ตอนที่แล้วตอนที่ 211 เผ่าถางหลาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 213 เปลี่ยนความคิด

ตอนที่ 212 ไม่เล่นตามเกม (ฟรี)


ตอนที่ 212 ไม่เล่นตามเกม

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เจี้ยนเถามาที่นี่พร้อมสมาชิกเผ่าทั้งสี่ เขาก็พบว่ามีผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนหนึ่งรออยู่หน้าโลกมารใบนี้ ซึ่งทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไฉ่หยุนก็สังเกตเห็นซูหยางเช่นกัน "พี่เจี้ยน เราควรทำอย่างไรดี? ควรขับไล่มนุษย์คนนี้ออกไปหรือไม่?"

หลังจากเจี้ยนเถาครุ่นคิดอยู่ช่วงหนึ่ง ในท้ายที่สุดเขาก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ช่างเถอะ เขาเพียงคนเดียวไม่สามารถสร้างผลกระทบอะไรต่อเราได้ ดูเหมือนว่าเขาแค่อยากเข้าสู่โลกมารเพื่อสัมผัสดูว่าข้างในเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มาที่นี่เพียงลำพัง"

“เข้าใจแล้ว”

หลังจากการสนทนาสั้นๆ ผู้ฝึกฝนเผ่าถางหลางทั้งห้าก็หาที่รอ ซึ่งอยู่ห่างจากซูหยางไปเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาไม่คิดที่จะขับไล่ซูหยางออกไป แต่พวกเขาก็จะไม่อยากเกี่ยวข้องกับซูหยาง

ซูหยางเหลือบมองคนทั้งห้าแล้วหลับตา เขายังยืนอยู่อย่างเงียบๆ เขาได้เลือกเป้าหมายแล้ว ดังนั้นเขาจะไม่เปลี่ยนมันง่ายๆ มีเพียงโลกมารไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ไม่มีเจ้าของในแดนต้องห้าม

หากต้องการโลกมารที่เหมาะสม และโลกมารที่ใกล้เวลาเปิดก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก

การมาถึงของผู้ฝึกฝนเผ่าถางหลางทั้งห้าจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเขา

อีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องไว้หน้า เขาสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้

เมื่อทั้งห้าคนนี้มาถึง ซูหยางได้ใช้วิชาดาบกรรมเพื่ออนุมานแล้ว

คนเหล่านี้ไม่เคยทำร้ายเผ่ามนุษย์ และไม่ได้ปนเปื้อนผลกรรมจากเผ่ามนุษย์

มิฉะนั้น ซูหยางคงจะฆ่าคนเหล่านี้ด้วยความคิดเดียว

หลังจากรอสักพัก ในที่สุดโลกมารก็เปิดออก

ไม่มีต้องพูดกันในเวลานี้ ทุกคนก็ก้าวเข้าไปทีละคน เช่นเดียวกับซูหยาง ผู้ฝึกฝนเผ่าถางหลางก็ใช้ร่างโคลนเช่นกัน

หากต้องการเข้าสู่โลกมารที่อันตราย จำเป็นต้องใช้ร่างโคลน หากใช้ร่างหลักจะมีความเสี่ยงถึงชีวิต

ไม่มีใครอยากตายในโลกมาร

เมื่อทุกคนก็ก้าวเข้าไปในนั้น

ทิวทัศน์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไป

ขณะนี้ พวกเขาอยู่ในวิหารที่พังทลาย

ด้านนอกวิหารยังมีฝนตกหนัก และมีเมฆดำปกคลุมท้องฟ้า เป็นการยากที่จะบอกได้ว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าใด

แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ สิ่งที่พวกเขาทำต่อไป

สิ่งที่ปรากฏในวิหารที่พังทลายแห่งนี้คือ ทั้งหกคนที่เพิ่งเข้ามาในโลกมารใบนี้

ผู้ฝึกฝนเผ่าถางหลางทั้งห้าดูเหมือนจะคุ้นเคยกับโลกใบนี้ หลังจากเข้ามาแล้ว พวกเขาก็วิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ว่าข้างนอกจะมีฝนตกหนักแค่ไหนก็ตาม

ต้องรู้ก่อนว่าเมื่อเพิ่งเข้ามา พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีการฝึกฝนใดๆ หากพวกเขาต้องการแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะต้องได้รับของพิเศษบางอย่างในโลกนี้เพื่อปลดปล่อยพลังของตน

กระบวนการนี้ยังคงเป็นเรื่องยาก

แม้ผู้ฝึกฝนเผ่าถางหลางทั้งห้าจะวิ่งออกไป แต่ซูหยางก็ไม่รีบร้อน ในขณะนี้ มีสายใยแห่งกรรมสองเส้นในสายตาของเขา

สายใยแห่งกรรมทั้งสองเส้นนี้ไม่เพียงแต่ชี้นำทางเขาเท่านั้น แต่ยังมีคำอธิบายที่ระบุว่ามันสื่อถึงอะไร และอะไรจะเกิดขึ้น

[ สายใยแห่งกรรมเส้นที่ 1 : การตามล่าศิษย์ตระกูลเจียง ]

[ บทนำ : ในฐานะเศษซากของนิกายเถี่ยฉวน แม้ว่าจะอ่อนแอ แต่เจ้าก็ยังถูกหมายหัวโดยตระกูลเจียง ]

[ ระดับอันตราย : ผู้ฝึกฝนระดับ 8 ]

[ ผลประโยชน์ : หากสามารถตอบโต้ และสังหารศิษย์ตระกูลเจียงได้จะได้รับเม็ดยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ]

[ สายใยแห่งกรรมเส้นที่ 2 : ศิษย์ของนิกายเถี่ยฉวน ]

[ บทนำ : ในฐานะส่วนหนึ่งของนิกายเถี่ยฉวน เจ้าย่อมไม่ถูกทิ้งโดยนิกาย มีศิษย์ของนิกายเถี่ยฉวนอยู่ไม่ไกล พวกเขาพร้อมที่จะมารับ ]

[ ผลประโยชน์ : รอดจากวิกฤตครั้งนี้ ]

นี่คือสายใยแห่งกรรมทั้งสองที่ปรากฏในสายตาของซูหยาง

มีรายละเอียดที่ชัดเจนอยู่ในตัว

ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาจะไม่มีโอกาสชนะศิษย์ตระกูลเจียงที่เป็นผู้ฝึกฝนระดับ 8 ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาทางติดต่อกับศิษย์ของนิกายเถี่ยฉวน

แต่ซูหยางต้องทำเช่นนั้นหรือเปล่า?

ซูหยางมองไปที่ดาบเพลิงดาราที่อยู่ในมือของเขา

“ดี พลังของเจตจำนงดาบสี่มิติไม่ได้ฝ่าฝืนกฏของโลกมาร…”

ท่ามกลางฝนตกหนัก

เจี้ยนเถาได้นำสหายทั้งสี่ของเขาไปยังตำแหน่งของเบาะแสที่พวกเขาได้รวบรวมเอาไว้

“พี่เจี้ยน ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ท่านพูดจริงๆ มนุษย์คนนั้นแค่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์ในโลกมาร เขาไม่มีเบาะแสใดๆ เลย ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ยืนนิ่งในวิหาร”

“หากเขายังอยู่ในวิหารนั้นต่อไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน”

“ไม่ต้องสนใจเขา เรารีบออกเดินทางกันเถอะ แม้ว่าเราจะมีเบาะแสก็อย่าประมาท”

“พี่เจี้ยน ท่านว่า...”

ณ วิหารที่พังทลาย

ซูหยางไม่รีบร้อน และรออย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นไม่นาน มีคนมากกว่าสิบคนปรากฏขึ้นนอกวิหาร

พวกเขาสวมหมวกไม้ไผ่ และเสื้อกันฝน ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนพร้อมกับจิตสังหาร

ซูหยางมองไปที่ผู้นำกลุ่ม และข้อมูลที่ซูหยางอนุมานได้ก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของอีกฝ่าย

[ เจียงตง : ระดับ 8 ]

ยกเว้นผู้นำกลุ่มที่เป็นผู้ฝึกฝนระดับ 8 ศิษย์คนอื่นๆ ของตระกูลเจียงที่ติดตามมานั้นเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับ 9 เท่านั้น

“เรามาช้าไปหรือเปล่า?...”

เจียงตงนำกลุ่มคนเข้าไปในวิหารที่พังทลาย และสำรวจไปรอบๆ และในที่สุดก็มุ่งความสนใจไปที่ซูหยาง

“หืม เศษซากของนิกายเถี่ยฉวน”

“ฮ่าๆๆ เจ้าคงรู้ตัวสินะว่าไม่ว่ายังไงก็หนีไม่พ้นจึงรอความตายอยู่ที่นี่”

เจียงตงเยาะเย้ย และพูดว่า "ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยส่งเจ้าไปโลกหน้าเอง"

หลังจากฟังคำพูดของศัตรูแล้ว ซูหยางก็ไม่ตอบ แต่เพียงก้าวไปข้างหน้า และดาบเพลิงดาราก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

เมื่อควบแน่นขึ้น มันก็พุ่งไปข้างหน้า ส่งเสียงตัดอากาศ เปล่งความคมกริบอันเหนือชั้น

เมื่อเห็น เจียงตงแอบคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ

อีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดาหรอกเหรอ?

“เร็วเข้า! รีบฆ่าเขาซะ!”

เจียงตงออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

ศิษย์ตระกูลเจียงคนอื่นๆ ก็มีปฏิกิริยา และพยายามปิดล้อมรอบตัวซูหยาง

ในฐานะคนที่อยู่ใกล้ซูหยางที่สุด ดาบเพลิงดาราก็พุ่งทะยานใส่โล่พลังปราณของเจียงตง

หลังจากที่ทุบทำลายโล่พลังปราณที่สร้างขึ้น ดาบเพลิงดาราก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และตัดหัวของเจียงตงออกมา

เมื่อคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ พวกเขาต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก!

“ไม่! หนีเร็วเข้า!”

แม้แต่เจียงตงที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็ตายไปแล้ว พวกเขาที่เหลือจะสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ในเวลาสั้นๆ ศิษย์ตระกูลเจียงก็แตกกระเจิง และหนีไปทุกทิศทุกทาง พยายามหลบหนีไปจากที่นี่

แต่ซูหยางจะปล่อยให้พวกเขาหลบหนีไปได้อย่างไร

ดาบเพลิงดาราพุ่งทะยานออกไป และตัดหัวของศิษย์ตระกูลเจียงแต่ละคน

หัวมากมายร่วงหล่น และตกลงบนพื้นท่ามกลางฝนตกหนัก

เลือดที่กระเซ็นปะปนกับสายฝนทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าอันไหนเป็นฝนอันไหนเป็นเลือด

หัวกลิ้งไปกับพื้น และถูกปกคลุมไปด้วยโคลน

เพียงไม่กี่ลมหายใจ ศิษย์ตระกูลเจียงทุกคนที่มาที่นี่ก็ถูกซูหยางสังหาร

แล้วก็มาถึงอีกช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้ค้นศพ

หลังจากค้นศพดูแล้ว ซูหยางก็พบยาบางชนิดอย่างรวดเร็ว หลังจากกินลงไปทั้งหมด ความแข็งแกร่งของเขาก็ไปถึงระดับ 8 แม้ว่าจะไม่ได้ใช้เจตจำนงดาบสี่มิติก็ตาม

ตอนนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่เพิ่มไปถึงระดับ 8 พลังของเจตจำนงดาบสี่มิติก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

นอกจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นแล้ว ซูหยางยังได้รับแผนที่มาอีกด้วย

แผนที่นี้บันทึกแผนผังบางส่วนของฐานที่มั่นของตระกูลเจียงในเมืองฉางเหอ

สิ่งนี้อาจมีประโยชน์ ดังนั้นซูหยางจึงเก็บมันเอาไว้ก่อน

หลังจากที่ความแข็งแกร่งของเขาสูงขึ้นอีก เขาจะไปตรวจดูฐานที่มั่นเหล่านั้น หากมันไม่แข็งแกร่งมากนัก เขาก็จะเปิดฉากโจมตีโดยตรง

สำหรับจุดประสงค์หลักของโลกมารใบนี้คือ การหลบหนี...

มันสำคัญงั้นเหรอ?

หากเขาฆ่าศัตรูทั้งหมดที่มาไล่ล่า ก็ถือว่าหลบหนีได้อย่างสมบูรณ์จริงไหม?

เมื่อกับโลกมารก่อนหน้านี้ หลังซูหยางสังหารหัวหน้าหมู่บ้านหลิว แม้จะยังไม่ถึงกำหนดเวลา โลกมารก็พังทลายลง

สิ่งแสดงให้เห็นว่าตราบใดที่วิกฤตที่ใหญ่ที่สุดถูกจัดการ และทำตามเงี่อนไขสำคัญได้ โลกมารก็จะถูกทำลาย

ดังนั้น ตราบใดที่ซูหยางฆ่าศัตรูทั้งหมดที่กำลังไล่ล่าเขา โลกมารใบนี้ก็จะพังทลายด้วยตัวของมันเอง

"หากต้องการฆ่าทุกคนที่กำลังไล่ล่าข้าอยู่ ข้าก็ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้"

ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับ 8 ดังนั้นจึงดูเย่อหยิ่งเล็กน้อยเมื่อเขาพูดแบบนี้

หลังจากสังหารศิษย์ตระกูลเจียงกลุ่มนี้ลง ซูหยางก็เห็นการปรากฏของสายใยแห่งกรรมเส้นใหม่

[ สายใยแห่งกรรมเส้นที่ 3 : นิกายเถี่ยฉวนที่ตกอยู่ในวงล้อม ]

[ บทนำ : ศิษย์ของนิกายเถี่ยฉวนกำลังอยู่ภายใต้การปิดล้อม และถูกปราบปราม ]

[ ผลประโยชน์ : หลังจากเข้าร่วม ฐานการบ่มเพาะจะสูงขึ้น ]

[ สายใยแห่งกรรมเส้นที่ 4 : ปราบปรามศิษย์ตระกูลเจียงที่กำลังปิดล้อมศิษย์ของนิกายเถี่ยฉวน ]

[ บทนำ : ศิษย์ของนิกายเถี่ยฉวนกำลังถูกปิดล้อม และปราบปราม และเจ้าก็ตกเป็นเป้าหมายของศัตรูเช่นเดียวกัน ]

[ ระดับอันตราย : ผู้ฝึกฝนระดับ 9 ถึงระดับ 4 ]

[ ผลประโยชน์ : เมื่อฆ่าศิษย์ตระกูลเจียงบางคนมีโอกาสได้รับเม็ดยาที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ]

[ สายใยแห่งกรรมเส้นที่ 5 : ฐานที่มั่นของตระกูลเจียงในเมืองฉางเหอ ]

[ บทนำ : ฐานที่มั่นของตระกูลเจียงที่กำลังปิดล้อม และปราบปรามเหล่าศิษย์ของนิกายเถี่ยฉวนได้สะสมทรัพยากรบ่มเพาะไว้เป็นจำนวนมาก ]

[ ระดับอันตราย : ผู้ฝึกฝนระดับ 9 ถึงระดับ 2 ]

[ ผลประโยชน์ : มีทรัพยากรบ่มเพาะมากมายที่นี่ หากได้รับพวกมันมาก็จะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด