บทที่ 300: วิธีป้องกันพิเศษ! มันคือการแสดงการคารวะอย่างจริงใจขั้นสุดยอดเลยตะหาก!
ฉินหลินมองดูท่าทางจริงจังของรัฐมนตรีหลู่แล้วพยักหน้า
เขารู้ว่าเรื่องที่รัฐมนตรีหลู่ต้องการหารือกับเขาเป็นการส่วนตัวนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงโทรเรียกเฉิ่นลี่ให้เตรียมห้องทำงานว่าง ๆ ที่แล็บให้ทันทีแล้วกลับไปพร้อมกับรัฐมนตรีหลู่
ทันทีที่ฉินหลินกับรัฐมนตรีหลู่เข้ามาในห้องทำงานเขาก็ถามอีกฝ่ายว่า “ไม่ทราบท่านอยากคุยอะไรกับผมเหรอครับ”
รัฐมนตรีหลู่รีบอธิบายว่า “เถ้าแก่ฉิน น้ำยาเสริมสร้างร่างกายนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง และตอนนี้เราก็กำลังรอดูอยู่ว่าผลลัพธ์ท้ายสุดนั้นจะยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่เอาแค่ผลที่ได้ในตอนนี้ก็แน่นอนแล้วว่ามันสำคัญมาก เพราะงั้นผมเลยอยากคุยเรื่องที่บริษัทคุณจะผลิตน้ำยานี่ในอนาคต”
“เชิญท่านว่าต่อเลยครับ” ฉินหลินพยักหน้า
จริง ๆ แล้วเขาก็พอจะเดาได้อยู่ว่าอีกฝ่ายอยากจะพูดอะไร ถึงยังไงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าน้ำยาเสริมสร้างร่างกายมันใช้กับใครได้บ้าง
รัฐมนตรีหลู่อธิบายว่า “เมื่อเริ่มผลิตน้ำยานี่ทางเราอยากจะควบคุมและจำกัดวงในการขาย เถ้าแก่ฉินคงรู้อยู่แล้วว่าน้ำยานี้ใช้กับใครได้บ้างและมีความสำคัญมากขนาดไหน”
“ถ้าเกิดว่ามันเป็นที่รู้จักทั่วไปในโลกภายนอกล่ะก็ประเทศอื่น ๆ อาจวางแผนอะไรบางอย่างกับเราได้ นี่เป็นเรื่องที่เราควรระวังให้มากเข้าไว้ แต่เถ้าแก่ฉินไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่าทางเราจะชดเชยให้กับบริษัทชิงหลินด้วยแน่นอน”
ฉินหลินเข้าความหมายที่รัฐมนตรีหลู่ต้องการจะสื่อซึ่งมันก็คล้าย ๆ กับที่เขาคาดเดาไว้นั่นแหละ
เขาย่อมรู้ถึงผลกระทบของน้ำยานี้อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อนักกีฬาหรือแม้แต่ทหารนำไปใช้ในวงกว้างล่ะก็มันจะมีผู้สนใจใช้น้ำยานี้มากขึ้น
เพียงแค่อาศัยบริษัทชิงหลินของพวกเขานั้นไม่ว่าระบบรักษาความปลอดภัยจะดีแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องยากที่จะจัดการอยู่ดี
สิ่งที่รัฐมนตรีหลู่พูดนั้นย่อมหมายถึงมาตรการป้องกันอย่างแน่นอน
ดังนั้นฉินหลินจึงพยักหน้าและตอบว่า “ผมจะให้ความร่วมมือตามที่ท่านว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดนั้นขอให้ท่านไปหารือกับคุณเติ้ง...”
“ขอบคุณมากสำหรับความร่วมมือนะเถ้าแกฉิน น้ำยาของคุณนี่สำคัญมากจริง ๆ” รัฐมนตรีหลู่ย้ำอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าฉินหลินเห็นตอบรับแบบง่าย ๆ แล้วเขาก็รู้สึกค่อนข้างสะเทือนใจ เพราะว่าเถ้าแก่ฉินเป็นคนที่มองภาพรวมเก่งมากอย่างที่ศาสตราจารย์เหรินบอกไว้จริง ๆ
เถ้าแก่ฉินมีความเข้าใจในอะไรบางอย่างได้ดีกว่าใคร ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนที่เขารายงาน แม้แต่ท่านผู้นำยังออกความเห็นประเมินไว้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบและมีความสามารถในการประเมินสถานการณ์โดยรวมดีด้วย
รัฐมนตรีหลู่คิดอะไรได้อีกอย่างหนึ่งแล้วพูดว่า “ผมยังมีอีกเรื่องที่อยากขอให้เถ้าแก่ฉินช่วย”
“เชิญว่ามาเลยครับ” ฉินหลินตอบ
รัฐมนตรีหลู่อธิบายว่า “ผมแค่อยากขอให้เถ้าแก่ฉินช่วยค้นคว้าสูตรยาแผนโบราณให้หน่อย ในเมื่อน้ำยาเสริมสร้างร่างกายเองก็ได้มาจากสูตรยาแผนโบราณ ผมเลยคิดว่าเราควรจะให้ความสำคัญกับสูตรยาแผนโบราณของประเทศเราให้มากขึ้นและผมก็ได้เสนอเรื่องนี้แก่ท่านผู้นำแล้ว”
“ซึ่งผู้นำบางท่านได้ตอบรับข้อเสนอนี้แล้วด้วย น้ำยาเสริมสร้างร่างกายเองก็ได้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของมันแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังมีบางท่านที่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์จึงให้ค่าในทางนั้นมากกว่าและคิดว่าในกรณีนี้มันเป็นข้อยกเว้น และคิดว่าควรใช้กฎเกณฑ์ของเหตุและผลเข้ามาแทนที่แพทย์แผนโบราณซะ”
“ดังนั้นถ้าหากอยากข้อเสนอของผมผ่านฉลุยล่ะก็ ก็มีทางเดียวคือต้องพิสูจน์ว่าน้ำยาเสริมร่างกายนั้นไม่ใช่ข้อยกเว้น ในช่วงนี้ผมเลยได้ไปคุยเรื่องนี้กับคนจากสมาคมการแพทย์แผนโบราณทั่ว ๆ ไปโดยของให้คนเหล่านั้นมอบสูตรลับให้เราเอามาวิจัย”
“พอพวกนั้นรู้ถึงจุดประสงค์ของผมก็กระตือรือร้นอยากที่จะบริจาคสูตรลับมาก สูตรที่หาไหนไม่ได้แล้วในช่วงเวลานี้ แค่สูตรยาง่าย ๆ คนสมัยก่อนมักจะชอบเขียนให้มันดูลึกลับซับซ้อน บางสูตรเล่นเขียนลงในบทกวีเพื่อป้องกันความลับรั่วไหลเลยด้วยซ้ำ”
“ผมเลยอยากขอให้คุณช่วยค้นคว้าสูตรลับพวกนี้ให้หน่อย ผมรู้มาว่าไม่ว่าคุณจะดองเหล้าสมุนไพร ทำอาหารโอสถ หรือค้นคว้าสูตรลับจนได้น้ำนาเสริมสร้างร่างกายมาก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ล้วนต้องมีการวิจัยในด้านการแพทย์แผนโบราณเชิงลึกทั้งสิ้น”
ในขณะที่เขาพูดรัฐมนตรีหลู่ยังได้หยิบเอาสูตรลับที่เขียนวัตถุดิบที่ต้องใช้หลากหลายชนิดออกมาหลายสูตร
“...” ฉินหลินที่เห็นฉากนี้ก็ต้องตกตะลึง
‘ทำไมกูไม่เห็นจะรู้เลยวะว่าตัวกูนี่มีความรู้ความเข้าใจในแพทย์แผนโบราณอย่างลึกซึ้ง?’
เพราะเขาพึ่งจะได้รับความรู้และสูตรลับของอาหารโอสถผ่านระบบเอง
นี่มันเข้าใจผิดออกทะเลกันไปไกลแล้วมั้ย?
รัฐมนตรีหลู่ย่อมไม่รู้เลยว่ามันเป็นความเข้าใจผิดล้วน ๆ อีกอย่างเขาก็ยังตรวจสอบจนได้รู้ว่าเถ้าแก่ฉินมีความสามารถในการรับรู้สรรพคุณของตัวยาได้เพียงแค่แตะลิ้นชิมเท่านั้นจนถึงขนาดรายงานร้านขายยาปลอมอีกด้วย
สำหรับคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้จะพูดได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ผ่านการวิจัยตำรับยาแผนโบราณมาอย่างลึกซึ้ง?
แม้จะไม่รู้ว่าเถ้าแก่ฉินไปเรียนทักษะการแพทย์แผนโบราณชั้นสูงนี้มาจากที่ไหนก็ตาม แต่มันก็ไม่สำคัญ
รู้แค่เพียงว่าเถ้าแก่ฉินมีพรสวรรค์ในด้านนี้แน่นอนก็พอ แถมยังอาจจะดียิ่งกว่าเจ้าพวกที่อยู่ในสมาคมการแพทย์แผนโบราณทั่วไปด้วย อันที่จริงพวกที่สมาคมการแพทย์แผนโบราณทั่วไปนั้นในช่วงหลายปีมานี่เพราะไม่มีผลงานการวิจัยดี ๆ เป็นชิ้นเป็นอันก็เลยถูกตัดงบไปเรียบร้อย แถมพวกตนก็ยังไม่มีการทำวิจัยแบบจริง ๆ จัง ๆ อีกด้วย
ทว่าตอนนี้เขาก็รู้สึกจริง ๆ ว่าการแพทย์แผนโบราณมันมีศักยภาพและยังมีสมบัติที่พวกตนได้ละเลยไป และตอนนี้เขาต้องการพิสูจน์จริง ๆ ว่าน้ำยาเสริมสร้างร่างกายไม่ใช่ข้อยกเว้นและขจัดความกังวลของผู้นำบางคนทิ้งไปซะ
ส่วนฉินหลินก็รับมอบสูตรลับที่อีกฝ่ายยื่นให้ในที่สุด
กลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วจุดประสงค์ของรัฐมนตรีหลู่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่ามุ่งเน้นเรื่องการสนับสนุนการแพทย์แผนโบราณ
แต่พอคิดว่าเป็นหมอแผนโบราณแล้วเขาก็เต็มใจจะช่วยแหละ
ถึงยังไงเขาก็ได้รับประโยชน์จากแพทย์แผนโบราณนี้ด้วยเหมือนกัน ดูอย่างสูตรลับก่อนหน้านี้ที่เป็นสูตรอาหารโอสถกับยาชงระบายสิ มันช่างมีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
ตัวเขาที่มีบั๊กอย่างหมอต็อดในเกมอยู่นั้นจึงอาจช่วยรัฐมนตรีหลู่ได้ก็เป็นได้
หากอีกฝ่ายอยากจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาได้ผ่านการวิจัยทางการแพทย์แผนโบราณมาแล้วอย่างลึกซึ้งก็ทำไป แค่เข้าใจผิดแค่นี้เขาไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว
เผลอ ๆ ความเข้าใจผิดนี้ของอีกฝ่ายนี้อาจเป็นประโยชน์กับเขาในอนาคตก็เป็นได้
“แต่ผมพูดได้แค่ว่าทำได้แค่ดูให้เท่านั้นนะครับ ไม่สามารถรับประกันถึงผลลัพธ์ให้ได้” ฉินหลินบอกเรื่องนี้ก่อนเลย
ก็ไม่แปลก เพราะบั๊กอย่างหมอต็อดมันก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง มันจะใช้ได้จริงก็ต่อเมื่อเป็นกรณีที่สูตรลับมันใช้ได้ผลจริง ๆ เท่านั้น
หากสูตรลับเหล่านี้ใช้ไม่ได้เลยเขาก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
รัฐมนตรีหลู่พยักหน้าด้วยความเข้าใจ “แค่เถ้าแก่ฉินพยายามให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ผมไม่สามารถไปบังคับอะไรได้ เพราะถึงยังไงแม้แต่คนของสมาคมการแพทย์แผนโบราณก็ยังไม่สามารถคิดอะไรได้เลยในตอนนี้”
ฉินหลินพูดติดตลก “บางทีท่านก็ไม่ควรไปหาคนพวกนี้นะ เพราะดูเหมือนว่าคนในสมาคมพวกนี้ก็โลภในชื่อเสียง ความมั่งคั่ง และอำนาจเหมือน ๆ คนทั่วไป”
“ตระกูลแพทย์แผนโบราณที่ทรงอำนาจอย่างแท้จริงในปัจจุบันนี้ล้วนได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นแขกผู้มีเกียรติจากเหล่าเศรษฐี เหล้าขวดเดียวราคาตั้งหลายหมื่น และอาหารโอสถมื้อนึงก็ตั้งแสนสองแสน แถมคนจากตระกูลเหล่านั้นยังดูถูกสมาคมนี้ด้วย”
ไม่ใช่ว่าเขาพูดไร้สาระ เพราะไม่ใช่ว่าไม่เคยลอกสูตรลับจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนโบราณมาก่อนเหรอ?
ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนโบราณเหล่านี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จัก และบางคนก็เป็นสมาชิกของสมาคมการแพทย์แผนโบราณด้วย แต่ถึงกระนั้นใบสั่งยาที่คนพวกนั้นส่งเสริมนอกจากช่วยบำรุงร่างกายกับไม่ก่อปัญหาเวลารับประทานแล้วก็ไม่ได้มีผลอย่างอื่นอีก สรรพคุณจริง ๆ ไม่ได้ดีเด่อย่างที่อวดอ้างเลย
รัฐมนตรีหลู่เริ่มครุ่นคิดเมื่อได้ยินแบบนั้น
หลังจากที่ฉินหลินพูดคุยกับรัฐมนตรีหลู่เสร็จแล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ต่อและตรงกลับบ้านไร่
ทันทีที่มาถึงห้องทำงานเขาก็ได้เอาสูตรลับที่รัฐมนตรีหลู่มอบให้ออกมา
เอาตรง ๆ เขาก็ค่อนข้างจะสงสัยในสูตรลับเหล่านี้อยู่เล็กน้อย
ตัวเขาที่เคยเสิร์จจนได้สำเนาหลายร้อยฉบับจากอินเทอร์เน็ตมาก่อนแต่กลับไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนั้นก็ย่อมตั้งแง่แล้วว่าสิ่งที่รัฐมนตรีหลู่นำมาคงไม่ไร้ประโยชน์หรอกใช่มั้ย
เพราะหากเป็นในกรณีนี้ล่ะก็พวกคนที่สมาคมการแพทย์แผนโบราณทั่วไปมันก็น่าเกลียดเกินไปแล้ว
รัฐมนตรีหลู่กำลังสนับสนุนสูตรยาแผนโบราณให้พวกนั้น แต่เจ้าตัวกลับทำตัวน่ารังเกียจโดยการมอบสูตรลับที่ไม่มีประโยชน์มา
และต้องรู้ด้วยว่าลูกหลานจัญไรจากตระกูลการแพทย์แผนโบราณที่เสื่อมถอยไปแล้วอย่างจินต้าหมิงยังสามารถเอาสูตรลับที่มีประโยชน์โคตร ๆ ออกมาให้เขาได้เลย
ฉินหลินพิมพ์สูตรลับเหล่านี้ลงในคอมพิวเตอร์แล้วพรินต์ออกมา จากนั้นก็เอาพวกมันเข้าไปไว้ในเกม
พอออกจากเกมมาแล้วก็จะเห็นว่าในช่องเก็บของกระเป๋ามีสูตรลับเหล่าในใส่อยู่
เขาให้ตัวละครในเกมไปหาหมอต็อดโดยไม่ลังเลเลย จากนั้นก็กดคุยกับหมอแล้วใส่สูตรแรกลงไป แล้วหมอต็อดก็วิเคราะห์ซ่อมแซม
[ขอโทษจริง ๆ สูตรของคุณไม่มีคุณค่า!]
เห็นแล้วก็ต้องส่ายหน้าแล้วกดต่อใส่สูตรที่สอง
ซักพักผลก็ออกมา
[แน่ใจนะว่าต้องวิเคราะห์สูตรนี่น่ะ? ไอ้นี่มันของไร้ประโยชน์ชัด ๆ!]
…
[ขอโทษนะ คุณรู้สึกว่าจำเป็นต้องเสียเหรียญทองไปกับสูตรนี่จริง ๆ เหรอ?]
…
[เสียใจด้วย…]
…
ฉินหลินใส่สูตรลับเหล่านั้นลงไปทีละสูตร ๆ แล้วกดตกลง แต่แล้วก็ไม่มีสูตรใดเลยที่ใช้ได้จริง หรือก็คือไม่มีสูตรใดเลยที่มีประโยชน์
ดูท่าว่าแพทย์แผนโบราณที่รัฐมนตรีหลู่ไปพบจะไม่ได้มีทักษะจริง ๆ ซะแล้ว ไม่ได้มีความรู้อันลึกซึ้งเหมือนอย่างตระกูลแพทย์แผนโบราณหรือไม่ก็มีความคิดแบบหัวเก่าและเอาสูตรลับโง่ ๆ ง่อย ๆ พวกนี้มาหลอกแกซะล่ะมั้ง
และตอนนี้ในช่องเก็บของกระเป๋าของตัวละครก็เหลือเพียงสูตรลับอันสุดท้ายแล้ว
ถ้าอันสุดท้ายนี้ยังไม่ได้ผลอีกล่ะก็เขาก็ไม่มีอะไรที่จะช่วยได้อีกแล้ว
เขาสามารถช่วยรัฐมนตรีหลู่ดูสูตรลับเหล่านี้ได้ แต่ถ้าทั้งหมดนี้มันไร้ประโยชน์ล่ะก็เขาย่อมไม่ใช้อินเทอร์เน็ตในการเสิร์จข้อมูลสูตรลับที่มีประโยชน์เอาไปมอบให้อีกฝ่ายแน่นอน
เรื่องจะหาเจอมั้ยนั้นไม่ต้องถาม เพราะบทเรียนคือเป็นร้อยสูตรก่อนหน้านี้ก็มีอยู่แล้ว
ฉินหลินให้ตัวละครใส่สูตรลับอันสุดท้ายลงไปก่อนจะกดตกลง
[หมอต็อดกำลังวิเคราะห์และแก้ไขสูตรลับ กรุณารอสักครู่...]
หลังจากนั้นไม่นานข้อความแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
[ยินดีด้วย คุณได้สูตรลับที่มีประโยชน์มาก สูตรลับนี้เป็นสูตรที่มีส่วนผสมของยาที่ไม่มีประโยชน์มากมาย วัตถุดิบเหล่านี้จะต่อต้านฤทธิ์ยาทำให้ยาสูตรนี้ใช้ไม่ได้ผล แต่ก็โชคดีนะเพราะฉันลบตัวยาเหล่านั้นออกให้แล้วเหลือแค่ตัวยาที่มีประโยชน์ เอานี่เขียนสูตรให้แล้ว!]
