ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 438 อักษรภาพของเต้าจวิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 440 จ้าวจิงหยานมาเยือน

MDB ตอนที่ 439 ปล่อยให้จินตนาการโลดแล่น


“ภัณฑารักษ์ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องยาก พี่น้องของข้าต่างหมายปองบัลลังก์อย่างเอาเป็นเอาตาย ดังนั้นจึงไม่มีใครฟังข้าอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ แม้ว่าข้าจะคุยกับท่านพ่อโดยตรง ท่านพ่อก็ไม่มีทางอนุมัติเด็ดขาด เนื่องจากการเปิดคลังสมบัติถือเป็นเรื่องร้ายแรง”

เฟิงจือเฉียนอธิบาย

หลินจินเพียงแต่จ้องมองไปที่เฟิงจือเฉียนอย่างเงียบ ๆ ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไปอีฝ่ายก็ยิ่งอึดอัด เจ้าชายหนุ่มรู้ว่าภัณฑารักษ์ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเห็นคำขอของเขาได้รับการตอบสนอง ดังนั้นเขาจึงพูดว่า

"เออ... ขอข้าคิดดูก่อน บางทีข้าอาจจะคิดหาทางออกได้...”

เฟิงจือเฉียนเริ่มเดินไปมาพร้อมกับคิดหาทางอย่างลึกซึ้ง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำขอที่ยากลำบาก และเฟิงจือเฉียนก็กำลังพิจารณาวิธีแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ครู่ต่อมา เขาเงยหน้าขึ้นมองและพูดว่า

“ภัณฑารักษ์ โอกาสที่ข้าจะประสบความสำเร็จนั้นต่ำมากอย่างไม่น่าเชื่อ หากท่านมีเวลา ทำไมท่านไม่แวะไปที่อาณาจักรเกลียวสวรรค์ของเรา และแสดงความต้องการของท่านกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวดูล่ะ?”

ทุกคนต่างตกตะลึง

พวกเขาประหลาดใจที่เฟิงจือเฉียนผู้หน้าด้านพยายามใช้ภัณฑารักษ์เป็นส่วนหนึ่งของแผนการครองบังลังก์ของเขา ทุกคนต่างรู้ดีว่าเหล่าองค์ชายกำลังแข่งขันเพื่อชิงบัลลังก์ และการที่ภัณฑารักษ์เยี่ยมชมอาณาจักรเกลียวสวรรค์ด้วยนามของเขา มันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

เฟิงจือเฉียนไม่ใช่คนโง่ เขาจึงพูดต่อว่า

“ภัณฑารักษ์ คำขอนี้ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของท่านเท่านั้น ข้ายอมรับ ข้าหวังว่าภัณฑารักษ์จะช่วยข้าได้

และอีกอย่าง แม้ว่าท่านพ่อจะยินยอมให้ท่านอ่านอักษรภาพของเต้าจวินก็ตาม แต่ท่านก็ยังต้องเดินทางไปที่อาณาจักรเกลียวสวรรค์เพื่อมันด้วยตาเนื้อของท่านเองอยู่ดี”

สิ่งที่เขากล่าวมันฟังดูสมเหตุสมผลมาก

หลินจินครุ่นคิดเล็กน้อย อักษรภาพของเต้าจวินมีความสำคัญต่อเขามาก และจากเบาะแสที่เขารวบรวมมาจนถึงตอนนี้ เขาแน่ใจว่าเต้าจวินน่าจะเป็น 'ผู้ข้ามโลก' เช่นเดียวกับตัวเขาเอง

แม้ว่าทั้งหมดนี้ฟังดูไร้สาระ แต่มันก็อาจเป็นเรื่องจริง ท้ายที่สุดแล้ว หลินจินได้ข้ามโลกมาที่นี่จริง ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเคยมีใครประสบพบเจอประสบการณ์แบบเดียวกับเขา

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น เพื่อยืนยันมัน เขาจำเป็นต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน และอักษรภาพของเต้าจวินก็เป็นหลักฐานเดียวที่เขาหาเจอ ดังนั้นมันจึงคุ้มค่าอย่างยิ่งที่เขาจะเดินทางไปยังอาณาจักรเกลียวสวรรค์

อย่างไรก็ตาม อาณาจักรเกลียวสวรรค์นั้นอยู่ห่างไกลมาก ตอนนั้นเองที่หลินจินนึกขึ้นได้ว่าเพื่อที่จะเลื่อนระดับผู้ประเมินของเขาไปขั้นถัดไป เขาจะต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานใหญ่ของสมาคมประเมินสัตว์วิเศษของประเทศขนาดใหญ่เสียก่อน

อาณาจักรมังกรหยกสามารถอนุมัติได้เฉพาะผู้ประเมินระดับหนึ่งถึงระดับสามเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ หลินจินจึงพบเหตุผลอื่นที่จะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรเกลียวสวรรค์ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวของเขา เขาสนใจที่จะเห็นว่าผู้ประเมินระดับสูงทำงานกันอย่างไร และเขายังช่วยตันซุนส่งจดหมายไปให้ตันหลินอีกด้วย

หลินจินตัดสินใจแล้ว

ดูเหมือนการเดินทางสู่อาณาจักรเกลียวสวรรค์ครั้งนี้มีธุระที่เขาต้องทำอีกมากมาย

หลินจินจะไปเยี่ยมอาณาจักรด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยมากเกินไป ท้ายที่สุด เขาไม่รู้ว่าการเดินทางจะใช้เวลานานเท่าใด และอาจใช้เวลานานถึงสองเดือนด้วยซ้ำ นอกจากนี้เขายังต้องเตรียมการที่เมืองเมเปิ้ลอีกด้วย และนี่อาจเป็นจุดสิ้นสุดของเขาในฐานะหัวหน้าสมาคม

นอกจากนี้ หลินจินยังสัญญากับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรมังกรหยก เหอเฉียน ว่าจะไปพบเขาด้วยตัวตนของภัณฑารักษ์ ดังนั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นออกเดินทาง เขาจะต้องไปพบกับอีกฝ่ายก่อน

ตอนนี้เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ยังมีอะไรให้ทำมากมาย

หลังจาก ออกมาจากห้องโถงเยี่ยมชมแล้ว หลินจินก็เริ่มเตรียมตัวทันที บังเอิญในวันที่สอง หลินจินได้รับจดหมายจากสำนักงานใหญ่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองมังกรหยก

“ไม่อยากจากเชื่อเลย มันมาจากผู้ประเมินตันซุน” หลินจินเปิดจดหมายด้วยความประหลาดใจที่มันมาได้จังหวะพอดี

ก่อนหน้านี้ที่เมืองหลวง การสาธิตทักษะของหลินจินทำให้เขาได้รับความเคารพจากตันซุนกับชูเชิงเหอ พวกเขายังยืนยันอีกว่าความสามารถของหลินจินเพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นผู้ประเมินระดับสี่

อย่างไรก็ตาม สำนักงานใหญ่ของอาณาจักรมังกรหยกไม่มีอำนาจในการมอบตำแหน่งที่สูงส่งเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงสัญญาว่าจะรายงานเรื่องนี้ไปยังสำนักงานใหญ่ของประเทศขนาดใหญ่ เพื่อดูว่าพวกเขาสามารถแนะนำสำหลินจินโดยใช้เส้นสายของพวกเขาได้หรือไม่?

และแน่นอนว่ามันได้ผล

ในจดหมายของเขา ผู้ประเมินตันซุนกล่าวว่าสำนักงานใหญ่ของอาณาจักรเกลียวสวรรค์ได้ตกลงที่จะดำเนินการตรวจสอบ แต่หลินจินจำเป็นต้องเดินทางไปยังที่นั่น สำหรับรายละเอียดของการตรวจสอบนั้น หลินจินจะได้รู้หลังจากที่เขาไปถึง

สิ่งนี้สอดคล้องกับแผนการของหลินจินอย่างสมบูรณ์แบบ

บางทีตันซุนอาจกังวลว่าหลินจินจะไม่ไป ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อโน้มน้าวชายหนุ่มด้วยจดหมายของเขา เขายังตระหนักถึงตำแหน่งปัจจุบันของหลินจิน ดังนั้นเขาจึงอธิบายว่าการได้รับสถานะของผู้ประเมินระดับสี่นั้นดีกว่าการเป็นหัวหน้าของสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ลหลายเท่า

จากเนื้อหาในจดหมายของตันซุน หลินจินสามารถบอกได้ว่าตันซุนเป็นห่วงอนาคตของเขาอย่างแท้จริง และนั่นทำให้หลินจินรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

หลินจินเขียนจดหมายตอบกลับตันซุนโดยบอกว่าเขาจะทำตามคำแนะนำของเขา และจะเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่อาณาจักรเกลียวสวรรค์ นอกจากนี้ เขายังขอให้สำนักงานใหญ่ส่งผู้ประเมินมาสืบทอดดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาของเมืองเมเปิ้ลอีกด้วย

กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายวัน และในขณะนี้ หลินจินก็ต้องเตรียมการสำหรับคนที่บ้านด้วย เนื่องจากเขาจะจากไปอย่างน้อยหนึ่งหรือสองเดือน เขาจึงไม่ได้วางแผนจะพาใครไปด้วย

นอกจากนี้เขายังต้องดูแลจ้าวหยิง, หลู่เสี่ยวหยุนและคนอื่น ๆ ดังนั้น หลินจินจึงเขียนตำราบางส่วนไว้เพื่อที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ต่อไปได้ แม้ว่าจะไม่มีเขาอยู่แล้วก็ตาม

เมื่อพูดถึงตอนนี้ ลูกศิษย์ของเขาต่างก็มีทักษะสูง ไม่ว่าจะเป็นจ้าวหยิง, หลู่เสี่ยวหยุน, ฮานดง หรือเจียเฉียนก็ตาม พวกเขาล้วนมีคุณสมบัติเป็นผู้ประเมินระดับหนึ่ง หลินจินมั่นใจว่าพวกเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทั้งสี่คนอาจผ่านการทดสอบคุณสมบัติผู้ประเมินในครั้งต่อไป

และหลินจินก็รู้สึกสบายใจกับการเติบโตของพวกเขา

เย่หยู่โจวแวะมาในตอนเช้าเพื่อส่งชีวประวัติของเต้าจวิน หลินจินขอบคุณชายชราและพูดคุยกับเขาสั้น ๆ ก่อนที่ชายชราจะจากไป

ต่อมา หลังจากที่มาถึงสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแล้ว หลินจินก็เริ่มพลิกดูชีวประวัติและอ่านอย่างจริงจัง

ชีวประวัตินี้เป็นการรวบรวมตำนานต่าง ๆ อย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าเรื่องราวบางเรื่องจะเป็นเท็จอย่างเห็นได้ชัด แต่ขณะนี้ หลินจินมีความคิดคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เต้าจวินทำในอดีต

ยิ่งเขาอ่านมากเท่าไร หลินจินก็ยิ่งมั่นใจว่าเต้าจวินก็เหมือนกับเขามากขึ้นเท่านั้น

ชายคนนั้นเป็นผู้ข้ามโลกที่อาจเป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษคนก่อน

การคาดเดาของหลินจินนั้นอาจไม่มีมูลความจริง เขานึกถึงมรดกสืบทอดของตระกูลเฉียวซึ่งเป็นป้ายไม้ของห้องโถงเยี่ยมชม สำหรับผู้เยี่ยมชมหมายเลขสาม

เนื่องจากสิ่งของนี้มีอยู่ในโลกภายนอก มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าห้องโถงเยี่ยมชมได้เปิดดำเนินการแล้วก่อนที่หลินจินจะได้รับพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษมาเสียอีก

มิฉะนั้น ทำไมป้ายไม้ของผู้เยี่ยมชมถึงถูกทิ้งไว้ข้างนอก?

นอกจากนี้ยังมีคำถามมากมายตามมา เช่น เหตุใดป้ายไม้หมายเลขสามจึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง? และเหตุใดป้ายไม้หมายเลขสี่, หมายเลขห้าและหมายเลขหกจึงถูกกำหนดให้กับเจ้าของใหม่

แน่นอนว่าเจ้าของใหม่เหล่านี้คือเหอฉิงและคนอื่น ๆ

เช่นเดียวกับป้ายไม้หมายเลขสาม ป้ายไม้หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสองถูกทิ้งไว้ข้างนอกเช่นกันใช่หรือไม่?

หากเป็นเช่นนั้น ป้ายไม้หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสองตอนนี้อยู่ที่ไหน? เต้าจวินเป็นผู้ที่เข้าถึงห้องโถงเยี่ยมชมก่อนหน้านี้หรือไม่?

ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นปริศนา

ใช่แล้ว ยังมีสมาคมผู้ประเมินมารอีกด้วย

เมื่อพิจารณาว่าแผนการของพวกเขาที่จะปล้นตระกูลเฉียวที่มีป้ายไม้หมายเลขสามนั้นช่างน่าซับซ้อนเพียงใด พวกเขาอาจจะรู้ความลับเบื้องหลังของป้ายไม้หรือไม่? ตอนนี้พวกเขาได้นำป้ายไม้ของตระกูลเฉียวออกไปแล้ว และตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?

ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ความคิดของหลินจินก็ล่องลอยไปไกล และในระหว่างนั้นเอง จ้าวหยิงก็เข้ามาหาเขา และพูดอย่างแผ่วเบาว่า

“อาจารย์หลินเจ้าคะ มีหญิงสาวชื่อจ้าวจิงหยานรออยู่ข้างนอก เธอได้อ้างว่าเป็นเพื่อนของอาจารย์เจ้าค่ะ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด