ตอนที่แล้วตอนที่ 20 การมาเยือนของหวินอี้ฉวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 รับอนุภรรยาเหรอ?

ตอนที่ 21 การต่อสู้ระหว่างนักสู้ระดับเก้า


ตอนที่ 21 การต่อสู้ระหว่างนักสู้ระดับเก้า

เย่เฉินหน้าบึ้งเย็นชาใส่หวินอี้ฉวน เขาไม่มีเหตุผลแม้แต่ข้อเดียวที่จะปฏิบัติต่อใครก็ตามจากตระกูลหวินด้วยความสุภาพเรียบร้อย ท้ายที่สุดเย่เฉินมั่นใจว่าคนโกงที่โจมตีและสะบั้นช่องเส้นลมปราณของเขาเมื่อสามปีก่อนนั้น เป็นคนจากตระกูลหวิน แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้เปิดเผยหลักฐานที่ชัดเจนก็ตาม 'โอ้ เจ้าระวังหลังไว้เถอะ ข้าจะชำระหนี้นั้นให้ทันเวลา'

“แล้วข้าควรคาดหวังอะไรจากประมุขตระกูลทั้งสามล่ะ?”

เย่จ้านเทียนไม่ได้แสดงท่าทีให้ฉินหวี่หรือเหยียนยิ่นนั่ง ในฐานะประมุขของตระกูล เขาคิดเพียงที่นั่งของตัวเองเท่านั้นและหยิบถ้วยชามาจิบอย่างสงบ โดยไม่ได้กล่าวทักทายกับประมุขตระกูลอีกสองคนเลย

บ้านตระกูลฉินและบ้านตระกูลเหยียนเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของตระกูลหวินมาโดยตลอด และเย่จ้านเทียนก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะปฏิบัติต่อพวกเขามากไปกว่านั้น

ฉินหวี่และเหยียนยิ่นดูโกรธอยู่พักหนึ่ง แต่พวกเขาก็คว้าเก้าอี้ของตัวเองและนั่งข้างหวินอี้ฉวน

“เอ่อ..ข้าได้ยินมาว่าพี่จ้านเทียน เพิ่งบรรลุระดับเก้า”

สายตาของหวินอี้ฉวนจับจ้องไปที่เย่จ้านเทียนอย่างเต็มที่

“ขอแสดงความยินดี”

อนิจจา หวินอี้ฉวนและทูตของเขามาที่นี่เพียงเพื่อยืนยันข้อมูลชิ้นนี้เท่านั้น!

“โอ้ ข้าไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงความยินดีกับข้า ข้าคิดว่าข้าควรจะกล่าวขอบคุณ”

เย่จ้านเทียนตอบราบเรียบ

“ประการหนึ่ง ข้าสงสัยเกี่ยวกับเด็กน้อยนั่น หวินอี้หยาง การฝึกปรือวิชาหนิงฉวนของเขาเป็นยังไงบ้าง ตาเฒ่านี่ไม่สนุกกับเรื่องนั้นมาสักระยะแล้ว”

เย่ชางฉวนพูดแทรกและไล่นิ้วของเขาผ่าน หนวดเครายาวสีขาว ในแง่ของความอาวุโส เขาอายุมากกว่า หวินอี้ฉวนและหวินอี้หยางอย่างแน่นอน

'บางคนแปะป้ายอายุอาวุโส ราวกับว่ามันมีความหมายอะไร' หวินอี้ฉวนเยาะเย้ยอย่างดูถูกในขณะที่เขาคิด

“ขอบคุณสำหรับความกังวลของท่าน วิชาหนิงฉวนของพี่ใหญ่ของข้าได้มาถึงระดับ 5 แล้ว ข้ามั่นใจมากว่าเขาจะต้องก้าวไปสู่ระดับ 6 ในไม่ช้าและบรรลุจุดสูงสุดของขั้นที่ 9 ในกระบวนการนี้”

หวินอี้ฉวนตอบอย่างเย่อหยิ่ง

เมื่อหวินอี้หยางไปถึงจุดสูงสุดของขั้นที่เก้า มีเพียงคำพูดของเขาเท่านั้นที่จะถือเป็นกฎของตระกูลทั้ง 18 ตระกูลแห่งเหลียนหวิน ท้ายที่สุดแล้ว หลายคนสามารถฝึกฝนตัวเองอย่างจริงจังมานานหลายทศวรรษและยังไม่เคยก้าวหน้าจากระดับที่เก้าขั้นกลาง ทุกย่างก้าวจะยากราวกับไต่ภูเขาเมื่อไปถึงระดับเก้า พูดตรงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความยากลำบากนี้ เย่ชางฉวนก็คงไม่ต้องติดอยู่ในด่านที่เก้าขั้นต้นมาหลายปีแล้ว

แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าหวินอี้ฉวนกำลังพูดความจริงหรือว่านั่นเป็นเพียงการอวดอำนาจ

“น่าเสียดายสำหรับคนที่มีชื่อเสียงที่เลอะเทอะในการฝึกฝน ข้าจำได้ว่าผู้เฒ่าของบ้านตระกูลหวิน เคยจูงมือหวินอี้หยาง ไปรอบๆ เพื่อฝึกฝน หากไม่ใช่เพราะโชคดีที่เขากิน เห็ดโลหิต เขาในตอนนี้อาจจะยังอยู่ในระดับที่เจ็ดหรือแปดใช่ไหม?”

เย่ชางฉวนยิ้มดวงตาของเขาหรี่ลง

ตระกูลเย่ทุกคนในห้องก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

หวินอี้ฉวนขุ่นเคือง 'ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับปัญหาโง่ๆ นี้!' เขาโกรธอยู่ภายใน 'เย่ชางฉวนวางแผนที่จะเล่าเรื่องทุกเรื่องในอดีตให้ผู้ชมฟังในวันนี้ใช่ไหม คำพูดเก่าๆ นี้!'

เขาตรวจดูกลุ่มคนที่อายุน้อยกว่าของบ้านตระกูลเย่ ด้วยท่าทางที่หนักแน่น พวกเขาก็รู้สึกเก้อเขินโดยไม่รู้ตัวที่เมื่อใดก็ตามที่นักสู้ระดับที่เก้าจ้องมองเขม็งมาที่พวกเขาทั้งหมดนี้ยกเว้นเย่เฉินที่จ้องมองกลับมาที่เขาโดยไม่กลัวใดๆ

'นี่คงเป็นลูกชายคนที่สามของเย่จ้านเทียนเย่เฉิน ใช่ไหม' หวินอี้ฉวนคิด เขาจำได้ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ได้รับการประกาศว่าเป็นคนที่มีแนวโน้มและมีความสามารถมากที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ระหว่างป้อมสิบแปดตระกูล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฐานการฝึกฝนของเขาที่ถูกทำให้สูญเปล่าโดยนักสู้ระดับแปดจากบ้านของเขาเอง เย่เฉินจึงถูกลดระดับลงเป็นผู้ไร้ประโยชน์แทน แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้นจนกระทั่งเย่จ้านเทียนจัดการเพื่อให้ได้ยาเม็ดเชื่อมประสานให้เจ้าเด็กน้อย และตอนนี้ไม่เพียงแต่เส้นลมปราณของเขาได้รับการแก้ไขแล้ว เขายังเข้าร่วมและชนะการประลองซึ่งทำให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูล

มาดูกันว่าพลังจะขนาดไหนเจ้าเด็กน้อย

คลื่นแรงดันระดับเก้าเล็ดลอดออกมาจากหวินอี้ฉวนและลอบไปทางเย่เฉินอย่างเงียบๆ

ผู้สืบทอดรุ่นเยาว์รู้สึกได้ทันทีถึงแรงโน้มถ่วงที่กดน้ำหนักลงบนหน้าอกของเขาและทำให้เลือดในร่างกายปั่นป่วน เพื่อตอบโต้เขารวบรวมพลังปราณฟ้าของเขาเองเพื่อต่อสู้กับแรงกดดัน

หวินอี้ฉวนรู้สึกประหลาดใจกับการสนองตอบตอบของเย่เฉิน หากเป็นนักสู้ฝึกหัดระดับห้า หรือหกคนอื่นๆ ที่ต้องอยู่ภายใต้ความกดดันของนักสู้ระดับเก้า พวกเขาก็คงจะพังทลายลงทันที แต่ที่นี่เย่เฉินยังต้านรับแรงกดดันของอี้ฉวนต่อหน้า และร่างกายของเขาก็ไม่สั่นแม้แต่น้อยในขณะที่ทำเช่นนั้น

เย่จ้านเทียนสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าสีหน้าของเย่เฉินเปลี่ยนไป พร้อมกับเสียงแค่น ผู้เฒ่าจึงปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังของเขาออกมาทันทีและครอบคลุมลูกชายของเขาไว้

เย่เฉินรู้สึกถึงพลังที่จางหายไปทันที

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือความกดดันของนักสู้ระดับเก้า! เย่จ้านเทียนได้บรรลุถึงระดับเก้า อย่างแท้จริง!

ด้วยความสนใจของเขาที่เพิ่มขึ้นหวินอี้หยาง ต้องการทดสอบว่าคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน เขารวบรวมพลังปราณฟ้าของเขาเองอย่างเข้มแข็งมากขึ้นและต่อสู้กับแรงกดดันของเย่จ้านเทียนด้วยตัวเอง

ดังนั้นยอดฝีมือระดับเก้าสองคนนี้จึงเริ่มประลองกันอย่างเงียบๆ โดยใช้แรงกดดันเท่านั้น อากาศในห้องโถงดูเหมือนจะแข็งตัวเป็นไอหนาทึบ ด้วยเหตุนี้จึงบังคับให้กลุ่มผู้เยาว์ถอยออกไปข้างหลังเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถต้านกระแสความกดดันมหาศาล แม้แต่นักสู้ระดับแปด เช่น เย่จ้านหลงและเย่จ้านฉวง ก็สัมผัสได้ถึงอาการเลือดลมระอุและปั่นป่วนในขณะที่แรงกดดันยังคงมีอยู่ต่อกันและกันและพวกเขาจึงใช้ ปราณฟ้าของตนเองเพื่อรักษาสมดุลในตัวพวกเขา

ท่ามกลางฝูงชน มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ยังคงสงบ ได้แก่ เย่ชางฉวน, เหยียนยิ่นและฉินหวี่!

หวินอี้ฉวนและเย่จ้านเทียนได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสู้ระดับเก้าขั้นต้น แต่ความแตกต่างด้านพลังระหว่างนักสู้แต่ละคนยังคงมีความสำคัญ นี่คือสาเหตุที่หวินอี้ฉวน ขมวดคิ้วในขณะที่เขาโกรธเมื่อตระหนักว่าปราณฟ้าของเขาไม่สามารถเอาชนะเย่จ้านเทียนแต่อย่างใด แม้ว่าคนหลังจะเพิ่งมาถึงระดับนี้เมื่อไม่นานนี้ เขาควรจะดิ้นรนเมื่อเขาพยายามทำให้ปราณฟ้าของเขามั่นคง!

หวินอี้ฉวนบรรลุระดับเก้าเป็นเวลาอย่างน้อยสามปีโดยได้รับความช่วยเหลือจากสมุนไพรที่หายากและทรงพลังทุกชนิดที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านตระกูลหวิน สามารถหาซื้อได้จากทั่วแคว้นตงหลิน จากสามัญสำนึกย่อมจะบอกได้ว่าเย่จ้านเทียนนั้นด้อยกว่าหวินอี้ฉวนอย่างมาก!

'เป็นไปได้ยังไง?' ประมุขรองของบ้านตระกูลหวินเหลือบมองเย่ชางฉวนที่ด้านข้าง แต่ตาเฒ่ากำลังจิบชาอย่างสงบ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยเหลือเย่จ้านเทียนอย่างลับๆ

สีหน้าของเหยียนยิ่นและฉินหวี่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองมีระดับที่อ่อนแอกว่าหวินอี้ฉวนหลายระดับ แต่ที่นี่ต่อหน้าพวกเขา เย่จ้านเทียนพิสูจน์ว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับหวิน อี้ฉวน ตอนนี้ถ้าประมุขตระกูลเย่ขยายพลังของเขาด้วยเคล็ดวิชาอย่างร่างสายฟ้าปฐมกาล เขาสามารถเอาชนะทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย!

ในทางกลับกัน เย่จ้านหลง, เย่จ้านฉวงและคนอื่นๆ รู้สึกตื่นเต้น นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังของวิชาจักรพรรดิสายฟ้า นับตั้งแต่พี่ใหญ่ของพวกเขาฝึกฝนมา พลังของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเพียงครึ่งเดือนของการฝึกฝนด้วยวิชาจักรพรรดิสายฟ้าก็เพียงพอที่จะแข่งขันกับความพยายามของหวินอี้ฉวนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!

เมื่อตระหนักว่าพลังของเขาจะไม่ข่มขี่พลังของเย่จ้านเทียนได้ หวินอี้ฉวนจึงถอนแรงกดดันของเขา เย่จ้านเทียนก็ถอยกลับเช่นกันแทนที่จะพยายามรุกครอบงำหวินอี้ฉวน ด้วยพลังของเขา

“โอว พี่จ้านเทียนก้าวหน้าไปอย่างน่าประทับใจจริงๆ”

หวินอี้ฉวนกล่าวในขณะที่เขาระงับพลังปราณฟ้าของเขาอย่างเงียบๆ

อย่างไรก็ตาม หวินอี้ฉวนตกตะลึงภายใน 'เขาพัฒนาขึ้นมากได้อย่างไร! เขาเป็นเหมือนพี่ใหญ่ของข้าที่พัฒนาขึ้นมากเพราะเขาเคยกินยาครอบจักรวาลมาก่อนหรือไม่?'

“ตอนนี้ ข้าไม่คิดว่าประมุขทั้งสามตระกูลจะมาเยี่ยมข้าเพียงเพื่อพูดคุยกับข้านิดหน่อยใช่ไหม”

เย่จ้านเทียนถามอย่างไม่สะทกสะท้านในขณะที่เขารวบรวมปราณฟ้าของเขาอย่างเงียบงัน เพื่อควบคุมกระแสปั่นป่วนภายในตัวเขาให้สงบลง ว่ากันตามตรง หากหวินอี้ฉวนยืนหยัดใช้ปราณฟ้าของเขาต่อไป พลังปราณฟ้าของเย่จ้านเทียนจะต้องตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเขาเพิ่งบรรลุระดับที่เก้า เขาไม่สามารถท้าทายหวินอี้ฉวนที่บรรลุขั้นที่เก้าได้สามปีแล้ว

ถึงกระนั้น ประมุขตระกูลเย่ก็แอบมีความสุข เขาฝึกฝนวิชาจักรพรรดิสายฟ้าเพียงครึ่งเดือน แต่เขาก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถเทียบเคียงกับหวินอี้ฉวนได้ ถ้าให้เวลาเย่จ้านเทียนอีกสักหนึ่งหรือสองเดือนแล้ว หวินอี้ฉวนก็จะถูกทิ้งไม่เห็นฝุ่น!

'เย่จ้านเทียนต้องบรรลุขั้นที่เก้าเป็นเวลาหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น ต้องใช่แน่! ดูจากภายนอก เขาก็แสดงท่าทีเก้อเขินในฐานะนักสู้ระดับแปด' หวินอี้ฉวนคิดและพยายามหาเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น เขาคงทำไม่ได้ เขาเชื่อว่าใครก็ตามที่บรรลุขั้นที่เก้าเมื่อไม่นานมานี้จะสามารถเทียบเคียงเขาได้ สิ่งที่น่าสยดสยองกว่านั้นคือเมื่อพูดถึงความสามารถที่แท้จริงในวิทยายุทธ์ หวินอี้ฉวนมักจะเหนือกว่าเย่จ้านเทียนเสมอ

“ข้ามาที่นี่ในเรื่องของเหมืองภูเขาขุดด้านหลังปราสาทตระกูลเย่”

หวินอี้ฉวนกล่าว

เขาเพิ่งจะจบประโยคเมื่อดวงตาของเย่ชางฉวนแวววาวน่ากลัว ในที่สุดก็มีคนตัดสินใจตัดบทไล่ล่า

การจ้องมองที่เฉียบคมอย่างกะทันหันของชายชราทำให้หวินอี้ฉวนหนาวสะท้านจนถึงกระดูก ความคิดแปลกๆ เกิดขึ้นในใจของเขา 'จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเย่ชางฉวนปกปิดพลังที่แท้จริงของเขามาหลายปีแล้วเช่นกัน? ข้าต้องรายงานเรื่องนี้กับท่านพี่เมื่อเรากลับไป’

“อธิบายมาเองเถอะ ท่านรองประมุขตระกูลหวิน”

เย่ชางฉวนวางถ้วยชาของเขาลงบนโต๊ะและพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

ความเคร่งขรึมยังคงอบอวลอยู่ในอากาศของห้องโถงอีกครั้ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด