ตอนที่1
บริษัทXX
“คุณแม่ยังไม่ล้มเลิกความคิดนี้อีกเหรอครับ”
ตฤนภพคิ้วขมวดขณะที่กำลังจะจับปากกาเซ็นเอกสารเพราะแม่ของเขามาหาถึงบริษัทเพื่อที่จะพูดแต่เรื่องเดิมๆเพราะเหตุนี้ช่วงนี้เขาถึงไม่อยากจะกลับไปนอนที่บ้านเท่าไร
“ก็ลูกไม่เห็นใจคุณย่าบ้างหรือไงท่านอยากมีเหลนแค่ไหนลูกก็รู้”
มลฤดีนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาก็คิ้วขมวดตามลูกชายเธอเหมือนกันที่อายุสามสิบกว่าแล้วแฟนสักคนยังไม่เคยพามาให้รู้จักเลยนี่ถ้าเธอเป็นคนอื่นคงคิดว่าลูกเธอนั้นชอบไม้ป่าเดียวกันแน่
“ถ้าคุณแม่อยากจะให้ผมแต่งงานเพื่ออยากได้หลานงั้นคุณแม่ก็ตัดเรื่องแต่งงานทิ้งไปได้เลยหากคุณแม่อยากได้หลานคุณแม่ก็หาใครมาอุ้มบุญลูกผมก็แล้วกันครับ”
เรื่องที่จะหาแฟนหรือมีครอบครัวตฤนภพคิดไม่ออกว่าชีวิตแบบนั้นเขาจะเป็นยังไงเขามีความสุขกับการทำงานแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วแต่หากแม่ของเขากับคุณย่าอยากจะให้เขามีลูกนักก็คงต้องหาคนมาอุ้มท้องลูกเขาเสียแล้วหละเพราะจะให้เขาไปแต่งงานมีเมียมีชีวิตครอบครัวคงยาก
“ลูกพูดเองนะตาต้น”
มลฤดีเห็นว่าเธอคะยั้นคะยอลูกชายเธอเรื่องมีครอบครัวมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลโอกาสนี้เป็นโอกาสที่ลูกชายเธอเปิดทางให้เอได้มีหลานแล้วเธอก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ส่วนเรื่องแม่อุ้มบุญเธอไม่ต้องคิดอะไรให้มันมากเลยเพราะเธอมีคนที่หมายตาเอาไว้แล้ว
“คุณแม่ก็รู้ว่าผมไม่เคยพูดเล่น”
ตฤนภพจ้องตาคนเป็นแม่อย่างจริงจังว่าเขานั้นพูดจริงไม่เคยล้อเล่นอะไรอยู่แล้วหวังว่าแม่ของเขาคงจะหยุดพูดเรื่องนี้ไปได้พักใหญ่นะเพราะเขาคิดว่าแม่เขาคงหาคนมาอุ้มท้องลูกของเขาได้ไม่เร็วนักหรอก
ต้น ตฤนภพนักธุรกิจหนุ่มที่สนใจแต่การทำงานในบริษัทไม่ค่อยออกงานสังคมเท่าไรค่อนข้างจะเป็นคนที่ชอบเก็บตัวเงียบทำงานเก่งเฉียบขาดเรื่องงานเป็นที่หนึ่งจนผู้ใหญ่ในแวดวงหลายๆท่านก็ยังมาปรึกษาเรื่องธุรกิจกับเขา
ชายหนุ่มค่อนข้างเป็นคนที่อัธยาศัยไม่ได้ดีนักแต่ก็รู้กาลเทศะว่าควรจะเข้ากับผู้ใหญ่หรือวางตัวอย่างไรน้อยครั้งที่จะเห็นเขายิ้มเนื่องจากชายหนุ่มเป็นคนโลกส่วนตัวสูงและเป็นลุกชายคนเดียวของตระกูลจึงถูกเลี้ยงมาให้สืบทอดธุรกิจตั้งแต่เล็กๆเขาจึงเป็นคนที่มีระเบียบวินัยมากดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนในรุ่นๆเดียวกัน
ในชีวิตช่วงมหาลัยเขาเคยมีผู้แฟนอยู่คนนึงในตอนที่เรียนอยู่เมืองนอกด้วยกันแต่ด้วยเพราะแฟนสาวของเขาไม่ต้องการการผูกมัดเขาจึงเลิกยุ่งกับเธอและไม่คิดที่จะมองใครอีกเลยที่บ้านของเขาก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเขาเคยคบผู้หญิงเพราะมันเป็นแค่ช่วงเวลาที่เขาเรียนมหาลัยเท่านั้น
แม่กำปอง
เช้าอันแสนสดใสของสาวน้อยอั่งเปา ปรารี
“ซื้ด...ฟู่...ฟู่...อากาศดีสุดๆไปเลย...”
ปรารีสาวน้อยวัยยี่สิบสองปียืนสูดอากาศที่แม่กำปองบ้านเกิดของเธออย่างสดชื่นในตอนเช้าหญิงสาวมีบ้านเล็กๆอยู่ที่นี่หน้าบ้านเป็นระเบียงไม้ยื่นออกมาชมวิวทิวเขาได้เต็มสองตาแถมอากาศยังดีมากๆอีกด้วย
ปรารีเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิดเธอจำได้ว่าคุณหญิงมลฤดีแม่บุญธรรมของเธอเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นคุณแม่ของเธอมาเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนแล้วเจอรถของเธอกับพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเลยช่วยเอาไว้แต่โชคร้ายพ่อแม่ของเธอไม่รอดแถมญาติของเธอก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครคุณแม่ของเธอจึงติดต่อขอรับเธอเป็นบุตรบุญธรรมอีกคนเธอรู้สึกว่าพ่อและแม่บุญธรรมของเธอก็เอ็นดูเธอไม่ได้ต่างจากลูกแท้ๆเลยและชื่อเธอที่ได้มาว่าอั่งเปาก็เพราะแม่บุญธรรมเธอเจอเธอตอนช่วงตรุษจีนพอดี
เธออยู่กับแม่บุญธรรมของเธอได้จนอายุ 6 ขวบแม่ของเธอก็ส่งให้เธอไปอยู่กับคุณย่าที่อิตาลีตั้งแต่ตอนนั้นและทั้งพ่อกับแม่บุญธรรมของเธอก็จะเทียวไปหาเธอบ่อยๆระหว่างที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีส่วนมากก็จะมีคุณย่าที่คอยเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเธอทุกอย่างจนเธอเริ่มเข้ามหาลัยคุณย่าของเธอก็ให้เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียวโดยท่านก็บินกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรแรกๆเธอก็แอบเหงาอยู่บ้างแต่คุณย่าสอนเธอว่าให้เธออดทนเพราะโตแล้วต้องหัดทำอะไรเองตามลำพังบ้างเธอทำตามที่คุณย่าสอนทุกอย่างไม่เคยโทรไปงอแงกับที่บ้านแม้แต่นิดเดียวถึงแม้ว่าจะแอบนั่งร้องให้คิดถึงคุณย่าบ้างก็เถอะ
เธอรู้ว่าคุณพ่อและคุณแม่ของเธอมีลูกชายอีกคนแต่ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในครอบครัวเธอก็ไม่เคยจะเห็นหน้าพี่ชายของเธอเลยสักครั้งเธอเคยขอคุณแม่เธอดูรูปก็มีแต่รูปตอนแบเบาะกับรูปวัยเด็กตอนที่ไม่รู้ประสาเพราะคุณแม่ของเธอบอกว่าพี่ชายเธอไม่ชอบถ่ายรูปแถมยังเป็นคนที่ชอบเก็บตัวไม่เจอผู้คนอีกด้วยจนนานเข้าก็ทำให้เธอเกือบลืมไปว่าพ่อกับแม่ของเธอยังมีลูกชายอยู่ด้วย
อั่งเปาพึ่งเรียนจบแฟชั่นดีไซน์มาหมาดๆจากอิตาลีตอนนี้เธอขอคนเป็นแม่ว่าอยากกลับมาอยู่ที่แม่กำปองคุณหญิงมลฤดีจึงสั่งให้คนสร้างบ้านหลังเล็กไว้ให้ลูกสาวของเธอพักผ่อนอยู่ที่นี่...แต่...เธอคงอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานเพราะเธอมีสิ่งที่สำคัญที่เธอต้องไปทำที่กรุงเทพตามที่แม่บุญธรรมของเธอขอร้องไว้