ตอนที่ 94 นัยน์ตามังกรเทพมายา (อ่านฟรี 03/10/2567)
“เถ้าแก่.. นัยน์ตาของท่าน ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก” หานจุนหมิงกล่าวออกมา
“สัญลักษณ์แห่งหยินหยางในดวงตา หรือว่าเถ้าแก่จะเป็นคนของเผ่าฟ้าดินในตำนาน ?” หลงหมิงฉีที่นิ่งเงียบอยู่นานกล่าวออกมาด้วยความสับสน
เพราะชื่อเผ่านี้เขาเคยเห็นผ่านตาจากแดนต้องห้ามลึกลับก็เท่านั้น
“เผ่าฟ้าดิน ? ข้าเรียนถามท่านหลงหมิงฉีเพิ่มเติมเกี่ยวกับเผ่านี้ได้หรือไม่ ?” ตงหยางเฟยที่รู้จักกับอีกฝ่ายเล็กน้อยกล่าวออกมา
ถึงยังไงพวกเขาทั้งสองคนก็เคยพบเจอกันมาบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ก็ตามแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูหรือมีความแค้นต่อกัน
“เมื่อนานมาแล้วข้าเคยหลงเข้าไปในแดนลับต้องห้ามแห่งหนึ่ง ข้าฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ อย่างยากลำบาก มีหลายครั้งที่เกือบจะต้องทิ้งชีวิตของตนเอง”
“แต่ปลายทางที่ข้าพบกับเป็นเพียงตัวเมืองและพระราชวังรกร้างไร้ซึ่งของล้ำค่าอันใด มีเพียงเศษซากของล้ำค่าที่ได้กลายเป็นเศษขยะไปแล้วเพียงเท่านั้น”
“ท่านเข้าไปในแดนลับต้องห้ามอย่างนั้นรึ ?!” ตงหยางเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ใช่แล้ว” หลงหมิงฉีกล่าวตอบรับ แม้จะไม่ได้สิ่งใดตอบแทนการเดินทางในครั้งนั้น แต่ในใจของเขาก็รู้สึกภูมิใจเสมอที่ได้เข้าไปในแดนลับต้องห้ามแล้วรอดออกมาได้
“แดนลับต้องห้ามคืออะไรรึ ?” เย่ซีกล่าวขัดขึ้นมา เขาต้องการความรู้เพิ่มเติมเอาไว้
“เถ้าแก่ไม่เคยได้ยินเรื่องแดนลับต้องห้ามรึ ?” ชิวเหม่ยซือกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ ทำไมผู้ทรงพลังลึกลับเช่นเถ้าแก่ถึงไม่เคยได้ยินเรื่องแดนลับต้องห้ามกัน ?
หรือสำหรับเถ้าแก่สถานที่เช่นนั้นก็ไม่ได้น่าสนใจกันแน่นะ ?
“ข้าเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา ย่อมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับแดนลับต้องห้ามมาก่อน” เย่ซีตอบกลับไป ก่อนที่จะลองใช้ทักษะตรวจสอบดวงตาของตนเอง
นัยน์ตามังกรเทพมายา (ไม่สมบูรณ์)
ระดับ : ?????????? (เซียน)
เคล็ดวิชาเนตรความจริง(ขั้นต้น) : มองทะลุผ่านทุกอย่างที่ขอบเขตไม่เกินระดับเซียน
เคล็ดวิชามายาหลอนจิต(ขั้นต้น) : สร้างภาพมายาให้กับเป้าหมายที่จ้องมอง เป้าหมายจะติดอยู่กับภาพมายานั้นไปจนวันตายหรือจนกว่าผู้ใช้จะยกเลิกเคล็ดวิชา ภาพมายาที่สร้างสามารถส่งผลกระทบกับร่างกายของเป้าหมายได้ถ้าผู้ใช้เคล็ดวิชาต้องการ
‘นี่มัน... ตาข้ากลายเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย?!’ ชายหนุ่มรู้สึกตกใจอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าการมองเห็นก็ยังเป็นปกติ แถมยังรู้สึกได้ถึงเคล็ดวิชาที่ได้รับมาเพิ่มเติมเขาก็เปลี่ยนจากความตกใจเป็นยินดีแทน
‘การมองเห็นในตอนนี้ ขอแค่ข้าต้องการก็สามารถรับรู้ได้เกือบทุกสิ่ง’ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าขอแค่เขาเพ่งจิตเพื่อต้องการจ้องมองอะไรสักอย่างเขาก็จะรับรู้ได้อย่างละเอียด
ยกตัวอย่างเช่นก้อนหินหน้าร้านของเขา แม้มันจะดูธรรมดา ทักษะตรวจสอบก็บอกว่าเป็นหินธรรมดา แต่เมื่อเขาเพ่งจิตมองไปยังหินก้อนนั้นกลับพบว่าภายในของมันมีพลังปราณซุกซ่อนเอาไว้ อาจจะเป็นเพราะมันได้อยู่ในที่ดินแห่งนี้ที่อุดมไปด้วยพลังปราณทำให้แม้เป็นเพียงหินไร้ค่าก็เริ่มสะสมพลังปราณได้
แถมเขายังมองเห็นถึงส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ถูกสะสมเอาไว้ในกินก้อนนั้นด้วย
“แดนลับต้องห้ามก็คือสถานที่ซึ่งอยู่ในอีกมิติหนึ่ง พวกมันส่วนใหญ่จะถูกผนึกเอาไว้โดยผู้ฝึกตนระดับสูงของทวีปเรา เนื่องจากภายในล้วนเต็มไปด้วยอันตรายที่แม้แต่ระดับจอมราชาปราณก็ตายได้ง่าย ๆ เมื่อย่างกลายเข้าไป” หลงหมิงฉีเป็นผู้กล่าวอธิบายออกมา
ครึ่งหลัง
“ถึงแบบนั้นท่านก็ยังเข้าไปอีกรึ ?” เย่ซีกล่าวถามออกมา
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมั่นใจในตัวเองไม่น้อย หรือไม่ก็เพราะไม่คิดว่าชีวิตของตนมีค่ามากนักถึงกล้าเสี่ยงเช่นนี้
“ใช่แล้ว... ข้าไม่เคยหวาดกลัวความตาย ดังนั้นเมื่อข้าเจอแดนลับแห่งหนึ่งที่ผนึกมันอ่อนกำลังลง ข้าจึงได้เข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้แม้แต่เตรียมการล่วงหน้า” หลงหมิงฉีกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจในตนเอง เขาชื่นชอบในความท้าทายยิ่งนัก
“สิ่งที่ข้าได้พบมีเพียงเศษซากของจารึกโบราณ ที่บันทึกเรื่องราวของเผ่าฟ้าดินเอาไว้ นั่นคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าคิดว่าเป็นสิ่งล้ำค่าในแดนลับต้องห้ามแห่งนั้น” หลงหมิงฉีครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา
“ตามบันทึกที่เหลืออยู่มีเพียงข้อความสั้น ๆ ที่ข้าสามารถถอดความออกมาได้ก็คือ เผ่าฟ้าดิน มีเนตรหยินหยาง รู้เห็นสรรพสิ่ง ยิ่งใหญ่เหนือใต้หล้า” ชายกลางคนกล่าวจบก็เงียบไป
“เพียงเท่านั้น ?” เย่ซีกล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ
ถึงความจริงเขาจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่เผ่าฟ้าดินที่ว่ามานั่นก็เถอะ
“ใช่แล้วเถ้าแก่” หลงหมินฉีกล่าวตอบคำถามของชายหนุ่ม
“แม้ข้าจะไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเผ่าฟ้าดินคืออะไร แต่คิดว่าข้าคงไม่ใช่คนจากเผ่าที่ท่านว่ามาหรอก” เย่ซีตอบกลับไปก่อนจะรับผ้าจากเยี่ยหลิงมาเช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าของตนเอง
“ขอบใจมาก” ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณพร้อมยิ้มให้หญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านข้าง
‘นัยน์ตาใหม่ของเถ้าแก่มันช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก ข้าละสายตาไม่ได้เลย’ เยี่ยหลิงคิดในใจพลางก้มหน้าไม่กล้ามองอีกฝ่ายมากนัก
ดวงตาคู่นั้นเหมือนมีพลังบางอย่างที่สามารถดึงดูดให้นางจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาได้
“ได้ผลหรือไม่เถ้าแก่ ?” ชิวเหม่ยซือกล่าวถามออกมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์น่าจะปกติแล้ว ถึงยังไงของสิ่งนั้นที่นางมอบให้อีกฝ่ายไปก็เป็นถึงมรดกตกทอดของแดนมายาต้วนหลี่ ถ้าจ่ายไปแล้วไร้ซึ่งผลตอบแทนกลับมา แดนมายาของพวกนางคงจะรับไม่ไหว
“ได้ผลซิ นี่รางวัลของเจ้า รับไปได้เลย” เย่ซียิ้มออกมาก่อนจะส่งมอบขนพญาเสือขาวให้อีกฝ่ายไป
“ขอบคุณเถ้าแก่เป็นอย่างมาก เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปหาที่เจ้าสำนักก่อน” ชิวเหม่ยซือกล่าวอำลาออกมาก่อนที่นางและศิษย์ที่พามาด้วยจะพากันเดินออกไปจากร้านเซียนรับจ้างไป
“ได้สิ ถ้ามีเวลาก็อย่าลืมกลับมาซื้อสินค้าของข้าอีกนะ” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เพราะนางซื้อสินค้าทุกชิ้นเท่าที่จะซื้อได้ไป รวมถึงพวกหญ้าที่เขาเด็ดมาด้วย
“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนเช่นกันเถ้าแก่” หานจุนหมิงกล่าวอำละ
“ไว้ข้าจะมาใหม่นะเถ้าแก่!” หยางเสียก็กล่าวขึ้นเช่นกัน
หลังจากนั้นทุกคนก็พากันจากไป เหลือเพียงเย่ซี เยี่ยหลิง ฟิช ปลาทองฉู่ เนื่องจากเพิ่งจะเป็นการเปิดร้านครั้งแรกเลยทำให้มีผู้คนมาเยี่ยมเยียนน้อยก็ไม่นับว่าน่าแปลกอะไรนัก
“เถ้าแก่ ข้าไปวางบ้านไม้เสร็จแล้ว ข้าเอาดินในบึงบางส่วนมาถมตรงจุดที่ข้าต้องการเพื่อทำเป็นเนินไว้วางบ้านไม้” ฟิชกล่าวรายงานถึงสิ่งที่มันทำออกมา
“หลังจากปราการแสงหายไปก็มีผู้คนเข้ามาหาผลประโยชน์จากที่ดินมากขึ้น ข้ารับผิดชอบไล่พวกมันออกจากบึงน้ำและตามขอบบึง ในตอนนี้มีเพียงชาวบ้านธรรมดาและผู้ฝึกตนระดับต่ำ ข้าจึงกำชับให้พวกลูกน้องไล่พวกมันออกไป” มนุษย์ปลาตัวใหญ่สีดำกล่าวรายงานต่อ
“แล้วทางเจ้าล่ะเยี่ยหลิง ?” ชายหนุ่มที่ได้ยินปลาปากเสียรายงานจึงกล่าวถามหญิงสาวด้านข้างต่อ
“สถานการณ์บนผืนดินก็เป็นเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ มีบางพวกที่ใจกล้าถึงขนาดคิดจะเด็ดต้นสมุนไพรหรือต้นไม้ที่เถ้าแก่ปลูกเอาไว้ก็มี” หญิงสาวตอบคำถามของอีกฝ่ายออกมา
นางให้พวกลูกน้องลาดตระเวนทั่วบริเวณเช่นกัน นับว่ายังโชคดีที่ไม่เกิดความเสียหายอะไรขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเพียงวันแรกเท่านั้น!
ถ้าปล่อยเอาไว้นานเกินไปอาจมีผู้คนที่มีระดับการฝึกตนสูงเข้ามาวุ่นวายมากขึ้นก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้นจำนวนปลาและแมวที่เฝ้าลาดตระเวนก็อาจมีไม่เพียงพอ
‘ข้าคงต้องทำอะไรสักอย่างสินะ’ เย่ซีกล่าวในใจ เขาคิดว่าถ้าปล่อยเอาไว้นานไปคงไม่ดีแน่