[ตอนฟรี] ตอนที่ 193 : เทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์พิชิตโลกด้วยเลือด
ณ ทวีปสวรรค์เร้นลับ ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ประจำแดนสวรรค์ตะวันออก
เสียงการต่อสู้ดังระงมไปทั่วบริเวณ บนท้องฟ้าก็มืดครึ้มไปด้วยควันดำ
บนท้องฟ้า ปีศาจแมงมุมยักษ์ตัวแล้วตัวเล่าปรากฏให้เห็นไม่ขาดสาย
ส่วนบนพื้นดิน ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้นทีละหลุม พร้อมกับปีศาจแมงมุมยักษ์สีดำสนิทที่พุ่งขึ้นมา
พวกมันมาจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ภายในเขตกลางต้องของห้ามทวีปสวรรค์เร้นลับ จากสถานที่ที่ชื่อว่า ภูเขาศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปีศาจ
ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าแมงมุมปีศาจเทวะ
เผ่าแมงมุมปีศาจเทวะเป็นเผ่าโบราณระดับราชาที่ทรงพลังมากเผ่าหนึ่ง พวกมันมีนิสัยชอบการฆ่าฟันด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมอำมหิต
อีกไม่นาน แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ของมนุษย์คงไม่พ้นการถูกทำลาย
อีกด้านหนึ่ง ภายในแดนสวรรค์ตะวันตก การปะทะกันครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นภายในวิหารของมนุษย์
เหล่าอสูรยักษ์ที่มีความสูงถึงสามจั้งปรากฏตัวขึ้น (1 จั้งประมาณ 3.33 เมตร)
ผิวหนังของพวกมันปกคลุมไปด้วยชั้นหินราวกับชุดเกราะ ซึ่งไม่ได้มีแต่พลังป้องกันที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังมีพละกำลังมหาศาลอีกด้วย
พวกมันคือเผ่าโบราณที่มีชื่อว่าเผ่ายักษ์หิน มาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์หินดาวตก
“พวกมนุษย์ต้องถูกกำจัด! จากนี้ไป เผ่าโบราณของพวกข้าคือเจ้าของทวีปสวรรค์เร้นลับ!”
ยักษ์หินระดับนักบุญคำรามด้วยความโกรธ มันเหวี่ยงท่อนไม้ยักษ์และทุบผู้บ่มเพาะระดับกึ่งนักบุญจนตายในทีเดียว
ภาพแบบเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งสี่ทิศของทวีปสวรรค์เร้นลับ
เหล่าเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ต้องการใช้โอกาสที่ทั้งสิบทวีปกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายเพื่อชโลมโลกด้วยเลือด และสถาปนาระเบียบอันสูงส่งของเผ่าโบราณ
เผชิญกับการจู่โจมแบบกะทันหันจากเขตกลางต้องหามของเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์ เหล่าตระกูลลับ หรือกองกำลังอื่นๆ พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีเลยแม้แต่น้อย จึงประสบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
แต่พูดกันตามตรง ต่อให้มนุษย์มีเวลาเตรียมตัว ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่
เหตุผลที่เขตกลางต้องหามถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย มันเป็นเพราะพวกเผ่าโบราณที่มีเบื้องหลังลึกซึ้งและทรงพลังเกินไป
พื้นที่แห่งนี้จึงถูกขนานนามว่า เขตกลางต้องห้าม และเป็นธรรมดาที่กองกำลังของมนุษย์จะรับมือไม่ไหว
ซึ่งตอนนี้ที่เผ่าโบราณกำลังละเลงเลือดไปทั่วทวีปสวรรค์เร้นลับ แม้ว่ากองกำลังของมนุษย์เตรียมตัวมาดี การรับมือพวกมันก็ยังนับว่ายาก
ณ เวลานี้ ภายในนิกายตงเฉวียน
มองไปรอบๆ จะเห็นแต่ซากปรักหักพัง ทั้งกำแพงที่พังทลาย เศษอิฐเศษกระเบื้องกระจัดกระจายไปทั่ว
มีศพของศิษย์นิกายตงเฉวียนนับไม่ถ้วนนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น
บนท้องฟ้าปรากฏสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งที่กำลังลอยอยู่ พวกมันล้วนมีปีกสีฟ้าอยู่ด้านหลัง
พวกมันคือเผ่าอินทรีฟ้าครามจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ฟ้าครามนั่นเอง
ทว่า ท่ามกลางเผ่าอินทรีฟ้าครามเหล่านี้ กลับมีหนึ่งคนที่แปลกไปจากพวก
มันคือชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวที่มีสายตาเย็นชาและอาฆาตพยาบาท
เขาคือหลินเฟิง!
“นิกายตงเฉวียน พวกเจ้ารับคำสั่งจวินเซียวเหยาและฆ่าล้างตระกูลหลินของข้า ทั้งสังหารพ่อข้าและคนอื่นๆ อย่างเหี้ยมโหด นี่แหละ ราคาที่พวกเจ้าต้องจ่าย!”
หลินเฟิงดูเกรี้ยวกราด
ย้อนกลับไปตอนแรก เมื่อจวินเซียวเหยาเอ่ยปากว่าจะล้างบางตระกูลหลิน เป็นผู้นำนิกายตงเฉวียนที่ยื่นหน้าออกมาเป็นคนแรก
เกรงว่าเขาคงจะนึกไม่ถึงว่าการกำจัดตระกูลเล็กๆ ในตอนนั้น มันจะนำมาสู่การล้างแค้นครั้งใหญ่ขนาดนี้
นิกายตงเฉวียนทั้งนิกาย นอกจากผู้นำนิกายและยอดฝีมือไม่กี่คนแล้ว ศิษย์นิกายตงเฉวียนเกือบทั้งหมดล้วนถูกสังหาร
ขณะที่อารมณ์ของหลินเฟิงเริ่มไม่มั่นคง สาวน้อยร่างบางผมสั้นสีฟ้าคนหนึ่งก็เดินเข้ามาปลอบโยนเขา “ท่านหลินอย่าเศร้าไปเลย อย่างน้อยนิกายตงเฉวียนก็ถูกทำลายแล้ว ความแค้นของตระกูลท่านได้รับการแก้ไขแล้วล่ะ”
สาวน้อยผมสั้นสีฟ้าคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก เผิงหลิง เด็กสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์จากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ฟ้าคราม
นางและพี่ชายของนาง เผิงเฟย คือคนที่เจอหลินเฟิงตอนหมดสติก่อนหน้านี้นั่นเอง
ส่วนที่ว่าทำไมนางถึงดูเป็นห่วงเป็นใยหลินเฟิงเป็นพิเศษ แน่นอนว่ามันเป็นเพราะนางชอบหลินเฟิงยังไงล่ะ
อยากรู้เหรอว่านางชอบเขาได้ยังไง?
ไม่บอก! รู้ไว้ว่ามันเป็นพลังพระเอกก็พอ
ในฐานะที่หลินเฟิงเป็นตัวเอกของทวีปสวรรค์เร้นลับ ถ้าชนะใจผู้หญิงไม่ได้แม้แต่คนเดียวก็อย่าเรียกตัวเองว่าพระเอกเลย
แต่ถ้าพูดถึงจวินเซียวเหยา เจ้านั่นตกสาวๆ ได้เป็นพันคนเพราะเสน่ห์ของตัวเองล้วนๆ นะ
ส่วนของหลินเฟิง เขาต้องพึ่งพลังพระเอกน่ะ
ประสบการณ์อันพลิกผันและนิสัยที่มุ่งมั่นของเขาก็เลยทำให้เผิงหลิงค่อนข้างรู้สึกประทับใจ
แต่แม้จะได้รับคำปลอบโยนจากเผิงหลิง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของหลินเฟิงก็ยังไม่จางหาย
“ความแค้นของตระกูลข้าจะถูกแก้ไขได้ยังไง ในเมื่อรากเหง้าของปัญหาทั้งหมดคือจวินเซียวเหยา!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะมัน หลินเฟิงคนนี้จะทุกข์ทรมานขนาดนี้ได้ยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะมัน จื่อเหยียนจะตายได้ยังไง? และถ้าไม่ใช่เพราะมัน ตระกูลหลินของข้าจะถูกทำลายได้ยังไง?”
“เพราะฉะนั้น ข้า หลินเฟิง จะต้องฆ่าจวินเซียวเหยาด้วยมือของตัวข้าเอง ไม่เช่นนั้น ความแค้นในใจของข้าคงไม่อาจคลายได้!” หลินเฟิงกัดฟันแน่นพร้อมกับไฟแค้นในดวงตา
“หึหึ ข้าเองก็อยากเห็นคนชื่อจวินเซียวเหยานั่นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าระหว่างมันกับราชันเผิงน้อยปีกทองจากดินแดนอมตะ ใครจะเก่งกว่ากัน?”
ด้านข้าง เผิงเฟยหรือพี่ชายของเผิงหลิงก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเหมือนกัน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและเจตจำนงแห่งการต่อสู้
ในใจของเขา ราชันเผิงน้อยปีกทองคือตัวตนที่แทบจะไร้เทียมทานในดินแดนอมตะแล้ว
ส่วนคนที่ชื่อจวินเซียวเหยานั่น ไม่รู้ว่ามันจะมีฝีมือเป็นกี่ส่วนของราชันเผิงน้อยปีกทอง?
“ขอบคุณพี่ใหญ่เผิงเฟยมากขอรับ แต่ว่า หลินเฟิงอยากจัดการจวินเซียวเหยาด้วยตัวเองมากกว่า” หลินเฟิงกล่าว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หลินเฟิงไม่ได้ทำลายความคาดหวังของจวินเซียวเหยาผิดเลย เขาสามารถรวบรวมแก่นแท้พิภพที่เหลือได้จริงๆ
ตอนนี้พลังของเขาเหนือกว่าแต่ก่อนมาก
“แล้วตอนนี้พวกเราจะไปไหนกันต่อล่ะ?” เผิงหลิงถาม
“เหลืออยู่แค่ที่เดียวแล้ว ผู้นำนิกายตงเฉวียนและคนอื่นๆ คงจะหนีไปที่นั่น อันที่จริง กองกำลังทั้งหมดของมนุษย์ก็คงมุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยเหมือนกัน” หลินเฟิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ท่านหลิน สถานที่ที่ท่านพูดถึงคือ...” เผิงหลิงถามด้วยความสงสัย
“มันคือตระกูลน่าหลาน ตระกูลลับที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโบราณ!” หลินเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ
สาเหตุที่ทำไมหลินเฟิงถึงดูมั่นใจมาก มันเป็นเพราะตอนนี้ตระกูลน่าหลานคือตระกูลชั้นสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีปสวรรค์เร้นลับนั่นเอง
ทุกวันนี้ที่เผ่าโบราณจากเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ออกอาละวาดและเข่นฆ่าผู้คนในทุกหนแห่ง
สถานที่เพียงแห่งเดียวที่มนุษย์สามารถหลบภัยได้มีเพียงตระกูลน่าหลานเท่านั้น
“ถ้าเป็นดังที่เจ้าว่า งั้นพวกเราจะเรียกเผ่าโบราณเผ่าอื่น และบุกโจมตีตระกูลน่าหลานพร้อมกัน!” เผิงเฟยกล่าว
…
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่หลินเฟิงคาดการณ์ไว้จริงๆ
กองกำลังต่างๆ จากทั่วทั้งทวีปสวรรค์เร้นลับต่างกำลังมุ่งหน้าไปที่ตระกูลน่าหลาน
แล้วทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจแบบนั้น?
แน่นอน มันเป็นเพราะตระกูลน่าหลานมีความสัมพันธ์กับจวินเซียวเหยานั่นเอง
จวินเซียวเหยา ในฐานะเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดินแดนอมตะและบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลโบราณ ทั้งสถานะและอิทธิพล ใครเล่าจะเทียบกับเขาได้
ในใจของมนุษย์ทุกคนบนทวีปสวรรค์เร้นลับ มีเพียงบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ได้
นอกจากบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน กองกำลังต่างๆ ก็นึกไม่ออกแล้วว่าใครจะมีความสามารถนำทัพพวกเขาเข้าสู้กับเทือกเขาโบราณศักดิ์สิทธิ์ได้
ณ เวลานี้ บนยอดเขาโบราณ ตระกูลน่าหลานเองก็กำลังตกอยู่ในความโกลาหล
ผู้นำนิกายตงเฉวียนและคนไม่มากที่หนีมาได้พร้อมกับบาดแผลสาหัสต่างก็มีสีหน้าซีดเผือด
“ท่านน่าหลาน ท่านต้องส่งข้อความไปหานายน้อยเดี๋ยวนี้ และขอให้เขามาช่วยพวกเรา!” ผู้นำนิกายตงเฉวียนตะโกน
“เฮ้อ...เรื่องนี้ พวกเราเองก็ไม่มีช่องทางติดต่อนายน้อยเลย อีกอย่าง นายน้อยก็คงมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องทำ ครั้นจะไปรบกวนก็คงทำไม่ได้” น่าหลานจ้านถอนหายใจ
เขาเองก็อยากติดต่อกับจวินเซียวเหยาเหมือนกัน
แต่พวกเขาไม่มีช่องทางติดต่อเลยแม้แต่ช่องทางเดียว
และต่อให้พวกเขามี พวกเขาก็คงไม่กล้ารบกวนจวินเซียวเหยา
“แล้วพวกเราต้องทำยังไง? อีกไม่นานพวกเผ่าโบราณก็คงมาถึง ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ พวกเราคงต้องตายกันหมด!” ผู้นำนิกายตงเฉวียนร้องไห้คร่ำครวญ
เขาอยู่ในจุดที่น่าสงสารมาก จากทั้งนิกายตงเฉวียน พวกเขาเป็นแค่คนกลุ่มเดียวที่เหลืออยู่
ถัดไปด้านข้าง ตรงนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่ง นางมีรูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความกังวล นางคือน่าหลานลั่วซี
“นายน้อย ท่านจะมาไหมนะ?” น่าหลานลั่วซีคิดในใจ
นางปรารถนาเพียงได้พบกับจวินเซียวเหยาอีกครั้งเท่านั้นเอง