บทที่ 47 ไอ้พวกทรยศ!
บทที่ 47 ไอ้พวกทรยศ!
สุดท้ายด้วยเหตุผลร้อยแปดที่ฉู่รั่วเสวี่ยยกขึ้นมาอ้าง หลินเป่ยฝานก็ยอมจำนน เพิ่มเงินหุ้นของอีกฝ่ายจากเดิมเป็น 6,500 ล้าน
แต่เงื่อนไขก็คือ ฉู่รั่วเสวี่ยไม่เพียงต้องให้ใช้ที่ดินเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยจัดหาบุคลากรที่จำเป็นด้วย
นี่ช่วยไม่ได้ เพราะหลินเป่ยฝานไม่คุ้นเคยกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่อีกฝ่ายคือกลุ่มลี่เฉิงซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เก่าแก่ที่ก่อตั้งมายาวนาน อีกฝ่ายมีทีมงานก่อสร้างมืออาชีพจำนวนมาก ดังนั้นจึงทำได้เพียงยอมให้อีกฝ่ายเอาเปรียบ
อย่างไรก็ตาม ฉู่รั่วเสวี่ยยังคงรู้สึกว่าเธอยังเป็นฝ่ายขาดทุน ความรู้สึกมันเหมือนมีคนมาขูดเนื้อออกจากตัว เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “โต้เถียงกับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันเพียงเพราะผลประโยชน์ นายนี่มันไม่ใช่สุภาพบุรุษเอาซะเลย”
หลินเป่ยฝานกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เธอก็พูดถูกจริงๆนั่นแหละ เพราะคนส่วนใหญ่ในเมืองมีแต่เรียกฉันว่าเพลย์บอย นายน้อยสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนรวยแกะดำ บลา บลา บลา ฉันถูกตั้งฉายาไว้หลายอย่างมาก แต่ไม่มีใครเคยเรียกฉันว่าสุภาพบุรุษซักคน”
ฉู่รั่วเสวี่ย “...”
เธอขี้เกียจเถียง ลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเอง เอ่ยปากว่า “อาหารพร้อมรึยัง? ฉันหิวจะตายแล้ว”
หลินเป่ยฝานกดเพจเจอร์
ในเวลาไม่ถึงนาที อาหารทุกจานถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
ฉู่รั่วเสวี่ยเบิกตากว้างทันที “ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน ปลาเก๋านึ่ง เป็ดผัดเปรี้ยวหวาน ซุปแปดสมบัติ ...... ว้าว! นี่มันอาหารจานโปรดของฉันทั้งนั้นเลย! รู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกินของพวกนี้?”
หลินเป่ยฝานยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เชิญประธานฉู่มาหารือธุรกิจทั้งที ถ้าไม่เตรียมของโปรดไว้เลยคงไม่ดี ... เป็นไง ตอนนี้ฉันเริ่มพอจะเรียกว่าสุภาพบุรุษได้รึยัง?”
เห็นรอยยิ้มที่สดใสของหลินเป่ยฝาน ฉู่รั่วเสวี่ยรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น หน้าเริ่มแดงเล็กน้อย ก้มศีรษะลง “ก็ ... พอไหวล่ะมั้ง!”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เพลิดเพลินไปกับมื้ออาหาร
อีกด้านหนึ่ง ณ หลงหยาแคปปิตอล ตัวเอกคนที่สามจ้าวเทียนได้รับคำตอบจากกลุ่มลี่เฉิงที่ปฏิเสธคำขอ เขาตกตะลึงและสับสน
“กลุ่มลี่เฉิง ปฏิเสธฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่ปฏิเสธฉันเท่านั้น แต่ยังหันไปร่วมมือกับบริษัทหลินอินเวสเมนท์?”
“ทำไมเป็นอย่างนี้? ฉันให้ไม่พอเหรอ?”
จ้าวเทียนไม่เข้าใจ เงื่อนไขที่เขาเสนอนั้นถือว่าใจกว้างมากแล้ว จากมูลค่าปัจจุบันของที่ดินในราคา 6,000 ล้าน เขาเสนอเงินให้มากกว่า 9,000 ล้าน ก็ยังไม่พอเหรอ? ถ้าไม่พอฉันเพิ่มให้อีกก็ได้!
เพราะยังไงซะ ที่ดินผืนนั้นจะทำกำไรให้เขาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในอนาคต!
จ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกนิดมันจะเป็นไรไป?
แล้วอีกอย่าง ยังสามารถใช้โอกาสนี้โค่นศัตรูคู่อาฆาตอย่างหลินเป่ยฝาน ฉกอาหารจากปากมัน ทำไมเขาจะไม่ทำเล่า?
และแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากขายก็ตาม แต่เขายังเป็นผู้ร่วมมือที่ดีที่สุดอยู่ดี!
ได้ทำงานกับคนที่มีเงินและใจกว้างเช่นนี้ มันน่าเย้ายวนมากเลยไม่ใช่เหรอ?
แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!
ตัวเอกจ้าวเทียนพยายามข่มความโกรธแล้วถามว่า “คุณได้อธิบายเรื่องนี้ให้ฝั่งลี่เฉิงฟังแล้วหรือยัง? ต่อให้ทางนั้นไม่ยอมขาย แต่พวกเราก็ยังร่วมมือกันพัฒนามันได้! เขามีที่ดิน ฉันมีเงิน แค่นี้ก็สมบูรณ์แบบแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ทางเราพูดไปแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงปฏิเสธ!” ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าตอบอย่างขมขื่น
จ้าวเทียนโกรธและกระวนกระวายใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าศึกแรกระหว่างเขากับหลินเป่ยฝานหลังเกิดใหม่ จะจบลงที่ความพ่ายแพ้ของตัวเอง นี่ทำให้เขารำลึกไปถึงชีวิตในชาติก่อนอีกครั้ง ที่ถูกหลินเป่ยฝานครอบงำด้วยความกลัว มันเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้จริงๆ!
หรือหลังจากได้เกิดใหม่แล้ว เขาก็ยังต้องพ่ายแพ้หลินเป่ยฝานอีกครั้งเรอะ?
เขาโบกมือแล้วพูดว่า “คุณออกไปก่อน ฉันจะคิดให้รอบคอบอีกที!”
“ขอรับราชามังกร!”
จ้าวเทียนขังตัวเองอยู่ในห้องทำงาน หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ในที่สุดก็รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงพ่ายแพ้
อีกฝ่ายมีเงิน และเป็นงูเจ้าถิ่นของเมืองโม่ไห่ มีเครือบริษัทหลินคอยหนุนหลัง ...
หากเขาอยู่ในสถานะเดียวกันกับกลุ่มลี่เฉิง ย่อมให้ความสำคัญกับหลินเป่ยฝานเช่นกัน
หลังจากคิดออกแล้ว เขาก็ได้ความมั่นใจกลับคืนมา เบะปากแล้วยิ้มเย็น “หลินเป่ยฝาน ประมาทแกไม่ได้จริงๆ ฉันยอมรับว่าหลังจากเกิดใหม่ฉันประเมินแกต่ำไป คิดว่าจะกุมความได้เปรียบ! แต่หลังจากนี้แหละ! ฉันจะไม่มีทางแพ้แกอีกแล้ว เตรียมตัวไว้ได้เลย!”
เขาตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้เข้ามาที่นี่ที!”
กลุ่มคนชุดดำเดินเข้ามามาทันที
“ราชามังกร ไม่ทราบมีอะไรให้พวกเรารับใช้!” พวกเขาพูดอย่างพร้อมเพรียง
“ส่งคนไปลอบสืบข้อมูลของหลินเป่ยฝาน บริษัทหลินอินเวสเมนท์ และเครือบริษัทหลินที่อยู่เบื้องหลังเขา ฉันต้องรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของพวกเขา ห้ามพลาดแม้แต่เรื่องเดียว!”
“ขอรับราชามังกร!” คนชุดดำตอบพร้อมกัน
สามชั่วโมงต่อมา ข้อมูลรายละเอียดถูกนำเสนอต่อหน้าเขา
ในบรรดาข้อมูลทั้งหมด พอจ้าวเทียนสังเกตเห็นคนสองคน ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที
“เซียวเฉิน! เย่ซิงเฉิน! ไอ้พวกคนทรยศ!”
“เซียวเฉิน คู่หมั้นของแกถูกคนอื่นแย่งไป หน้าที่การงานถูกอีกฝ่ายทำลาย กล้าดียังไงไปเรียกตัวเองเป็นสหายกับมัน! ช่างหน้าด้านหน้าทน!”
“เย่ซิงเฉิน ส่วนแกหน้าด้านยิ่งกว่าเซียวเฉินซะอีก แฟนแกถูกแย่งไป เหล่าพี่น้องและผู้ใต้บังคับบัญชาถูกส่งเข้าคุก ยังไปทำเงินให้มันอีก แล้วยังเป็นหลักพันล้าน!”
“ไอ้พวกสุดยอดคนทรยศ! ฉันละอายใจจริงๆที่เคยร่วมแรงร่วมใจกับพวกแก!”