีดำตัวนั้น คืออสรพิษแห่งพิภพอเวจี เป็นวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบเอ็ดเช่นเดียวกัน”

“เขาเป็นผู้มีวิญญาณยุทธ์คู่ขั้นสูง”

วิญญาณยุทธ์ขั้นสูงระดับสิบเอ็ด เต่าสมุทรนิลกาฬ!

กับวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสิบเอ็ด อสรพิษแห่งพิภพอเวจี!

ทันทีที่ได้ยินผลวิเคราะห์จากเฉินฉางชิงเช่นนี้ หลินหยงและเฉินหยวนก็พลันสะดุ้งกายไหวโดยมิรู้ตัวด้วยตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด