บทที่ 27 บ้าไปแล้วหรือไง
บทที่ 27 บ้าไปแล้วหรือไง
โทรศัพท์ของฉู่เฉินดังขึ้น
“คุณชายเซี่ย?” ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ วันนี้เพิ่งจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเซี่ยเป่ย
“ฉู่เฉิน มาที่เทียนเหาผับ ฉันมีธุระกับนายนิดหน่อย” เซี่ยเป่ยวางสายทันที
ฉู่เฉินตกตะลึง
“คุณชายเซี่ยมีธุระอะไรกับเธอ?” ซ่งเหยียนอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉู่เฉินตอบตามตรง
ซ่งเหยียนขมวดคิ้ว ครู่หนึ่งต่อมาก็ส่ายหน้า “นายออกไปไม่ได้ คำพูดของคุณชายเย่เส้าหวงในวันนี้มีความหมายอย่างชัดเจน แค่นายก้าวออกจากตระกูลซ่ง คนของเขาก็จะจับตามองนายแน่”
“แต่คุณชายเซี่ยมีธุระ ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้” ฉู่เฉินลุกขึ้นยืน ยิ้มพลางกล่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็เป็นเลขานุการหนุ่มที่เพิ่งรับตำแหน่ง มีหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับภรรยา คืนนี้ไปดูแลคุณชายเซี่ยให้ดี พรุ่งนี้การพบปะระหว่างคุณกับตัวแทนของตระกูลเซี่ยก็จะราบรื่นขึ้นเยอะ”
รูม่านตาของซ่งเหยียนเบิกกว้าง มองไปที่ฉู่เฉิน
ดูแลคุณชายเซี่ย?
ซ่งเหยียนรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว นึกถึงเรื่องที่วันนี้ฉู่เฉินจับมือของเธอ จู่ๆ เธอก็อยากจะล้างมือหลายๆ รอบ
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เย่เส้าหวงเกิดเรื่อง ทุกคนต่างก็จับตามองโรงพยาบาล จะมีใครหน้าไหนมาสนใจตระกูลซ่ง” ฉู่เฉินเดินลงไปชั้นล่าง
“ฉู่เฉิน...” ซ่งเหยียนกำลังจะเอ่ยปาก
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะภรรยา ก่อนสี่ทุ่มผมจะกลับบ้านตรงเวลา” ฉู่เฉินเดินลงไปถึงชั้นล่างแล้ว
ซ่งเหยียนอึ้งไป
เธอไม่ได้ตั้งใจจะบอกให้ฉู่เฉินกลับบ้านตรงเวลาหรอกนะ!
ฉู่เฉินเดินออกไปตามทะเลสาบซ่ง
ภายใต้แสงจันทร์ เขาเดินผ่านเสาไม้
แววตาของฉู่เฉินเผยความประหลาดใจออกมา ไม่มีเสียงกลอง เสียงฉาบ บนเสาไม้ สิงโตกำลังเต้นรำ
“ดูเหมือนว่า เรื่องของเย่เส้าหวง จะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย” ฉู่เฉินพึมพำกับตัวเอง
หลังจากที่เย่เส้าหวงล้มลง ฉู่เฉินก็อยู่ในห้องชุดเล็กมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากการที่ซ่งชิวออกมาฝึกเชิดสิงโตตอนกลางคืน แสดงว่าตระกูลซ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่ไม่น้อยจริงๆ
“เสี่ยวชิว ต้องการให้พี่เขยชี้แนะไหม?” ฉู่เฉินเดินเข้าไป
ซ่งชิวยืนอยู่บนเสาไม้ ถอดหัวสิงโตออก กลอกตามองบน “นายรู้จักการแสดงสามแบบ พิธีเชิญ พิธีเคาะสี่ประตู เหยียบเจ็ดดาว เหยียบแปดทิศเหรอ?”
“ถึงจะไม่รู้จัก แต่ก็สอนให้นายชนะได้” ฉู่เฉินพูดอย่างจริงจัง
ซ่งชิวกระโดดลงมา “กลางดึกแบบนี้ นายจะไปไหน?”
“คุณชายเซี่ยชวนฉันไปเทียนเหาผับ นายจะไปด้วยไหม?” ฉู่เฉินมองไปที่ซ่งชิว ถ้ามีคนขับรถฟรีก็ดี
“นายยังกล้าออกไปอีกเหรอ?” ซ่งชิวเบิกตากว้าง จากนั้นก็รีบพูดด้วยเสียงเบาๆ “นายรู้ไหมว่า หลังจากที่เย่เส้าหวงเข้าโรงพยาบาล เขาก็ถูกกักตัว พวกเราไม่ได้รับข่าวคราวของเย่เส้าหวงเลย คนของตระกูลเย่โกรธมาก ธุรกิจหลายอย่างของตระกูลซ่งของเราก็ถูกโจมตี ตอนนี้แม้แต่คุณปู่ก็ยังปวดหัว นายยังกล้าออกไปอีก ไม่กลัวว่า...”
“ก็แค่พวกไร้ประโยชน์เมื่อคืน ฉันวิ่งหนีไปก็หนีรอดแล้ว จะกลัวอะไร” ฉู่เฉินรู้ว่าซ่งชิวไม่อยากออกไป โบกมือ เดินออกไปคนเดียว
ซ่งชิวอึ้งไป
เขาไม่คิดเลยว่า ฉู่เฉินจะกล้าก้าวออกจากประตูบ้านตระกูลซ่งจริงๆ
“ต่อให้มีคุณชายเซี่ยคอยช่วยเหลือ...” ซ่งชิวพึมพำ “แต่ที่นี่ก็คือเมืองฉาน พลังของตระกูลเย่มันแข็งแกร่งเกินไป”
ฉู่เฉินเรียกรถ ตรงไปที่เทียนเหาผับ
ทันทีที่เขาออกจากประตูบ้านตระกูลซ่ง ก็มีคนรายงานเรื่องการเคลื่อนไหวของฉู่เฉินให้เย่เส้าหวงฟัง
ภายในโรงพยาบาล เย่เส้าหวงต้องให้น้ำเกลือแก้ปวด ความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียว ข้างๆ เขามีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งคอยดูแล เธอคือแม่ของเย่เส้าหวง
“บอกหรงตง คืนนี้ฉันจะหักแขนขาของฉู่เฉิน” เย่เส้าหวงกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาซีดเซียวดูน่ากลัว
แม่ของเย่เส้าหวงกังวลใจ เธอไม่เคยเห็นเย่เส้าหวงน่าสมเพชขนาดนี้มาก่อน “หวงเอ๋อ ไอ้ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่งคนนี้ มันทำอะไรงั้นเหรอ?”
“ต่อให้หักแขนขาของมัน มันก็ยังไม่สาแก่ใจผม” แววตาของเย่เส้าหวงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เฉิน วันนี้เขาคงจะไม่ต้องไปตระกูลซ่ง เขาก็จะไม่ถูกงูกัด
จนถึงตอนนี้ หมอก็ยังหาพิษไม่เจอ แต่ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาก็ไม่หายไป
เย่เส้าหวงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า
แววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ ยังคงมีความกลัวแฝงอยู่
เขาเป็นห่วงจริงๆ ว่าตัวเองจะถูกพิษจนตาย...
เทียนเหาผับ ห้องVIP ป้องกันเสียงได้ดีมาก ไม่ได้ยินเสียงเพลงที่ดังสนั่นจากข้างนอก
ภายในห้องมีห้าคน ผู้ชายสามคน ผู้หญิงสองคน หนึ่งในนั้นคือเซี่ยเป่ย คุณชายสามของตระกูลเซี่ย
“มา ผมยกให้พี่หยู่ไห่อีกแก้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งยกแก้วขึ้น “ไม่ได้เจอกันสามปี คืนนี้ต้องดื่มให้เมากันไปข้าง อวยพรให้พิธีเปิดเมืองจินถานราบรื่นในอีกห้าวันข้างหน้า”
หวงหยู่ไห่ ลูกหลานสายตรงของตระกูลหวง ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองฉาน
เขาอยู่ในชุดสีดำ ดวงตาของเขาดูคมกริบ ยกแก้วขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “วันงานจะมีการเชิดสิงโตเด็ดไฉ่ชิงที่น่าตื่นเต้น ถึงตอนนั้น พวกเราค่อยดูกัน”
“พี่หยู่ไห่คงจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ หาเงินก้อนโตใช่ไหมคะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปาก รูปร่างของเธออวบอิ่ม ขาที่เรียวยาวทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ แอบมองอยู่ตลอดเวลา
หวงหยู่ไห่หัวเราะออกมา มองไปที่เซี่ยเป่ย “เสี่ยวเป่ย นายสนใจไหม?”
หวงหยู่ไห่กับเซี่ยเป่ยก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน
“หาเงิน ฉันสนใจอยู่แล้ว ยังไงช่วงนี้ฉันก็ต้องอยู่ที่เมืองฉาน” ดวงตาของเซี่ยเป่ยเป็นประกาย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยเสียงเบาๆ “ถ้าคุณปู่ที่บ้านรู้ว่านายใช้การเชิดสิงโตเด็ดไฉ่ชิงมาหาเงิน ท่านจะโกรธไหม?”
“ฉันเป็นคนเปิดรับแทงพนัน งานฉลองก็ดำเนินการตามปกติ สองอย่างนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน” หวงหยู่ไห่กล่าว “ครั้งนี้ฉันกลับมาบ้านก็คงจะไม่ได้อยู่นาน สิบวัน แปดวัน ก็ต้องไปแล้ว”
“พี่หยู่ไห่ หลายปีมานี้พี่ไม่ค่อยได้กลับ พี่ไปที่ไหนมา?” ชายหนุ่มคนหนึ่งสงสัย เขาคือลูกชายของเจ้าของเทียนเหาผับ จางหาว
“ไปเรียนรู้อะไรบางอย่าง” หวงหยู่ไห่ยิ้มอย่างลึกลับ ยืนตัวตรง มือถือแก้วไวน์ มีความรู้สึกที่สูงส่ง
ดวงตาของจางหาวเป็นประกาย “พี่หยู่ไห่ โชว์ให้พวกเราดูหน่อย?”
มุมปากของหวงหยู่ไห่ยกขึ้น หยิบยันต์สีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมา “พวกเธอเชื่อไหมว่า ฉันใช้ยันต์แผ่นนี้พับเป็นคนตัวเล็กๆ จากนั้นเขียนวันเดือนปีเกิดของคนคนหนึ่งลงไป ฉันก็จะสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาได้”
ทันทีที่พูดจบ คนที่อยู่ในห้องก็รู้สึกขนลุก
จางหาวเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ “นี่...จริงเหรอ? มันจะเวอร์ไปหน่อยไหม?”
“ฉันโชว์ให้พวกเธอดูก็ได้” หวงหยู่ไห่เหลือบมองหญิงสาวที่มีขาเรียวยาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แววตาของเขาเป็นประกาย หญิงสาวสองคนที่อยู่ในห้อง ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ในเมืองฉาน สามปีก่อนเขาก็ค่อนข้างสนิทกับพวกเธอ คืนนี้ชวนพวกเธอออกมาดื่มด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย ก็แค่ดื่มเหล้าด้วยกันเท่านั้น
หวงหยู่ไห่มั่นใจว่า ด้วยวิธีที่ตัวเองเรียนรู้มา การที่จะเอาชนะใจอีกฝ่าย ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
หวงหยู่ไห่พับยันต์เป็นคนตัวเล็กๆ อย่างรวดเร็ว
เงยหน้าขึ้นมอง
ขาดวันเดือนปีเกิด
แต่ไม่มีใครในห้องกล้าบอกวันเดือนปีเกิดของตัวเอง
“จริงสิ คุณชายเซี่ย เมื่อกี้คุณบอกว่า จะแนะนำเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักให้พวกเรารู้จักไม่ใช่เหรอ?” จางหาวกล่าว “เขาเป็นใคร?”
“เขาชื่อฉู่เฉิน” เซี่ยเป่ยกล่าว “ลูกเขยของตระกูลซ่ง น่าจะมาถึงแล้ว”
“ฉู่เฉิน?” หญิงสาวอีกคนที่ไม่ได้ส่งเสียงมาโดยตลอดร้องอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “ลูกเขยปัญญาอ่อนที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่งงั้นเหรอ?”
หญิงสาวคนนี้ชื่อเย่เป่ยเจีย คนของตระกูลเย่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่เส้าหวง
เซี่ยเป่ยขมวดคิ้ว
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก
ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก
พนักงานเสิร์ฟพาฉู่เฉินเดินเข้ามา
ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่ง?
ก่อนที่หวงหยู่ไห่จะออกจากเมืองฉาน เขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงของลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลซ่ง
“มาได้พอดี”
หวงหยู่ไห่เอ่ยปากโดยตรง “บอกวันเดือนปีเกิดของนายมา”
ทันทีที่พูดจบ ฉู่เฉินก็ตกตะลึง
ครั้งแรกที่พบกัน มีคนบอกชื่อ มีคนบอกฉายา หรือแม้กระทั่งบอกอายุ
ยังไม่เคยได้ยิน...ให้บอกวันเดือนปีเกิด?
“คุณเป็นคนบ้าหรือเปล่า?” ฉู่เฉินหลุดปากพูดออกมา