ฉินหลินอ่านไปตาลุกวาวไป โชคดีที่ยังคงมีของที่ประโยชน์อยู่ ถือได้ว่ายังเป็นการแสดงความเคารพต่อรัฐมนตรีหลู่อยู่เหมือนกัน
สูตรยานี่มันซ่อนอยู่ในบทกวี หรือก็คือมันมีตัวยาหลาย ๆ ตัวที่เขียนในสูตรเป็นตัวยาที่ไม่มีประโยชน์ มันต้องเฟ้นหาตัวที่มีประโยชน์ออกมาแล้วสรุปเป็นสูตรเท่านั้นจึงจะดึงประสิทธิภาพอันแท้จริงของสูตรออกมาได้
อีแบบนี้ล่ะก็คงมีแต่คนเขียนสูตรล่ะมั้งที่จะรู้วิธีแกะ เพราะสูตรแบบนี้คนอื่น ๆ มาอ่านก็วิเคราะห์ได้ยากมาก จะว่าไปแล้วคุณสมบัติอย่างหนึ่งของแพทย์แผนโบราณก็คือมันยุ่งยากซับซ้อนเกินไปด้วยแหละ
ข้อดีของการเขียนสูตรแบบนี้คือมันช่วยป้องกันไม่ให้ความลับรั่วไหลได้ แต่ข้อเสียคือถ้าผู้ที่อ่านสูตรเป็นเกิดพลาดขึ้นมาล่ะก็มันจะทำให้ต้องสูญเสียสูตรเหล่านี้ไปมากมายกันเลยทีเดียว
ฉินหลินอยากรู้มากว่าสูตรลับที่มีประโยชน์เพียงสูตรเดียวในจำนวนทั้งหมดที่รัฐมนตรีหลู่ให้มานั้นคืออะไร เขารีบล็อกประตูห้องทำงานและเข้าเกมไปอ่านรายละเอียดของสูตรทันที
[ผงฉางเต้ากุ้ยหยวน: เลเวล 1]
[ยาสูตรลับพิเศษนี้ให้ผลเป็นพิเศษต่อโรคลำไส้บางชนิด รักษาเนื้องอกในลำไส้ +1, รักษาลำไส้อุดตัน +1, รักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ +1, รักษาโรคลำไส้ดำ +1!]
“เชี่ย...” ฉินหลินตกใจมากเมื่อได้อ่านข้อมูลของผงกุ้ยหยวน ‘ขนาดนี้เลยเหรอวะ’
จากข้อมูลนี่มันโคตรเจ๋งยิ่งกว่ายาชงระบายอีกนะเว่ยเฮ่ย!
นี่ถือว่ายังมีความเคารพรัฐมนตรีหลู่อยู่ซะที่ไหนล่ะ มันคือการแสดงการคารวะอย่างจริงใจขั้นสุดยอดเลยตะหาก!
ไอ้ลำไส้อุดตัน หรือลำไส้ดำอะไรนี่เขาไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่รู้เรื่องมะเร็งลำไส้ว่ามันเป็นเนื้อร้ายซึ่งต้องผ่าตัด ให้คีโม และฉายแสง ซึ่งราคาค่ารักษานั้นแพงมากถึงขั้นหลายหมื่น
ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่เมื่อเป็นแล้วครอบครัวต้องล่มสลาย
ผงกุยหยวนลำไส้เลเวล 1 นี้จะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้แหละ แต่รู้ว่าสูตรลับทั้งหมดที่รัฐมนตรีหลู่ให้มานั้นได้ผลงานชิ้นเอกแล้ว!
หากเป็นคนอื่นล่ะก็คงแอบเก็บสูตรลับนี้ไว้ใช้เองแน่ ๆ เพราะไอ้นี่มันสามารถช่วยทำเงินได้อย่างมากมาย ทว่านี่คือฉินหลิน เขาไม่ได้มีความคิดแบบนั้น
หนึ่งคือเขาไม่จำเป็นต้องหาเงินจากยาพวกนี้เลย สองคือเขารู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร
เอาสูตรลับนี้มอบให้กับรัฐมนตรีหลู่นำขึ้นรายงานกับทางเบื้องบนและเพิ่มลงในประกันสุขภาพ ซึ่งนี่มันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างยิ่ง
เนื่องจากความเจ็บป่วยของปู่กับพ่อของเขาทำให้เขาเข้าใจจริง ๆ ว่าครอบครัวต้องเจอกับโรคนี้ต้องประสบกับความสิ้นหวังขนาดไหน และเขาก็หวังว่าสูตรยาตัวนี้จะทำให้โรคเหล่านี้ไม่ใช่โรคที่เป็นแล้วต้องสิ้นหวังอีกต่อไป
ฉินหลินไม่ใช่นักบุญ เขาแค่มีความสามารถ หลังจากที่โดนฝนแล้วเขามักจะอยากช่วยกางร่มให้คนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
[ต้องการใช้สูตรลับหรือไม่?]
ฉินหลินกด [ใช่] อย่างแน่วแน่
ทันใดนั้นเองข้อมูลมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวทำให้เขาได้รับข้อมูลของผงฉางเต้ากุ้ยหยวนซึ่งแน่นอนว่ารวมไปถึงวัตถุดิบตัวยาของมันด้วย
เมื่อเขาไปซื้อวัตถุดิบเหล่านั้นก็เพียงแค่แตะ ๆ ลิ้นดูก็สามารถทราบถึงสรรพคุณของมันได้แล้ว
ฉินหลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน หยิบเอาสูตรลับตัวเดิมออกมาแล้วเขียนสูตรที่หมอต็อดวิเคราะห์และซ่อมแซมให้ในกระดาษอีกแผ่น
และเมื่อเปรียบเทียบกันดูแล้วก็คิดว่าคนที่เขียนสูตรลับนั้นค่อนข้างจะบ้าพอตัว เพราะสูตรยานั้นมีการเพิ่มปริมาณวัตถุดิบเป็นสองเท่ากันเลยทีเดียว
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะมีบั๊กอย่างหมอต็อดอยู่ล่ะก็ใครมันจะไปแกะสูตรนี้ออกวะถามจริง เพราะหากพลาดไปแค่ตัวเดียวนี่สูตรนี้ก็จบเห่เอวัง
หลังจากที่ฉินหลินเขียนสูตรเสร็จแล้วเขาก็ยังไม่ได้รีบเอสไปมอบให้รัฐมนตรีหลู่ กะว่าจะรออีกซักพักก่อน
หลายวันต่อมาเขาก็ได้ไปหารัฐมนตรีหลู่ที่แล็บ
ทันทีที่มาถึงเขาก็บังเอิญเห็นรัฐมนตรีหลู่กับศาสตราจารย์เหรินเดินนำผู้คนเข้ามาจากข้างนอกพอดีโดยที่ศาสตราจารย์เหรินเดินไปดูสิ่งที่ถืออยู่ในมือไป
และเมื่อเห็นฉินหลินทั้งคู่ก็มีความสุขมาก ศาสตราจารย์เหรินพูดกับเขายิ้ม ๆ ว่า “เถ้าแก่ฉินมาพอดีเลย ผมมีข่าวดีจะบอก ทางเรามีนักกีฬาอีกคนที่มีความก้าวหน้าในเบื้องต้นแล้ว แถมเจ้าตัวยังทำผลงานได้ดีขึ้นมากเหมือนกันด้วย”
รัฐมนตรีหลู่ยังเสริมอีกว่า “ขีดจำกัดของน้ำยาเสริมสร้างร่างกายนี้อาจมากกว่าที่เราคาดไว้ก็เป็นได้”
“ขอแสดงความยินดีด้วยครับ!” ฉินหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แล้วศาสตราจารย์เหรินก็ถามว่า “ว่าแต่เถ้าแก่ฉิน ถึงห้องแล็บแห่งนี้จะเป็นของบริษัทคุณก็เถอะ แต่ปกติแล้วคุณก็แทบจะไม่เคยมาที่นี่เลย แปลว่าการที่จู่ ๆ คุณมาอย่างกะทันหันนี้ต้องมีเรื่องสำคัญมาก ๆ ใช่มั้ย”
ฉินหลินพยักหน้าก่อนจะหันไปคุยกับรัฐมนตรีหลู่ “ผมมีธุระจริง ๆ นั่นแหละ ท่านรัฐมนตรีให้สูตรลับยาแผนโบราณกับผมให้เอาไปช่วยดูให้ วันนี้ผมมาคุยเรื่องนี้แหละ”
เมื่อรัฐมนตรีหลู่ได้ยินดันนั้นก็ถอนหายใจเศร้า ๆ ก่อนจะบอกว่า “เถ้าแก่ฉิน พวกที่สมาคมการแพทย์แผนโบราณทั่วไปได้ศึกษาสูตรลับพวกนี้ทั้งหมดแล้ว ทุกคนต่างก็คิดว่าสูตรลับเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลย แถมตอนนี้แต่ละคนก็เอาแต่โทษกันไปกันมาไม่รู้ว่าทางคุณได้ผลว่าไงบ้าง”